เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณแกนครับ คุณแกนเล่าว่า.. เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณยายแกนค่ะ เกิดขึ้นที่ภาคอิสานสมัยยายยังเป็นเด็ก ยายเล่าให้ฟังว่า ที่บ้านยายมีที่ดินเยอะ เพราะคุณทวด (แม่ของยาย) ปลูกข้าว และปลูกมะม่วงขาย ช่วงเทศกาลคุณทวดก็มักจะให้ยายกับน้องๆ มาช่วยเฝ้าสวนตอนหลังเลิกเรียน เพื่อแลกกับเงินค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ.. ที่พักที่สวนจะเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ ปลูกด้วยไม่ไผ่ ตัวเรือนยกสูงจากพื้นดิน หลังคามุงด้วยใบจากตากแห้ง มีหน้าต่าง 2 บาน และประตูอยู่ตรงกลางกระท่อม

ยายเล่าต่อว่า เย็นวันนั้นยายเหนื่อยล้ามาก เนื่องจากต้องเข้าเมืองไปเก็บค่าแผงผักในตลาดให้คุณทวด และกลับมาอาบน้ำให้ควายอีก 2 ตัวจึงทำให้ยายเผลอหลับไปขณะเฝ้าสวนมะม่วง พอสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าตะวันลับฟ้าไปแล้ว ยายเลยรีบเก็บของเบ็ดเตล็ดเข้าย่าม และหนังสือเรียนที่เอามาอ่านทบทวนระหว่างเฝ้าสวน ยายรีบเปิดประตู และคว้าตะเกียงลมเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวจะไม่ทันกินข้าวเย็น (เนื่องจากคนสมัยก่อนกินข้าวเป็นเวลา ไม่กินจุกจิกเหมือนคนสมัยนี้ ถ้าหากใครมาไม่ทันกินข้าว เขาก็จะเก็บสำรับแล้วก็จะอดกิน) ยายเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ฝนก็ตกลงมาหนักมากๆ และระยะทางจากกระท่อมถึงตัวบ้านก็ไกลพอสมควร ทำให้ยายตัดสินใจวิ่งกลับไปที่กระท่อมรอฝนหยุด แล้วค่อยเดินกลับบ้าน เพราะถ้าฝ่าฝนไปตอนนี้รองเท้า และชุดนักเรียนคงจะเลอะโคลนหมด

ยายนั่งรอนานมากฝนก็ไม่หยุดตกสักที จนยายหลับไปอีกรอบ ตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว ลมแรงพัดจนต้นตาลหลังสวนมะม่วง โยกเยกโงนเงนตามแรงลม ยายคิดในใจว่า คืนนี้คงไม่ได้เข้าบ้านแล้ว กะว่าจะนอนที่นี่เลย แล้วตอนเช้าค่อยกลับไปอาบน้ำที่บ้านก่อนไปโรงเรียน ยายนอนคิดอะไรเพลินๆ จนสายตาเริ่มชินกับความมืด ขณะที่ยายมองออกไปนอกหน้าต่าง ยายเห็นต้นไม้ต้นนึงไหวแปลกๆ ไหวแบบขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนลุกๆ นั่งๆ เพราะต้นอื่นไหวไปซ้าย-ขวา ยายก็เลยยิ่งเพ่งตามอง และสิ่งที่ยายเห็นนั่นคือ คนรูปร่างสูงมากๆ และก็ผอมจนหนังติดกระดูก หัวโต ผมเผ้าดูกระเซอะกระเซิง เดินแบบโซเซ เพราะความสูงที่ไม่สมดุลกับความผอม และยายรู้ทันทีว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่คนแน่ๆ ยายตกใจ และกลัวมากๆ แต่ก็ยังแอบดูอยู่เงียบๆ

ยายหลี่ตะเกียงลมเพื่อลดแสงไฟในกระท่อม จากนั้นก็นอนหันหลังให้หน้าต่าง และพยายามข่มตาหลับ.. แต่ยายก็ได้ยินเสียงหวีดร้องโหยหวนเจ็บปวด หลังจากที่ได้ยินเสียงดัง ‘ป๊อก’ เป็นเสียงเหมือนอะไรแตกหัก ยายได้ยินหลายครั้งมากๆ จนเริ่มสงสัย และตัดสินใจ กลั้นใจแอบมองออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง.. และสิ่งที่ยายเห็นคือ มันลุกนั่งอยู่อย่างนั้น เหมือนกับจะหาของกินที่อยู่ตามพื้น และทุกครั้งเวลาก้มตัวลง กระดูกสันหลังก็จะหักดัง ‘ป๊อก’ พร้อมกับเสียงร้อง ‘วีดด’ สูงๆ ยาวๆ ด้วยความทรมาน และมือที่เก้งก้างก็ปัดป่ายที่หลัง หวังจะบรรเทาอาการเจ็บนั้น สักพักก็ก้มลงไปอีก และทุกครั้งก็จะได้ยินเสียง ‘ป๊อก’ ตามมาด้วยเสียงหวีดร้องซ้ำอยู่อย่างนั้น..

ยายเล่าไปก็บอกไปว่าดูน่าสงสารมาก เพราะคงจะหิวโซ ถ้าไม่ก้มลงไปหาของกิน ก็คงจะหิว แต่จะก้มลงไปก็ต้องแลกกับความเจ็บปวดทรมานที่กระดูกสันหลัง.. ยายของแกนไม่เคยลืมเรื่องนี้เลย และทุกครั้งที่ยายเล่าให้ฟัง ยายก็จะบอกให้ว่าทำความดีมากๆ ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ตายไปจะได้ไม่ต้องไปร้องหิวโหยเจ็บปวด เหมือน ‘เปรต’ ตนนั้นไงล่ะ..

*เปรต แปลว่า ผู้ล่วงลับ ในทางพุทธศาสนาหมายถึง อมนุษย์พวกหนึ่งที่เกิดในเปตวิสัยซึ่งเป็น 1 ใน 4 อบายภูมิ เปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ ก็มักจะกินเลือด และหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต..

Story by คุณแกน

ความคิดเห็น