เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณจิ๊บครับ คุณจิ๊บเล่าว่า.. เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงที่ผมเรียนอยู่ ป.5 ครับ เป็นช่วงวันหยุดติดต่อกัน 4-5 วัน ประมาณปลายปี ครอบครัวผมก็วางแผนว่าจะไปเที่ยวเชียงใหม่กัน ไปสัมผัสอากาศหนาวๆ ซึ่งผมก็ตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวภาคเหนือ เราไปกันครอบครัวใหญ่ครับ มีครอบครัวของน้าเขยไปด้วย โดยครอบครัวผมจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ด้วยรถไฟสปรินเตอร์ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ..เมื่อมาถึงเชียงใหม่ ครอบครัวผมก็ได้เข้าพักที่โรงแรมใจกลางเมืองเชียงใหม่ก่อน คืนแรกทุกอย่างก็ปกติดี

พอมาช่วงเช้าอีกวันหนึ่ง ทางบ้านน้าเขยก็เดินทางมาถึง เราได้เหมารถตู้รวมตัวกันเป็นครอบครัวใหญ่ เดินทางไปพักกันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง อยู่อำเภอหางดง พอเข้ามาถึงหน้ารีสอร์ท สัมผัสแรกที่รู้สึก คือดูจะเป็นรีสอร์ทที่มีเอกลักษณ์ของชาวเหนือมากๆ ตั้งแต่ทางเข้าที่ดูเป็นคุ้ม ขับมาเรื่อยๆ เห็นบ้านพักเรียงกันข้างทางเป็นหลังๆ ลักษณะเหมือนบ้านทรงฝรั่ง ซึ่งจะมีปล่องไฟด้วย.. แต่น้าเขยบอกว่า ที่ที่เราพักจะเหมาเป็นบ้านหลังใหญ่กลางรีสอร์ทเลย มีห้องนอนหลายห้อง ซึ่งพอไปถึง มันก็ใหญ่มากจริงๆ แต่ลักษณะจะเป็นบ้านทรงไทยชั้นเดียวยกสูงขนาดใหญ่ ตัวบ้านมีเสาไม้ขนาดใหญ่หลายต้น โดยครอบครัวผมจะได้พักห้องที่อยู่ด้านขวาสุดของบ้าน

หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของเชียงใหม่กันครับ.. จนกระทั่งช่วงเย็น น้าเขย กับพ่อก็ซื้อของกินกลับมากินกันตอนเย็น ซึ่งกลางบ้านจะมีลานที่ยกขึ้นสูงจากพื้นมาประมาณ 2 คืบ ให้เดาน่าจะเป็นที่เอาไว้ตั้งวงกินข้าวกัน หลังจากกินข้าวกันเสร็จ พวกผู้ใหญ่ก็ตั้งวงกินเหล้ากันต่อ ส่วนเด็กๆ อย่างผมกับน้องๆ (ลูกน้าเขย) ก็จะเล่นซนกันตามประสาเด็ก เล่นๆ ไป ผมก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมาสุดๆ แต่ห้องน้ำมีคนเข้าอยู่ ผมเลยต้องลงไปด้านล่างของตัวบ้าน ก็มองเห็นฐานของเสาต้นใหญ่ตั้งอยู่ ผมเดินถัดจากเสาไปนิดหน่อย แล้วก็ไปยืนฉี่อยู่ข้างเสา.. จากนั้นผมก็กลับขึ้นไปนั่งร่วมวงฟังผู้ใหญ่คุยกันในวงเหล้า จนแม่มาเรียกให้เข้านอนครับ.. ผมกับแม่ขึ้นมากันก่อน ก็ปูพื้นนอนกัน โดยปลายเท้าจะชี้ไปที่เสาไม้ต้นหนึ่งในห้อง ส่วนหัวนอนก็จะอยู่ตรงประตูห้องพอดี พอผมล้มตัวลงนอนหัวถึงหมอนปั๊บ รู้สึกตามันวูบลงไวมาก ทั้งๆ ผมก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย แล้วก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองนอนสบายมากๆ เหมือนตัวเบาๆ เย็นๆ ผ่อนคลาย แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยครับ..

