เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณครูเทพครับ คุณครูเทพเล่าว่า สมัยผมเรียน ปวช. ที่สถาบันศิลปะแห่งหนึ่งย่านบางเขน เวลาอาจารย์สั่งงานกลุ่ม พวกผมจะต้องย้ายออกจากบ้านมาหาหอพักกัน เพราะงานที่ได้รับมอบหมายส่วนใหญ่ จะต้องร่วมกันใช้สมาธิ และจินตนาการในการสร้างงานมาก พวกผมก็ได้ไปหาหอพักกันใกล้ๆ สถาบัน ก็จะมีแต่ราคาค่อนข้างสูง หรือไม่ก็เจอหอพัก ที่เจ้าของหอไม่ต้องการให้กลุ่มวัยรุ่นอย่างพวกผมอยู่ด้วยกันได้หลายๆ คน ก็เข้าใจเจ้าของหอนะครับ เพราะเวลาเด็กศิลป์รวมตัวกัน มันก็ใช่ย่อยทีเดียว.. หาหอพักกันนานจนเหนื่อยใจ ไม่ได้สักที จะเลือกบ้านเพื่อนแต่ละคนก็ไม่สะดวก
แต่แล้วก็เหมือนพระมาโปรด วันหนึ่ง ระหว่างที่ผมกินข้าวกับครอบครัว ได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องบ้านของเพื่อนพ่อ ที่จะหาคนเช่า อยู่แถวรามอินทรา กม. 4 ผมก็เลยถามพ่อไปว่า ‘เพื่อนพ่อให้เช่าต่อเดือนราคาเท่าไหร่ครับ?’ พ่อบอกว่า 1500 บาท เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 100 ตารางวา มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ผมนี่รีบบอกเลยว่าผมจะเช่ากับเพื่อนๆ เพราะต้องมารวมตัวกันทำงานกลุ่ม จะได้ทำงานกันอย่างอิสระ
วันต่อมา ผมกับเพื่อนๆ 5 คนมาดูบ้านที่จะเช่า เป็นบ้าน 2 ชั้น อยู่ท้ายซอยดูเงียบสงบมาก เงียบจนรู้สึกวังเวง และอยู่ห่างจากบ้านที่ใกล้ที่สุดเกือบ 100 เมตร รอบบ้านก็ปลูกต้นไม้ไว้เยอะมาก จนดูทึบๆ พอขึ้นไปดูข้างบนจะโล่งหมด ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ ทั้งสิ้น และเพื่อนๆ ผมทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมด ว่าข้างบนเย็นมาก ไม่ใช่ความเย็นแบบห้องแอร์ แต่เป็นความเย็นยะเยือกที่บอกไม่ถูก.. ข้างบนมีห้อง 3 ห้อง แต่มีอยู่ห้องหนึ่งใส่กุญแจล็อคไว้ ป้าคนที่เปิดบ้านให้บอกว่า ‘ห้องนี้เจ้าของบ้านเค้าเอาไว้เก็บของ ป้าก็ไม่มีกุญแจห้องนี้..’ ผมเปิดไปเจอห้องใหญ่ ที่กลางห้องมีเสาเอก ที่มีผ้าแพรหลากสีพันไว้ และมีเสาต้นหนึ่งตรงมุมห้องห้องหนึ่ง ที่แปลกกว่าเสาต้นอื่น เพราะเหมือนมีน้ำมันเคลือบอยู่เป็นจุดๆ แต่ทุกคนไม่ได้สนใจอะไร.. พวกผมรวมเงินกันจ่ายให้คุณป้าที่มาดูแล ป้ายังพูดแปลกๆ ว่า ‘อยู่กันให้เรียบร้อยหน่อยล่ะ เด็กวัยรุ่นมาอยู่รวมกันก็อย่าวุ่นวายมาก เจ้าของบ้านเค้าไม่ชอบ’ ผมก็เลยถามว่า ‘อ้าวป้า เจ้าของบ้านเค้าจะมาวุ่นวายกับพวกผมทำไม ผมเช่าแล้ว เค้านั่นแหละต้องไม่มารบกวนพวกผม..’ ป้าได้แต่มองพวกเราแปลกๆ แล้วบอกว่า ‘ถ้าไม่วุ่นวายก็คงไม่มีอะไรหรอก!’
