เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเอครับ คุณเอเล่าว่า.. สมัยผมยังอยู่ต่างจังหวัด ผมไม่เคยได้ออกไปไหนสักเท่าไหร่ ประมาณว่าครอบครัวเลี้ยงมาแบบปิดกั้นมาก จนมีวันหนึ่ง คุณอาของเพื่อนสนิทผม ซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อผมด้วย แกมาชวนผมกับพ่อไปตกปลาครับ ผมเองซึ่งไม่เคยไปก็ตื่นเต้นมาก และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปตกปลา

พอถึงวันที่ไปตกปลาเราจะตกกันช่วงกลางคืน ก็ไปกัน 4 คนครับ มีผมกับพ่อ และเพื่อนผมกับอา คุณอาเป็นคนเลือกสถานที่ เป็นตอม่อสะพานข้ามทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่งทางภาคใต้ เมื่อไปถึง คุณอาก็โทรเรียกเรือตังเกมารับจากฝั่ง ไปยังตอม่อสะพาน ระหว่างทางที่อยู่บนเรือ บรรยากาศอึมครึมชวนขนหัวลุกแปลกๆ ใช้เวลาไม่นานเรือก็ไปถึงตอม่อสะพาน พวกเราใช้เวลาทั้งคืนในการตกปลา.. จนประมาณตี 1 บรรยากาศเงียบมาก อยู่ๆ ตาเบ็ดของเพื่อนผมก็ดันติดปลาครับ มันก็รีบกระชากคันเบ็ด และหมุนรอก แต่ด้วยแรงของเด็กวัยรุ่นอายุ 16 ปี คนเดียว เหมือนจะไม่สามารถสู้แรงปลาปริศนาตัวนั้นได้ คุณอาเลยมาช่วยดึงรอก พวกเราเสียเวลาไปกับปลาตัวนั้นนาน ราวกับตกได้ปลาตัวใหญ่ แต่พอสามารถเอาขึ้นมาได้ มันกลับกลายเป็นหม้อดินเผาครับ หม้อดินเผาขนาดใหญ่ มีผ้ายันต์ที่น่าจะทำจากผ้าจีวรพระ ปิดอยู่บนปากหม้อ พอเห็นแบบนั้น คุณอารีบตัดเอ็นทิ้งทันที แต่ด้วยความเก่าของผ้ายันต์ กับตาเบ็ดที่ไปเกี่ยวมันบวกกับน้ำหนักหม้อ ทำให้ผ้ายันต์ฉีกขาดก่อนจะตกลงน้ำไป ทีนี้ทุกคนรีบช่วยกันเก็บอุปกรณ์ทันทีครับ คุณอาโทรก็หาเรือ รอจนตี 3 เรือถึงจะมารับพวกเรากลับเข้าฝั่ง

หลังจากวันนั้น บอกตามตรงเลยครับ เวลาผมไปไหนมาไหน จะรู้สึกเหมือนมีคนตามตลอดเวลา ทำอะไรก็เหมือนมีคนคอยมองอยู่ แต่ก็พยายามคิดเอาว่าผมคงคิดไปเอง จนเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาเกิดขึ้นกับเพื่อนผมครับ.. ในวันสงกรานต์ของปีถัดมา เพื่อนผมมันรถล้ม แต่ที่แปลกคือคนที่อยู่เห็นเหตุการณ์ก่อนมันจะล้มต่างพากันพูดกันว่า เห็นผู้หญิงซ้อนท้ายไปด้วย ลักษณะผมยาวดำ แต่งกายด้วยชุดสีฉูดฉาดย้อนยุค เหมือนสมัยปี 1980 ..อุบัติเหตุครั้งนั้นทำเพื่อนผมหมดสติไปนาน 7 วัน พอฟื้นขึ้นมามันบอกว่า ‘ตอนล้ม เหมือนมีใครแกล้งเอามือมาปิดตา ทั้งที่ขี่อยู่คนเดียว..’

หลังจากนั้นราว 3 เดือนก็ถึงคราวของผมครับ ซึ่งตลอดเวลาก่อนหน้านี้ ผมก็ยังรู้สึกเหมือนมีคนตามอยู่ตลอดนะ.. คืนนั้นเป็นคืนที่ผมต้องขี่รถจากตัวอำเภอหนึ่งไปยังตัวจังหวัด ระยะทางราว 40 กิโลเมตร ผมเลือกที่จะใช้เส้นทางสายเก่าซึ่งเร็ว และสั้นกว่าสายใหม่ แต่ถนนจะแคบกว่า ผมขี่รถมาจนถึงศาลตายายใต้ต้นตะเคียนใหญ่ที่อยู่กลางทาง ผมก็นึกถึงตำนานศาลแห่งนี้ที่เคยได้ยินมาแต่เด็กว่า ‘หากเห็นใครเดินตัดหน้าระหว่างกำลังผ่านทางนี้ ให้รีบเลี้ยวรถกลับไปทางเดิม อย่าฝืนไปต่อ เจอดีมาหลายรายแล้ว..’ ยังไม่ทันไร ผมก็เห็นมีเงาประหลาดวิ่งผ่านตัดหน้า! ผมตกใจมากจนรถเกือบเสียหลัก ในใจก็กลัวแต่ก็ยังฝืนไปต่อ เพราะผมง่วงมาก อยากถึงบ้านไวๆ ..ผมขี่ไปจนถึงเขตเมือง ช่วงที่เป็นไฟแดง ผมก็จอดครับ แล้วผมก็สังเกตุเห็นว่ารถที่จอดเทียบไฟแดงด้วยกัน มองมาที่ผมเป็นตาเดียว เหมือนกับเห็นอะไรบางอย่าง พอไฟเขียว ผมก็ออกรถเลย แต่กลับมีรถที่ฝ่าไฟแดงมาชนผมเข้าอย่างจัง ผมเข้า ICU หมดสติไปเป็นเดือน และความจำเสื่อมไปพักใหญ่ๆ เลย..

มารู้อีกทีก็คือจากปากพ่อผมครับ พ่อเล่าว่าในวันเกิดเหตุ ตำรวจได้สอบถามพยานในที่เกิดเหตุ ต่างบอกว่าก่อนผมจะโดนรถชน มีหญิงสาวผมยาวแต่งตัวสีฉูดฉาดนั่งซ้อนท้ายผมมาด้วย และที่สำคัญ เธอเอามือปิดตาผม.. หรือนั่นคือสาเหตที่ทำให้ผมไม่เห็นรถที่วิ่งมา? ..ผมใช้เวลาเป็นปีกว่าจะรักษาหาย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีเหตุการแปลกๆ เกิดขึ้นอีก ผมไม่รู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร และเกี่ยวข้องกับหม้อดินเผาลงยันต์ใบนั้นอย่างไร? ผมไม่เคยลืมเหตุการณ์เฉียดตายนี้เลย ถึงแม้จะผ่านมา 15 ปีแล้วก็ตาม..

Story by คุณเอ

ความคิดเห็น