เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณวารี่ เกิดขึ้นสมัยเป็นนักศึกษาปี 4 ที่ต้องมีงานกลุ่ม ออกเดินทางไปถ่ายทำ Music Video ที่ต่างจังหวัดอะไร โดยที่กลุ่มของคุณวารี่ เลือกที่จะไปถ่ายทำกันที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดราชบุรี..
คุณวารี่เล่าว่า.. เรา และเพื่อนอีก 3 คน ออกเดินทางกันตอนหลังเลิกเรียน วันนั้นเลิก 5 โมงเย็น และทานอาหารเย็นเสร็จอีก กว่าจะได้ออกจริงๆ ก็ทุ่มกว่า ไปกันด้วยรถของบี เพื่อนกระเทยคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งเป็นคนขับ และเรานั่งหน้า ส่วนเพื่อนอีก 2 คนนั่งหลัง.. ระหว่างทาง ก็แวะหาของกินไปตลอดทาง ไม่ได้รีบอะไร ที่ไปนี่ก็ไม่ได้แม่นเส้นทางกันกันเท่าไหร่ กะว่าก็จะไปถามคนแถวนั้นเอา
เราไปราชบุรีก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่า จนถึงซอยเล็กๆ ที่มีบอกทางไปวัดที่เป็นจุดหมายของเรา ก็ขับเข้าไปเรื่อยๆ แต่เราก็รู้สึกว่ามันไกลมาก และก็มืดมากๆ 2 ข้างทางมีแต่ทุ่ง กับป่าสลับกัน จนสุดท้ายก็ไปถึงร้านขายของชำเล็กๆ พวกเราเลยจอดรถถามทาง พอดีว่ามีลุงแก่ๆ คนหนึ่งกำลังปิดร้านอยู่ บี เลยถามว่า ‘วัดไปทางไหน อีกไกลมั้ยคะ?’ ลุงแกก็เดิมมาใกล้ๆ ด้วยสีหน้าแปลกๆ และบอกว่า ‘จะไปวัดหรอ? ตรงไปเรื่อยๆ อีกพักนึง แล้วจะมีทางแยก แต่ไม่ว่าจะเจออะไร ก็ให้เลี้ยวทางขวาเท่านั้น’ พวกเราก็งงๆ และก็ออกเดินทางต่อ..
พอขับมาสักพักใหญ่ๆ ซึ่งก็ไกลพอสมควร ก็มาเจอทางแยก แต่ว่าทางด้านซ้าย มีป้ายเขียนว่าไปวัด พวกเราที่คุยกันมาตลอดทางจนลืม ก็เลยถามกันว่า ตะกี้ลุงแกบอกว่าให้เลี้ยวทางไหนนะ? บีตอบว่า ป้ายมันชี้ว่าทางซ้ายไปวัด ก็ขับตามป้ายไปก่อนดีกว่า และก็ขับมุ่งหน้าไปทางซ้าย..
พอขับเข้ามาทางนี้ เส้นทางค่อนข้างแคบมาก และข้างทางด้านซ้ายเป็นบึง ทางขวาเป็นป่า เข้ามาค่อนข้างไกลมาก ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีบ้านคน หรือวัดเลย.. เราก็เริ่มง่วงนอน เลยว่าจะนอน โดยหันหน้าออกไปทางกระจก.. จู่ๆ เราก็เหลือบเห็นผู้หญิงใส่ชุดดำ เดินก้มหน้าอยู่ เราก็คิดในใจว่าว่าจะให้บีจอดถามทาง แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะเข้าใจว่า ผู้หญิงคนนี้อาจจะมางานศพ คงใกล้จะถึงวัดแล้วแน่ๆ.. สักพัก เพื่อน 2 คน ท้ายรถก็ร้องกรี๊ดขึ้นมาลั่นเลย เราก็ตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพื่อน 2 คน ก็บอกแค่ว่า ถ้าเจออะไรมาขวางทางหน้ารถ ให้ขับผ่านไปเลยนะ จนสักพัก เราก็หันหน้าไปที่กระจก ก็เห็นผู้หญิงใส่ชุดดำอีก แต่ครั้งนี้ เธอหันหน้ามองมาที่เราตลอดเวลา จนรถผ่านไป.. ตอนนั้นเราใจไม่ดีเลย แต่ก็ไม่กล้าบอกบี เพราะกลัวว่าจะเสียสมาธิขับรถ ซึ่งตั้งแต่เข้ามาทางนี้ บียังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ..
จนสุดท้ายพวกเราก็เห็นพระรูปหนึ่ง ยืนกวักมือเรียก ชี้ให้เลี้ยวมาจอด.. พอเราลงจากรถกัน พระท่านบอกให้ไปที่โบสถ์ทันที และก็ถามพวกเราว่า เห็นอะไรมากันบ้างล่ะ? เราก็เล่าสิ่งที่เราเห็นให้ฟัง และก็ได้รู้ว่าเพื่อนๆ เราเจอยิ่งกว่าเราทั้งนั้นเลย.. เพื่อน 2 คนที่นั่งหลังบอกว่า ตอนที่กรี๊ด นั่นเพราะหันไปที่กระจกหลัง แล้วเห็นเด็ก 2 คนเกาะกระจกหลังอยู่ ใบหน้ามีแต่เลือด.. ส่วนบีคนขับ บอกว่าไม่รู้สึกตัว ตั้งแต่ที่เห็นชายแก่นั่งจ้องหน้า อยู่ที่หน้ารถมาตลอดทาง ยังงงตัวเอง ว่าขับมาถึงได้ยังไง..
พระท่านเลยบอกว่า ‘พวกเราโชคดีมาก ปกติใครที่ขับรถผ่านเส้นทางนี้มาเวลานี้ อาตมาต้องให้ไปรับศพแทบทุกราย เพราะเส้นทางนั้น เป็นทางผีผ่าน เป็นทางที่วิญญาณที่ทำชั่วจะไปลงนรก ถ้ามีมนุษย์ผ่านมา พวกวิญญาณก็จะติดตามไป เพื่อกลับไปสู่โลก’ พวกเรานี่ขนลุกกันหมดเลย.. คืนนั้นเรานอนกันบนรถ เพราะอีกไม่นานก็เช้าแล้ว
พอรุ่งเช้า พวกเราก็ไหว้พระ ทำบุญกัน และถามหาพระรูปที่คุยกับพวกเราเมื่อคืน แต่พระรูปอื่นต่างบอกว่า ไม่เคยรู้จักพระรูปนั้นเลย และที่วัดนี้มีพระอยู่เพียง 7 รูปเท่านั้นเอง..
Story by The Shock FM