หลังเลิกเรียน วันแรกที่พวกผมย้ายกันเข้ามาที่บ้านเช่า เพื่อทำงานส่งอาจารย์ ทุกคนช่วยกันนำอุปกรณ์มาร่วมกันทำงาน บางคนปั้นปูน บางคนเตรียมโครงสร้าง ส่วนผมเตรียมผสมสีอยู่ในบ้านกับเพื่อนอีกคน.. ทุกคนรู้สึกเหมือนกันหมดว่าที่นี่แปลกๆ เหมือนมีใครนอกจากพวกเรา ยืนมองอยู่ตลอด เวลาเดินเข้ามาในบ้านจะรู้สึกเย็นยะเยือกจนบอกไม่ถูก ทั้งที่อากาศข้างนอกก็ค่อนข้างร้อน.. พวกผมทำงานกันจนถึง 5 ทุ่ม เริ่มรู้สึกง่วงกัน เลยทยอยกันไปอาบน้ำนอน เพราะตอนเช้าต้องไปเรียนให้ทัน.. บ้านนี้ชั้นล่างเป็นพื้นปูน พวกผมทุกคนจึงตัดสินใจขึ้นไปนอนข้างบนที่เป็นพื้นไม้ ผมเลือกนอนห้องเล็กทางทิศตะวันตก กับไอ้วิทย์ ส่วนอีก 3 คน สมัครใจนอนห้องใหญ่ที่มีเสาพันผ้าแพร
คืนนั้น ผมขออาบน้ำก่อน เพราะว่าสีเปื้อนตัว เลอะเทอะมากมาย ห้องน้ำอยู่ชั้นล่างแยกออกมาส่วนหลังของบ้าน ระหว่างที่ผมอาบน้ำโดยใช้ขันตักน้ำจากอ่างราดตัวอยู่นั้น ผมรู้สึกหวิวๆ เหมือนกับว่าไม่อยู่คนเดียวในห้องน้ำ มันมีอะไรแปลกๆ เช่นตอนสระผมกำลังหลับตาสระผม ผมรู้สึกว่ามีคนยืนใกล้ๆ จนอดไม่ไหวต้องลืมตามอง แต่ก็ไม่มีอะไร และเหมือนมีคนหายใจดังๆ อยู่ข้างๆ ดังแผ่วๆ สลับกับเสียงเหมือนคนจะหมดลมหายใจ ดัง ‘เฮือกๆ’ ข้างๆ หู ตอนนั้นรู้สึกแปลกใจมาก จนอาบน้ำเสร็จ ผมก็เรียกเพื่อนมาอาบน้ำต่อ.. ผมขึ้นมาแต่งตัวข้างบน แล้วเปิดเพลงจากเทปคาสเซ็ท (สมัยนั้น) จำได้ว่าเปิดเพลงของวง scorpion ซึ่งเป็นเพลงร็อคหนักๆ ทั้งอัลบั้มเลย.. ไอ้วิทย์เพื่อนรูมเมทที่ต้องนอนกับผม ก็อาบน้ำเสร็จขึ้นมาพอดี มันรีบเข้ามาถามผมว่า ‘เฮ้ย! ตอนอาบน้ำมึงรู้สึกแปลกๆ เหมือนกูมั้ยวะ? กูนั่งส้วมอยู่แล้วสูบบุหรี่ไปด้วย ได้ยินเสียงเหมือนคนทำจมูกฟุตฟิต แบบเหม็นควันบุหรี่อะไรแบบนั้น กูนึกว่าพวกเรามายืนรอหน้าห้องน้ำ จะมาแซวขอบุหรี่ แต่กูกลับได้ยินเสียงผู้หญิงพูดเบาๆ ว่า เหม็นบุหรี่ออกไป.. เหม็นบุหรี่ออกไป.. เหม็นบุหรี่ออกไป ซ้ำๆ หลายครั้ง จนกูตกใจ เพราะในกลุ่มเราไม่มีผู้หญิงสักคน กูรีบทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ขึ้นมาเนี่ย.. มีใครพาแฟนมาด้วยรึเปล่าวะ?’ ผมเริ่มสงสัยหนักขึ้น เพราะก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน..
