เรื่องนี้ส่งมาจากคุณ Patchanok ครับ คุณ Patchanok เล่าว่า.. เรื่องนี้เป็นเรื่องของป้าเราเองค่ะ ชื่อป้าแหวว ป้าแหววแกทำงานอยู่โรงพยายาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี เป็นผู้ช่วยพยาบาลค่ะ แล้วมีคนไข้อยู่เตียงหนึ่งเป็นคุณยายแก่ๆ ป่วยด้วยโรคชรา แกไม่มีลูกมีหลานมาดูแล ไม่มีญาติที่ไหนเลย ป้าแหววก็มาดูแลคุณยายคนนี้ตลอด ทั้งเช็ดตัว ป้อนข้าว ป้อนยา ดูแลอย่างดีเลยทีเดียว คุณยายยังเคยบอกกับป้าเราอีกว่า ‘เดี๋ยวยายจะยกที่ดิน ยกเงินทองให้เอ็งหมดเลยนะ เอ็งดูแลยายดีมากเลย ลูกหลานยายไม่มีใครมาดูมาแล มีแต่เอ็งนี่แหละ..’ ป้าแหววก็ตอบยายไปว่า ‘โอ้ย หนูไม่เอาหรอกยาย หนูดูแลยายตามหน้าที่ ไม่เป็นไรหรอกจ้า ไม่ต้องยกอะไรให้หนูหรอก ยายเก็บไว้นะ’ ยายก็ยิ้มไม่พูดอะไรต่อ
วันหนึ่งยายก็อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียชีวิต ส่วนป้าแหววช่วงนั้นไม่รู้ว่ายายเสีย เพราะไปดูแลคนไข้ที่ตึกอื่นอยู่หลายสัปดาห์ จนวันหนึ่งเลิกงานกลับมาบ้าน ด้วยความเหนื่อยล้า ป้าแหววก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย.. ถึงตรงนี้ปู่เราเป็นคนเล่าต่อให้ฟังว่า ย่าเห็นป้าแหววแปลกๆ ไป นั่งอยู่ใต้ต้นไผ่คนเดียวไม่พูดไม่จากับใคร ปู่กลับจากทำงานก็เดินไปดูป้าแหวว เรียกป้าก็เอาแต่หลบหน้าไม่พูดด้วย ปู่เลยถามว่า ‘นี่ใครเนี่ย? ใช่ไอ้แหววลูกพ่อไหม!?’ แต่ป้าก็ไม่ตอบ ปู่ถามเท่าไหร่ก็ไม่พูด จนปู่หมดความอดทน โวยวายขึ้นมา ‘มึงเป็นใครมาจากไหน ออกไปเลยนะ! ออกไปจากตัวลูกกูซะ!!’ ปู่เราเป็นคนมีของอยู่บ้าง ก็เลยรู้ว่ามีใครอยู่ในร่างป้าแหววแน่ๆ แต่หลังจากนั้นเรื่องราวก็ยังไม่จบ เพราะทุกคนในบ้านต้องใช้ชีวิตอยู่กับป้าแหววที่มีใครอีกคนมาอยู่ในร่าง
ปู่ทั้งพาไปหาพระหาเจ้าอาวาสวัดดังๆ พระที่ว่าน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ป้าแหววกลับมาเป็นปกติได้ เอาแต่ผูกสายสิญจน์ให้ นานวันป้าแหววก็ร่างกายทรุดโทรมลงไปเรื่อยๆ เพราะกลางคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอน ป้าแหววนอนกับอาเรา แกก็นอนมองหน้าอาเราทั้งคืน กลางวันก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ข้าวปลาไม่มากิน แต่บางทีก็ลุกมาขอหมากกิน บอกอยากกินหมาก เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 3 วัน ปู่ทนไม่ไหว