เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณชัย (นามสมมติ) ครับ คุณชัยเล่าว่า.. ผมเป็นคนลาวโดยกำเนิด บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย-ลาว ตรงอำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี เรื่องที่จะเล่านี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านผมเองครับ ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน บ้านผมเป็นหมู่บ้านชนบท ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางป่า ชาวบ้านเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่ไถนา เก็บผัก ล่าสัตว์ เรียกว่าหาเช้ากินค่ำครับ.. ในหมู่บ้านมีผัวเมียคู่หนึ่ง ผัวชื่อ น้อย เมียชื่อ เพา มีลูกด้วยกัน 2 คน อยู่กินกันมาหลายปี ไม่เคยมีผิดใจจนต้องทะเลาะกันร้ายแรง จะมีก็เล็กๆ น้อยๆ ไม่เคยลงไม้ลงมือ แต่แล้ววันหนึ่ง มีหมอดูมาทักพี่น้อยว่าแกจะมีเคราะห์ในเร็ววันนี้ ร้ายแรงถึงชีวิต และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ คำพูดของหมอดูทำให้พี่น้อยคิดหนัก ถึงกับไม่เป็นอันทำอะไร ด้วยเพราะรักเมียมาก กลัวว่าถ้าตายไปแล้วเมียจะมีสามีใหม่
แล้ววันเกิดเหตุก็มาถึง วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว พี่เพาเกี่ยวข้าวอยู่กลางนา ส่วนพี่น้อยลับมีดพล้าอยู่เถียงนา ลับเสร็จแกก็ถือมีดไปหาเมีย เดินเข้าไปข้างหลัง แล้วฟันลงไปที่กลางหัว!! พี่เพาล้มลงทันที แกฟันซ้ำไปที่คออีกหนึ่งแผล คอแทบขาด เลือดไหลนองเต็มไปหมด จากนั้นก็เดินกลับมาที่เถียงนา มานอนกอดปืนยาว แล้วเอาปากอมปลายปืน ใช้นิ้วเท้าเหนี่ยวไกยิงตัวตายตามเมียที่รักไป ลูกๆ ที่ก็ยังเล็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็ร้องไห้กอดศพแม่ ชาวบ้านมาพบเห็นเป็นภาพที่ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน.. จากนั้นชาวบ้านก็พากันนำศพคู่ผัวเมียไปฝัง ซึ่งคนตายโหงเขาจะฝังดิน 3 ปีก่อน จึงขุดขึ้นมาเผา ส่วนลูก 2 คนพ่อแม่พี่เพาเอาไปเลี้ยงต่อ.. หลังจากที่ฝังศพเสร็จเรื่องก็น่าจะจบ แต่ทว่า กลับมีพวกชาวบ้านที่บ้าหวย พาหมอผีมาทำพิธีขอหวยในคืนวันพระใหญ่ (ฝั่งลาวจะมีเยอะครับ พวกที่ทำพิธีแบบนี้) พากันไปที่หลุมฝังศพคู่ผัวเมีย โดยทำพิธีปลุกผีพี่น้อยขึ้นมาก่อน เพื่อจะถามเรื่องหวย แต่พี่น้อยบอกไม่รู้ ให้ไปถามพี่เพา พอเรียกผีพี่เพาขึ้นมาเท่านั้นล่ะ พวกชาวบ้านที่ไปด้วยบอกว่า สภาพดูไม่ได้เลย หัวนี่ผ่าครึ่งฉีกแยกออกจากกัน คอก็พับห้อยลงมาที่ไหล่ จนพวกที่อยู่ในวงสายสิญจน์พากันลุกวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง พอกลับไปถึงบ้านก็ไข้ขึ้นทันที กว่าจะหายเป็นแรมเดือน ที่แย่กว่าใครเห็นจะเป็นหมอผี ที่อาการไม่ดีขึ้น แถมเสียสติ และเสียชีวิตลงหลังจากนั้นไม่นาน ได้ยินว่าสภาพศพคือตาเบิกโพลง อ้าปากค้าง ตัวเกรงหงิก เหมือนกลัวอะไรแบบสุดๆ ก่อนตาย
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผีคู่ผัวเมียออกอาละวาดในหมู่บ้าน จากการที่หมอผีปลุกพวกเขาขึ้นมาแล้วไม่ได้เอากลับ ทำให้ทุกคืนหลังเที่ยงคืน คู่ผัวเมียจะออกมาเดินร้องไห้วนไปทุกซอยในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน หมาก็จะตามไปเห่าหอนกันเป็นฝูงเลย ช่วงนั้นเล่นเอาชาวบ้านไม่เป็นอันทำอะไรเลยครับ พอตะวันตกดินเมื่อไหร่ ต่างก็พากันปิดประตูบ้าน ดับไฟนอน การทำมาหากินช่วงกลางคืนงดหมด เดือดร้อนกันถ้วนหน้า แต่ที่ซวยสุดเห็นจะเป็นหนุ่มเวียดนามคนหนึ่ง ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย แกปั่นจักรยานมาขายไอศกรีม แกตื่นแต่เช้าปั่นจากตัวเมืองเพื่อมาขายที่หมู่บ้านผม มาถึงก็เกือบเที่ยง ชาวบ้านเกี่ยวข้าวร้อนแดด กินไอศกรีมเย็นๆ มันช่างเข้ากันเสียจริงๆ พอแกมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ทางด้านขวามือจะเป็นป่าช้าที่ฝังศพคู่ผัวเมียตายโหง แกก็เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งเรียกให้จอดเพื่อขอชื้อไอศกรีม 2 แท่ง บอกว่าอยู่กับสามี 2 คน แกก็ขายให้ แต่พอตอนจ่ายเงิน ผู้หญิงคนนั้นยื่นเงินมาให้ปึกใหญ่ แกก็งงๆ ว่าทำไมให้เยอะจัง? พอเงยหน้าจะเรียก เธอกลับเดินไปไกลแล้ว แกเลยคิดว่าช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นกำไร.. แล้วแกก็ปั่นเข้ามาขายในหมู่บ้านผมต่อ พอจะทอนเงินให้ลูกค้า เปิดกระเป๋าเงินกลับเจอแต่เศษใบไม้แห้งเต็มกระเป๋าไปหมด แกร้องตกใจจนชาวบ้านถามว่า ‘ไปขายที่ไหนมาบ้าง?’ แกบอกไม่ได้ขายที่ไหนเลย นอกจากตรงทางเข้าหมู่บ้าน มีผู้หญิงที่เอาผ้าขาวม้าพันหน้า สวมกุบ (หมวกของชาวนา) มาชื้อ ชาวบ้านจึงบอกแกไปว่า ‘เจอดีเข้าแล้วละ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน มีผัวเมียฆ่ากันตาย ศพฝังไว้ที่ป่าช้าตรงนั้นล่ะ..’ พอแกได้ยินอย่างนั้นถึงกับเข่าอ่อนเป็นลมพับตรงนั้นเลย ต้องพักฟื้นอยู่ที่หมู่บ้านผม
ได้ยินมาว่า หลังจากแกกลับบ้านไปแล้วก็เกิดล้มป่วย อาการทรุดลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิตในที่สุด ที่น่าแปลกคือ สภาพศพเหมือนเดิมเลย คือตาเบิกโพลง อ้าปากค้าง ตัวเกรงหงิก เหมือนกลัวอะไรสุดขีด ..น่าสงสารครับ แกไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย แต่กลับต้องมาตาย
Story by คุณชัย (นามสมมติ)