ตอนนั้นเริ่มดึกมากแล้ว แต่ผมยังมีการบ้านดรอว์อิ้งค้างอยู่ เลยนั่งทำต่อสักพัก โดยไอ้วิทย์นอนหลับอยู่ที่มุมห้อง.. ขณะที่ผมวาดรูปอยู่ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะเบาๆ มาจากทางมุมห้องที่เจ้าวิทย์นอนอยู่ พอผมหันไปมอง ผมเห็นไอ้วิทย์ดูเปลี่ยนไป ไอ้วิทย์นอนอ้าปากกว้าง หน้าซีดขาว แต่ปากที่อ้าอยู่เป็นสีแดงสด หน้าตาเหี่ยวย่น เหมือนคนแก่อายุสัก 70 นอนตัวเกร็งผิดธรรมชาติ ผมตกใจมากร้อง เหี้ย! แล้วตะโกนเสียงดังมาก (จำไม่ได้ว่าตะโกนอะไรออกไป) แต่ตอนนั้นรู้สึกกลัวมากกก ขนลุกซู่แทบเสียสติเลยครับ จนเพื่อนๆ ที่นอนห้องใหญ่ต้องวิ่งเข้ามาที่ห้อง ดึงผมลุกขึ้น และพากันลงมาเปิดประตูบ้าน แล้ววิ่งหน้าตั้งกันอย่างไว ไปบ้านคุณป้าที่เปิดบ้านให้พวกผม อยู่ห่างไปสัก 100 เมตรได้
พอป้าเปิดประตูบ้านให้ ทุกคนก็วิ่งเข้าไปในบ้านคุณป้าแบบว่าไม่เกรงใจหมา 4-5 ตัวที่เห่าพวกเราอยู่ตลอดเวลา พวกผมทุกคนต่างเล่าในสิ่งที่ตัวเองเจอมา ผมเข้าใจว่าผมเจอคนเดียว แต่เรื่องของเพื่อนๆ ในห้องใหญ่กลับสยองกว่ามาก! พวกมันเล่าว่า พวกมันนอนพร้อมๆ กันทั้ง 3 คน แล้วก่อนจะหลับ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดเสียงล่องลอยอยู่ข้างๆ หูว่า ‘พวกมึงออกไป กูรำคาญ พวกมึงออกไป’ และทุกคนก็เห็นคล้ายๆ กันว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งกอดเสาเอกกลางห้อง ในลักษณะผิดธรรมชาติ คือขาอยู่บนเพดาน แต่หัวห้อยลงมา แล้วค่อยๆ รูดตัวลงมายืนที่พื้น! เท่านั้นแหละทุกคนก็รึบวิ่งออกมาจากห้องนั้น และได้ยินเสียงผมตะโกนพอดี เลยรีบดึงผมออกมา.. ทีนี้ผมได้สติก็นึกถึงไอ้วิทย์ แต่ก็เห็นมันนั่งหน้าตื่นอยู่กับเพื่อนๆ และมีมันคนเดียว ที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย มันบอกว่าได้ยินเสียงผมตะโกน ก็ตื่น เห็นเพื่อนๆ วิ่งกันหมด ก็วิ่งตาม..
คุณป้าคนดูแลเลยเล่าว่า ‘ไม่คิดว่าเค้าจะหวงบ้านอย่างนี้ บ้านหลังนี้เป็นของคุณแม่คนหนึ่ง ปลูกไว้ให้ลูกชาย ซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อผมนี่เอง แต่เขาไม่อยากอยู่ อยากไปอยู่ที่คอนโดใกล้ๆ ที่ทำงาน เลยให้แม่หาคนมาเช่า.. ก็มีครอบครัว 3 คนมาขอเช่า โดยสามีขับแท็กซี่ ส่วนเมียเลี้ยงลูกอายุประมาณ 5 ขวบ เขาก็อยู่กันอย่างมีความสุข แต่วันหนึ่ง สามีกลับจากบ้านนอก ได้ปืนลูกซองมาจากบ้าน ยังเอามาอวดป้าในตอนเย็นวันที่กลับมาอยู่เลย ว่าเอามาป้องกันโจร ขโมย เพราะที่นี่เปลี่ยวมาก.. เช้าวันต่อมาป้าได้ยินเสียงปืนดัง ‘เปรี้ยง’ เลยรีบวิ่งเข้าไปดู เห็นสามีร้องไห้กอดศพเมียอยู่ข้างเสาตรงมุมห้องชั้นบน สภาพศพเมีย หัวหายไปครึ่งหนึ่ง ส่วนจุดมันๆ ที่เราเห็นตอนเดินเข้าไปดูห้องครั้งแรก คือมันสมองของเมียคนขับแท็กซี่นั่นเอง ที่ทำความสะอาดยังไงก็ไม่ออก.. สามีเล่าว่า เอาปืนมาลอง แต่ไม่คิดว่ามีกระสุนในลำกล้อง เลยแกล้งส่องไปที่เมียแล้วกดไกปืน จากนั้นสามีต้องติดคุก ส่วนลูกทางพ่อตาแม่ยายที่บ้านนอกเอากลับไปเลี้ยงดูต่อ’ เรื่องนี้พวกผมทุกคนที่ได้เจอ จำขึ้นใจไม่มีวันลืมเลยครับ..
Story by คุณครูเทพ