เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณบาส (นามสมมติ) เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับญาติของคุณบาส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิศวกร ออกแบบก่อสร้าง ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ต้องดูแลเรื่องออกแบบโครงสร้าง งานก่อสร้าง ควบคุมช่าง และดูแลงาน ตามขั้นตอน ตามแบบแปลน ที่วางไว้ คุณบาสเล่าต่อว่า..
หลังจากสร้างเสร็จแล้ว ก็มีร้านค้าต่างๆ มาเช่าเปิดร้านกันมากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็จะอยู่กันได้ไม่นาน ก็จะย้ายออกครับ เจ๊ง.. และทางห้างก็จะหาผู้เช่ารายใหม่ต่อไปเรื่อย.. มีคนได้ยินเรื่องเล่ากันจากพ่อค้า แม่ค้าที่ย้ายออกไปว่า กลางคืนตอนเก็บร้าน ก็จะได้ยินเสียงเดินไปมา ทั้งที่ไม่มีใคร หรือกระทั่งยาม แม่บ้าน ก็เจอกันทุกราย.. แม่บ้านทำความสะอาด ที่มาทำงานก่อนห้างเปิด เจอคนนั่งร้องให้ บ้างก็เห็นเสื้อผ้าลอยได้.. ช่วงห้างปิด ยามเห็นในกล้องวงจรปิดจับภาพคน วิ่งทะลุหายไปในกำแพงเฉยๆ พากันขวัญผวาไปใหญ่ สุดท้ายห้างก็เกือบจะเจ๊งไป เพราะย้ายออกกันหมด
จนมีการเปลี่ยนมือผู้บริหารเจ้าใหม่เข้ามา ก็จะมีการปิดปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ออกแบบภายในใหม่ โดยได้จ้างทีมวิศวกรกลุ่มเดิม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือญาติของผม เข้ามาคุมงาน.. คืนวันหนึ่ง ช่วงนั้นน่าจะประมาณ 5 ทุ่ม เหล่าช่าง และคนงานที่มาทำงานตกแต่งร้าน ก็พากันกลับหมดแล้ว ส่วนทีมวิศวกร ก็พากันขึ้นไปกินข้าว ที่ห้องอาหารชั้น 5 ซึ่งก็ปิดปรับปรุงเหมือนกัน แต่ยังพอมีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่งอยู่ ต่างคนต่างซื้ออาหารจากข้างนอก มากินร่วมกัน.. ระหว่างที่กินข้าวกันอยู่ ญาติผมก็เหลือบไปเจอ ผู้หญิงวัยกลางคนคนนึง นั่งอยู่ในมุมมืด.. สายตาเธอ มองมาทางกลุ่มวิศวะ ที่กินข้าวกันอยู่.. หัวหน้าพูดกับญาติผมว่า ‘ใครวะ ดึกๆ ดื่นๆ ยังไม่กลับอีก ไปนั่งอยู่ตรงนั้น ไปเรียกเค้ามากินข้าวด้วยกันสิ..’ แล้วก็บอกให้ญาติผม ไปเรียกผู้หญิงหญิงคนนั้นมา ญาติผมก็เดินไปถาม ‘พี่ครับๆ ทำไมยังไม่กลับอีก? มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ หัวหน้าผม ให้มาชวนไปกินด้วยกัน..’ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับสักคำ.. ญาติผมถามคำถามเดิมไปอีกครั้ง จนสุดท้าย ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาช้าๆ เสียงออกสำเนียงอิสานว่า ‘บ่ไปหรอก..ให้หัวหน้ามากินที่นี่สิ’
ญาติผมก็ตะโกนไปบอกหัวหน้า ที่นั่งห่างไปไม่ไกลเท่าไหร่ว่า ‘หัวหน้าครับ เธอไม่ไปหรอก เธอให้พวกเรา ย้ายมากินที่โต๊ะของเธอครับ..’ หัวหน้าก็ตะโกนกลับมาว่า ‘จะบ้าหรอไง พวกเราเยอะกว่า จะให้ย้ายไปที่คนน้อยกว่าได้ไง มานั่งที่นี่สิ..’ ผู้หญิงคนนั้นได้ยิน ก็ค่อยๆ หันหน้าไปทางหัวหน้าช้าๆ มองแบบตาขวาง ไม่กระพริบตา แล้วพูดขึ้นว่า ‘หัวหน้า.. ไม่เจอกันตั้งนาน ยังใจดำเหมือนเดิมนะ!’ หัวหน้าก็งง ‘คุณรู้จักผมหรอ?’ ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า ‘ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ.. เวลาผ่านมาไม่นาน ทำเป็นจำไม่ได้ ก็ฉันอยู่ที่เสาชั้น 2 ที่หัวหน้าไม่ยอมเอาฉันออกมาไง..’ เท่านั้นล่ะ หัวหน้าญาติผม วิ่งป่าราบก่อนเพื่อนเลย ลูกน้องทุกคนที่นั่งอยู่ ก็วิ่งตามกันไปแบบงงๆ.. จนวิ่งออกมาหน้าตึก ทุกคนถามหัวหน้าว่า เกิดอะไรขึ้น? หัวหน้าหันมาตอบเสียงสั่นว่า ‘เมื่อกี้ไม่ใช่คน..’ และก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น โดยกำชับทุกคนว่า ห้ามแพร่งพราย จนกว่าเราจะหมดพันธะ จากการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนี้ก่อน..
หัวหน้าเล่าให้ฟังว่า.. ช่วงก่อสร้างตึกครั้งแรก มีคนงานผู้หญิงคนหนึ่ง พลัดตกลงไปในเสาเอก (เสาหลัก) ตอนเทปูน มาเจออีกที ก็ตอนที่แกะบล็อคออกจากเสา ถึงรู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน.. จะเอาออกก็ไม่ได้ ต้องทำการรื้อใหม่ทั้งชั้น จะสูญเสียงบไปหลายล้านบาท.. ภายหลังก็มารู้ว่า คนที่ติดอยู่ข้างใน เป็นเมียคนงานที่ทำงานอยู่ที่นี่เอง ฝ่ายผู้รับเหมา และวิศวะเลยต้องเสนอเงินจำนวนหนึ่ง ให้กับสามี และก็ตัดสินใจฉาบปูนทับไปเลย โดยไม่มีการเอาศพออก และปิดเป็นความลับ จนสุดท้ายเรื่องก็เงียบไป.. แต่อย่างว่าล่ะครับ มันเลยเป็นอาถรรพ์ ใครมาบริหารห้างนี้ เจ๊งแล้ว เจ๊งอีก ทุกวันนี้ ก็ยังเฮี้ยนไม่เลิกครับ สงสารเจ้าของใหม่ พ่อค้า แม่ค้า แม่บ้าน และยาม ที่เขาไม่รู้เรื่อง แต่กลับต้องมาเจอดี..
Story by TheNightShock