ขนาดในบ้านมีพระพุทธรูปยังทำอะไรไม่ได้ ปู่เลยให้พ่อกับลุงเราชวนป้าแหววขึ้นรถ หลอกว่าจะพาไปเที่ยว แต่พาไปหาอาจารย์ท่านหนึ่ง เป็นหมอผี อยู่แถวบ้านเพื่อนปู่ เขาลือกันว่าคนนี้ของจริง เอาอยู่แน่นอน! ปู่ก็เลยพาป้าแหววไปหาถึงที่ แต่ป้าแหววจะหนีอย่างเดียว คราวนี้ปู่ให้เพื่อนปู่ และให้พ่อกับลุงของเราจับตัวป้าให้แน่นๆ จะพาป้าขึ้นไปหา แต่อาจารย์ท่านนี้ตะโกนลงมาก่อนเลยว่า ‘ไม่ต้องขึ้นมา กลับบ้านไปเลยเดี๋ยวจะตามไป มาที่นี่เขาไม่ยอมไปง่ายๆ หรอก’ ปู่ก็เลยขับรถพาป้าแหววกลับบ้าน แล้วหมอผีคนนั้นก็ตามมา
พอมาถึงบ้านก็ให้ลูกศิษย์จัดแจงทำขันธ์ 5 ทำกระทงใส่อาหาร จุดธูป 1 ดอก แล้วก็เริ่มสวดอะไรไม่รู้อยู่หน้ากระทงอาหารที่วางไว้กลางบ้าน ถึงตอนนี้ป้าแหววแกสลบไปเฉยๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วหมอผีท่านก็นั่งคุยกับกระทงอาหารที่วางอยู่ ปู่และทุกคนที่อยู่ในบ้านได้ยินท่านพูด ท่านถามว่า ‘มาจากไหนหรือ? ตามเขามาทำไม? พ่อแม่เขาเป็นทุกข์ อย่าทำแบบนี้ ไปเถิด ดูสภาพเขาสิ เนี่ยจะรับไม่ไหวแล้ว อย่าสร้างบาปเลย ไปเกิดซะเถอะนะ เขาไปกับยายไม่ได้หรอก..’ แล้วหมอผีคนนั้นก็ลุกไปจับแขนป้าแหววที่หลับไม่รู้สติขึ้นมา นั่งสวดอะไรงึมงำๆ สักพัก ท่านก็ดีดนิ้วขึ้นมาเป๊าะหนึ่ง เชื่อไหมคะ สายสิญจน์ตรงข้อมือป้าแหววขาดกระจุยหมด เส้นที่พระเกจิดังๆ ผูกให้ยังขาดได้ ทุกคนในบ้านดูตกใจกันอยู่สักพัก แล้วหมอผีท่านนี้ก็ให้เอากระทงข้าว และขันธ์ 5 ไปวางไว้ทางสามแพร่ง พร้อมกับหันมาทางปู่ และบอกว่า ‘เขาไปแล้วนะ เขาบอกว่าเขาตามมาจากโรงพยาบาล อีหนูคนนี้มันดูแลเขาดี เขารักมัน เขาเลยมาอยู่ด้วย และจะพาอีหนูนี่ไปอยู่กับเขาด้วย โชคร้ายตรงที่อีหนูนี่ช่วงนี้พื้นดวงมันตก เขาเลยมาเข้าเอาง่ายๆ เอ้า..หาข้าวหาปลาให้มันกินซะ เดี๋ยวจะแย่ไปกว่านี้..’
หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็เป็นปกติ ป้าแหววหลับไป 2 วันเต็มๆ ตื่นขึ้นมากินข้าวกินอะไรได้เหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ป้าแหววเล่าให้ฟังว่าช่วงที่หลับไป แกฝันว่าอยู่ในโรงพยาบาล อยู่ในห้องที่ยายคนนั้นพักอยู่ ยายชวนป้าคุย หาอะไรให้กิน พาไปเที่ยว แล้วอยู่ดีๆ ยายก็ร้องไห้แล้วก็หายไป ป้าจึงตื่นขึ้นมา.. จบแล้วค่ะ จริงๆ รายละเอียดมีมากกว่านี้ แต่ขอเอาแค่ส่วนสำคัญมาเล่าให้ฟังค่ะ
Story by คุณ Patchanok