เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณตี๋ (นามสมมติ) เจ้าของเรื่องที่แล้วครับ คุณตี๋เล่าว่า.. พอดีผมได้ไปเจอรูปเก่าใบหนึ่งแล้วนึกถึงครับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 สมัยผมยังเรียน ปวช. อยู่ ผมอยู่ชมรมลูกเสือครับ เป็นชมรมที่มีกิจกรรมเยอะ วันนั้นเป็นวันที่จะต้องเดินทางไปทำกิจกรรมที่ต่างจังหวัด ทุกๆ ปีรถจะออกเช้า แต่ปีนั้นรถออกเย็น โดยจะมีรถบัส กับรถส่วนตัวของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วขับตามไปด้วย ผมได้ไปรถของรุ่นพี่ นั่งกันไปกับเพื่อนๆ รวมรุ่นพี่ที่ขับเป็น 8 คน จุดมุ่งหมายคือจังหวัดกาญจนบุรีครับ
ระหว่างทาง รถคันพวกผมก็คิดกันว่าถึงมืดหน่อยก็ได้ เพราะกิจกรรมเริ่มเช้า เลยพากันแวะปั๊ม แวะนั่นนี่ตามทางกันไปเรื่อย มีหลงทางบ้าง ซึ่งรถบัสไปนั้นไปถึงโรงแรมที่หมายก่อนแล้ว คณะกิจกรรมครั้งนี้มีทั้งหมด 48 คน โดยได้จองโรงแรมห้องใหญ่ 6 ห้อง ผมไม่ขอเอ่ยชื่อโรงแรมนะครับ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันจะปิดไปแล้วหรือยัง.. เวลาประมาณ 3 ทุ่ม โทรศัพท์ของรุ่นพี่ก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงในสายดังออกมา ถามว่า ‘ถึงไหนกันแล้ว..ตอนนี้ทุกคนถึงโรงแรมแล้วนะ’ รุ่นพี่ผมก็ตอบกลับไปว่า ‘พักผ่อนกันก่อนเลย พอดีติดฝน และก็ขับหลงทางนิดหน่อย กำลังหาทางไป..’ จนสุดท้ายพวกผมก็ไปถึงโรงแรมจนได้ครับ เวลาตอนนั้นก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว สภาพโรงแรมนี่คือเก่ามาก มี 5 ชั้น ค่อนข้างกว้าง พวกผมเดินไปที่ล็อบบี้เพื่อแจ้งว่ามากับคณะกิจกรรม พอเสร็จเขาก็นำทางไปที่ห้องพักครับ.. ห้องพวกผมอยู่ชั้น 5 ด้านในสุดติดกับบันได เข้าไปสภาพห้องข้างในดูสะอาดสะอ้านดี มีกลิ่นหอม เตียงปูตึงเป๊ะ มี 3 เตียง คือ 2 เตียงใหญ่กับ 1 เตียงเล็ก พวกผมก็ทยอยเข้าไปอาบน้ำกัน ส่วนรุ่นพี่คงเพลียเลยหลับไปก่อนที่เตียงเล็ก พอเสร็จก็นอนปิดไฟตามปกติ เอาเตียงใหญ่มาชิดกัน นอนเรียงกัน 7 คน
คืนนั้น อยู่ๆ เพื่อนผมคนที่นอนริมซ้ายสุดก็ร้องโวยวายขึ้นมา พวกผมก็ตื่น ถามว่า ‘มีอะไร?’ เพื่อนคนนั้นมันบอกว่า ‘อยู่ดีๆ เตียงก็ยุบ..’ รุ่นพี่ด้วยความเพลียเลยสั่งว่า ‘นอนๆๆ อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก..’ พอนอนไปได้อีกสักพัก เพื่อนคนเดิมก็ร้องอีกครับ บอกว่า ‘เตียงมันยุบจริงๆ นะ!’ ทำเอาทุกคนตื่น รุ่นพี่ก็บอกว่า ‘คิดไปเองหรือเปล่า?’ เพื่อนผมคนนั้นมันเลยขอเปิดไฟนอน รุ่นพี่ก็เริ่มรำคาญเลยบอก ‘เออ..เปิดก็เปิด’ แต่แล้ว แสงไฟมันแยงตาเลยนอนกันไม่หลับ และในตอนนั้นเอง เตียงตรงปลายที่นอนของเพื่อนคนเดิม มันก็ยุบลงไปเหมือนมีคนนั่งครับ! คือจังหวะนั้นเห็นกันหมดทั้ง 8 คน ยุบลงเห็นๆ ต่อหน้าเลย เอาละสิ.. ทีนี้ก็นอนกันไม่หลับกันแล้ว ขณะที่บรรยากาศในห้องเริ่มเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร รุ่นพี่ก็ถามขึ้นมาว่า ‘พวกมึงว่าบนเพดานนั่นมันคราบอะไรวะ?’ พอจบคำถาม สายตาของทุกคนก็มองไปที่ฝ้าเพดาน และพบว่ามีคราบดำๆ เป็นดวงอยู่จริง พวกผมจ้องมองด้วยว่าสายตาที่โฟกัสเจ้าคราบนั้นอยู่ แล้วอยู่ดีๆ มันก็มีหน้าคนใหญ่ๆ พุ่งออกมาจนเกือบจะชนหน้ากัน ก่อนจะหายวับไป ภาพนั้นติดตามาก เป็นผู้ชายผมสั้น หน้าอืดบวม ตาโปนล้นเบ้า มีแต่หน้าใหญ่ๆ คือทุกคนเห็นเหมือนกันหมดครับ เท่านั้นล่ะ พร้อมใจกันวิ่งออกจากห้องไปที่หน้าล็อบบี้ทันทีเลย พอไปถึงปรากฏว่าที่ล็อบบี้ไม่มีใครอยู่เลยครับ ทั้งแขก ทั้งพนักงาน ตอนนั้นรุ่นพี่พูดมาคำเดียวว่า ‘ใครจะกลับขึ้นไปนอนที่ห้องก็ไปนะ แต่กูจะรอตรงนี่ยันเช้า..’ สรุปก็ไม่มีใครกล้ากลับไปครับ แหงนดูนาฬิกาก็ตี 3 กว่าแล้ว อีกเดี๋ยวก็เช้า เลยนอนรอกันตรงนั้น
พอรุ่งเช้า พวกผมก็ได้ไปสอบถามกับพนักงานของโรงแรม ซึ่งก็ได้คำตอบที่แทบล้มทั้งยืน คือพนักงานเขาก็ถามพวกผมว่า ‘ไปนอนห้องนั้นได้ยังไง ห้องนั้นปิดไปนานแล้ว’ และถามอีกว่า ‘มาถึงกันกี่โมง?’ พวกผมก็ตอบไปว่า ‘5 ทุ่มเห็นจะได้..’ พนักงานก็ทำหน้างง และบอกว่า ‘3 ทุ่มครึ่ง ที่นี่ก็จะไม่รับเช็คอิน พนักงานก็จะไม่อยู่แล้ว..’ พวกผมต่างก็มองหน้ากันคิดว่า แล้วผู้ชายคนที่พาพวกผมไปเปิดห้องนั้นคืออะไรล่ะ..? จนพวกผมได้ไปถามข้อมูลจากแม่บ้านทำความสะอาดคนหนึ่ง ว่าทำไมห้องนั้นถึงปิด แม่บ้านบอกว่า ‘ห้องนั้นน่ะเคยมีผู้ชายพาผู้หญิงบริการ 2 คนมานอน แล้วผู้ชายเกิดจับได้ว่าผู้หญิง 2 คนนั้นเป็นมิจฉาชีพ ผู้หญิงทั้ง 2 เลยร่วมมือกันฆ่าผู้ชายปิดปากชิงทรัพย์ แล้วซ่อนศพเอาไว้ที่ฝ้าเพดาน ซึ่งรอยเลือดล้างยังไงก็ไม่ออก ทาสีทับยังไงก็ไม่ติด จนสุดท้ายเลยต้องปิดห้องนั้นเอาไว้..’ พวกผมฟังแค่นั้น พอไปบอกทุกคนในคณะเท่านั้นล่ะ กิจกรรมล้ม ตีรถกลับกรุงเทพฯ ทันทีเลยครับ.. พอมานึกๆ ดูแล้ว ชายคนที่พาพวกผมไปที่ห้องนั้น อาจจะเป็น ‘ตน’ เดียวกันกับใบหน้าที่พุ่งมาให้พวกผมเห็นก็เป็นได้ นึกแล้วก็ยังขนลุกไม่หาย..
Story by คุณตี๋ (นามสมมติ)