เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณ เจม ไรเดอร์ ครับ คุณเจมเล่าว่า.. เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คือผมจะมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่งที่เรียนวิทยาลัยช่างชื่อดังในจังหวัดนครปฐมครับ พวกผมจะอยู่ด้วยกัน เกือบ 20 คน จะออกห้าวๆ หน่อย เพราะเป็นวัยรุ่น และเรียนช่างด้วย ก็เลยมักจะชอบมีเรื่องกับเด็กช่างข้างๆ กัน จะโดนไล่ตีกันเกือบทุกวัน มีอยู่วันหนึ่ง ตอนที่พวกผมกำลังจะกลับบ้านกัน คือบ้านจะอยู่ใกล้ๆ กันหมดครับ ไปทางเดียวกัน

ระหว่างที่กำลังนั่งรถเมล์กันมาได้จะครึ่งทาง ก็มีเด็กจากวิทยาลัยข้างๆ มาปิดทางรถเมล์ผม มากันประมาณ 20 กว่าคน อาวุธครบมือ ทั้งมีด ไม้ ปืน และอื่นๆ อีก พวกผมเห็นจึงรีบลงจากรถไปเพื่อจะหาทางหลบกัน แต่ฝั่งตรงข้ามมากันเยอะมาก ทำให้เพื่อนสนิทผมคนหนึ่งโดนฟันเข้าที่ขาล้มลง แล้วโดนฟันซ้ำต่อ ผมเห็นจึงวิ่งเข้าไปช่วยไว้ โดยอุ้มเพื่อนมากอดไว้ ทั้งเลือดผม และเพื่อนไหลออกมาจนเต็มไปหมด จนชาวบ้านเห็นจึงวิ่งเข้ามาไล่ ผมพยายามจะให้ใครก็ได้พาเพื่อนผมไปโรงพยาบาล แต่ไม่ทันแล้ว เพื่อนผมเสียชีวิตคาอกผมเลย ผมเสียใจมากกับเหตุการณ์นี้ ที่ได้แต่ดูเพื่อนตายโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย..

จนมาถึงงานศพวันแรก ผมก็ได้ไปช่วยงาน แต่ช่วยอะไรไม่ได้เยอะเพราะผมเองก็ยังเจ็บอยู่ จนพระสวดเสร็จแล้ว พวกผมตกลงกันว่าจะนั่งอยู่ต่อกัน เพื่อจะอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ของเพื่อนผม ก็เลยไปหาซื้อเหล้ามากินกันตามปกติ ด้วยความที่เพื่อนผมที่ตายมันก็ชอบกินเหล้าอยู่ด้วย เพื่อนผมคนหนึ่งเลยบอกให้ไปเคาะโลงเรียกเพื่อนมากินด้วยกัน ผมจึงอาสาไปเคาะโลงให้ เพราะผมสนิทกับเพื่อนคนนี้มากๆ และเพื่อนผมอีกคนก็ขอไปด้วย เพราะมันก็สนิทพอๆ กับผม พวกผมสองคนก็เดินไปจนถึงหน้าโลง ผมก็ไปจุดธูปบอก และเดินไปเคาะโลง ‘ก๊อกๆๆ’ พอผมเคาะไป 3 ครั้ง กลับมีเสียงเคาะกลับมา 1 ครั้ง! ผมก็ตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนอีกคนเคาะก็ได้ แต่ผมยังไม่ได้ถามเพื่อนนะครับ ทีนี้ผมเลยพูดในใจถึงเพื่อนในโลงว่า ‘ถ้ามึงเป็นคนเคาะ มึงก็เคาะตอบกูอีกครั้งนึง..’ แล้วผมก็เคาะไปอีก 3 ครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีเสียงเคาะกลับครับ.. ผมเลยถามเพื่อนที่มาด้วยกันว่า ‘เมื่อกี้มึงเคาะโลงยัง?’ มันก็ทำหน้างงๆ แล้วบอกว่า ‘ยังไม่ได้เคาะ..’ ผมก็อึ้ง เลยตอบ ‘เออๆ’ ไป