แต่หลับไปได้นานเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจ ผมก็มีความรู้สึกว่ามีเสียงคนเรียกผมเบาๆ แล้วมันก็ค่อยๆ ดังขึ้นๆ จนผมตกใจตื่น! ลุกขึ้นมานั่ง ผมมองไปข้างๆ ก็ต้องแปลกใจว่า แม่ผมเป็นคนปลุกผมนั่นเอง และแม่ผมก็ดูหน้าซีดมาก ส่วนพ่อผมก็อยู่ใกล้ๆ กันนี่เอง พอผมแหงนหน้าไปที่ประตูห้อง ก็เห็นพวกน้าๆ มาออกันอยู่ที่หน้าประตูห้องเต็มไปหมด สีหน้าทุกคนดูตกใจกันมาก.. สักพัก พ่อก็บอกทุกคนว่า ‘ไม่มีอะไรแล้วล่ะ.. แยกย้ายกันได้ไปนอนได้แล้ว’ ผมก็งงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น? แม่ผมก็ดูท่าทางยังกลัวๆ อยู่ ส่วนพ่อผมก็เอาพระที่ห้อยคอพ่อ มาคล้องคอผมอีกเส้นหนึ่ง ทั้งๆ ที่ผมเองก็ห้อยพระอยู่แล้ว.. ผมก็ทั้งแปลกใจ ทั้งกลัว ได้แต่เลียบๆ เคียงๆ ถามไปว่า ‘เกิดอะไรขึ้นหรอ?’ พ่อแม่ผมก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่ตอนนั้นผมรู้สึกกลัวมากๆ ในใจคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ทั้งคืนนั้นผมนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นตลอดคืนจนถึงเช้าเลยครับ..

เช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก.. ระหว่างที่นั่งมาในรถตู้เพื่อที่จะไปเที่ยวที่อื่นๆ ต่อ แม่ก็เล่าให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า ‘เมื่อคืนตอนจิ๊บหลับไปพร้อมๆ กับแม่ อยู่ๆ จิ๊บก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งพร้อมกับเรียกแม่.. ทีแรกแม่ก็งงว่ามีอะไร? ทั้งๆ ที่เพิ่งจะนอนไป แต่ก็ต้องตกใจ เพราะเห็นจิ๊บกำลังชี้ไปที่เสาไม้ตรงปลายเท้า พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ และก้มลงกราบ.. แล้วจิ๊บก็ยังลุกขึ้นรำ โดยที่ดวงตาเหลือกจนขาวสนิทไม่มีตาดำเลย และมือไม้ที่รำก็อ่อนจนปลายนิ้วมาแตะหลังมือได้เลย.. พอหยุดรำ ก็ชี้ไปที่เสาไม้ต้นนั้นอีก พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ และก้มลงกราบอยู่อย่างนั้น.. แม่ตกใจมากจึงได้รีบลุกไปเรียกพ่อ และผู้ใหญ่ในวงเหล้ามา จนพักใหญ่จิ๊บถึงจะรู้สึกตัว..’ ผมเองซึ่งไม่รู้เรื่อง รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ได้ยินอย่างงั้นก็รู้สึกขนลุกซู่ เสียววาบไปทั้งตัว ใจเนี่ยตกไปถึงตาตุ่มเลยครับ

จากนั้นน้าเขยก็ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ‘เมื่อวานที่มาถึงตอนกลางวัน มีแม่บ้านมาทำความสะอาดที่พัก แกกำลังจะเล่าประวัติอะไรสักอย่างของบ้านหลังนี้ อยู่ๆ แกก็หงายหลังล้มไปโดยไม่รู้สาเหตุ พอแกลุกขึ้นมา ก็ทำท่าทางกลัวๆ แล้วรีบเดินไปทำความสะอาดทางอื่นทันที..’ สำหรับครอบครัวผม มันเป็นวันพักผ่อนที่ลืมไม่ลงเลยล่ะครับ..

Story by คุณจิ๊บ

ความคิดเห็น