แล้วเพื่อนผมมันก็จะเดินไปเคาะโลงบ้าง ผมเลยเดินไปใกล้ๆ เพื่อที่จะฟัง.. มันเคาะไป 3 ครั้ง ‘ก๊อกๆๆ’ แล้วก็มีเสียงเคาะกลับมา 3 ครั้งเลย!! เพื่อนผมมันตกใจมาก ผมรีบบอกมันว่า ‘อย่าเสียงดังโวยวาย เดี๋ยวคนที่ยังไม่กลับจะตกใจเอา..’ แล้วผมก็พูดลอยๆ ไปว่า ‘ถ้ามึงจะแกล้ง ก็ทำให้ไฟดับดิ กูจะได้รู้ว่าเป็นมึง..’ พูดไปก็ขำไป แต่แล้วผมก็ต้องขำไม่ออก เพราะมันตอบสนองผมทันที ไฟหน้าโลงดับคาตาผมเลยครับ! ผมเลยบอก ‘กูเชื่อแล้วๆ งั้นมึงก็ไปกินเหล้ากับพวกกูด้วยแล้วกันนะ..’ แล้วผมก็เดินกลับไปนั่งที่วงเหล้าตามเดิม.. วงเหล้าจะอยู่ไกลจากโลงพอสมควรนะครับ ระหว่างที่นั่งกินไปได้สักพัก กลิ่นธูปนี่ลอยเต็มวงเหล้าเลย พวกเราก็มองหน้ากันแล้วยิ้มเจื่อนๆ เหมือนรู้กัน แล้วอยู่ๆ แฟนของเพื่อนผมคนหนึ่งก็ก้มหน้าร้องไห้ออกมาฟูมฟายเลย บอกจะกลับบ้านอย่างเดียว ถามก็ไม่ตอบว่าเป็นอะไร? เอาแต่ร้องไห้บอกจะกลับๆ ก่อนจะลุกออกไปนั่งที่รถคนเดียว จนผู้ใหญ่เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แฟนเพื่อนก็ไม่ตอบอะไร จนเลิกกินเหล้ากัน แยกย้ายกลับ..

เช้าอีกวันพวกเราก็ไปเรียนกัน เพื่อนผมมันมาเล่าให้ฟังว่า แฟนบอกว่า เมื่อคืนในวงเหล้าเห็นเพื่อนคนที่ตายมานั่งอยู่ข้างๆๆ ผม แต่มาในรูปแบบเลือดเต็มตัว มีแต่รอยแผลถูกฟันเหวอะหวะ แถมยังยิ้มให้อีกต่างหาก! แฟนก็เลยร้องไห้จะกลับบ้านท่าเดียวเลย ผมได้ฟังแบบนั้นก็ทั้งขนลุก ทั้งคิดถึงเพื่อนเลยครับ.. สุดท้ายวันเผาศพ พวกผมทั้งแผนกช่างก็มากันหมด ผมจะเล่นกีต้าร์ร้องเพลงส่งเพื่อนกัน ในขณะที่ร้องเพลงอยู่ เสื้อช้อปที่แขวนอยู่ตรงรูปหน้าศพก็ร่วงลงมา แม่จึงเดินมาหยิบไปไว้ที่เดิม แล้วจากนั้นก็มีลมพัดมาแรงๆ อีกวูบหนึ่ง ก่อนที่เสื้อช้อปตัวเดิมจะลอยมาตกตรงที่พวกผมยืนร้องเพลงกันอยู่ พวกผมนี่ถึงกับปล่อยโฮกันเลยทีเดียวครับ.. และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมยังไม่เคยลืม ยังรัก และคิดถึงเพื่อนเหมือนเดิม..

และกูอยากจะบอกมึงอีกอย่าง คือเพื่อนในกลุ่มอีก 2 คน ก็ได้จบชีวิตไปแบบเดียวกับมึงแล้วด้วย.. R.I.P. แด่พวกมึงทุกคนนะ ด้วยรักและอาลัย..

Story by คุณ เจม ไรเดอร์

ความคิดเห็น