เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณโอห์มครับ เป็นเรื่องของพี่ชายคุณโอห์มเอง โดยพี่ชายเล่าให้ฟังว่า.. พอจบจากมหาวิทยาลัย ผมก็โชคดีได้งานเป็นเซลขายเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อหนึ่งครับ ผมต้องวิ่งแถบปริมณฑลซะส่วนใหญ่.. มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมได้เข้าไปเสนอขายที่โรงงานผลิตเม็ดโฟมแถวสมุทรปราการ พอขับรถเข้าไปที่ลานจอดรถ มันจะมีเส้นสีขาวตีเป็นช่องจอดรถอย่างเป็นระเบียบ แต่มีอยู่ช่องหนึ่งมันเตะตาผมมาก เพราะตรงปูนที่กันล้อเขาเอาสีแดงมาทา ทาแค่ช่องเดียวจากที่จอดรถทั้งหมดประมาณ 20 คัน ซึ่งตอนนั้นว่างโล่ง ไม่มีรถจอดเลยครับ และไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจ ผมไม่ลังเลพุ่งเข้าไปจอดที่ช่องสีแดงนั้นทันที
พอจอดรถเสร็จผมยังไม่ดับเครื่อง เพราะผมยังไม่ได้ผูกเน็คไท ระหว่างที่ผมผูกเน็คไทอยู่นั้น สายตาผมก็มองหายาม คิดในใจว่าเดี๋ยวจะต้องมียามมาไล่ผมไปจอดที่อื่นแน่ๆ เพราะช่องสีแดงนี้ คงแบบเป็นที่จอดรถสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ หรือห้ามจอดอะไรอย่างนั้น.. และตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถจนได้ครับ ‘ก่อกๆ’ มาจากทางฝั่งซ้ายมือผม ผมพูดว่า ‘ขอผูกแป๊บเดียว เดี๋ยวย้ายให้ครับ’ พร้อมกับหันไปดู ..แต่กลับไม่มีใครเลย ผมมองหารอบรถก็ไม่เจอ ทั้งๆ ที่ที่จอดรถตรงนั้นเป็นลานกว้าง แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่คิดอะไร สงสัยหูตัวเองคงฝาด..
ผมมองกระจกมองหลังผูกเน็คไทต่อ และก็มีเสียงเคาะกระจกอีกครั้ง ‘ก่อกๆ’ ดังมาจากกระจกหลังครับ ซึ่งตอนนั้นผมกำลังมองกระจกมองหลังเพื่อผูกเน็คไทอยู่ และผมก็ไม่เห็นใครอยู่ข้างหลังรถเลย! ผมเริ่มเอะใจครับ แต่เอ๊ะ หรือเสียงวิทยุ? ผมเลยปิดวิทยุแล้วก็นั่งรอตั้งใจฟัง เน็คไทเอย ลูกค้าเอย ช่างมันก่อนแล้วครับตอนนี้ ทุกอย่างเงียบ.. สงบ.. นิ่ง.. และแล้วก็มีเสียงเคาะ ‘ก่อกๆ’ คราวนี้ดังที่กระจกทางขวาฝั่งที่ผมนั่งอยู่เลย! ผมสะดุ้งรีบหันไปอย่างเร็ว ก็ไม่เจอใคร ลองชะโงกหน้าไปดูข้างๆ รถ แต่ก็ไม่มี.. ครั้งนี้ผมมั่นใจ โดนแล้วกู! แต่ก็เอาวะ เพื่อความชัวร์ มันมารอบคันละ เหลือแต่กระจกหน้า ผมตั้งหน้าตั้งตามองไปที่กระจกหน้าแบบไม่กระพริบตา.. แล้วมันก็มาอีกตามคาดครับ! ‘ก่อกๆๆๆๆๆ’ ที่กระจกหน้ารัวเลย พร้อมกับเสียงหัวเราะ คิกคิก เหมือนเด็กผู้หญิง! ก่อนจะหยุดไป.. ผมนั่งอึ้งไปสักพัก ถอนหายใจ และคิดในใจ ‘โอเค.. กูมั่นใจละ แต่ว่าตอนนี้นัดลูกค้าเอาไว้ กูขอผูกเน็คไทให้เสร็จก่อนนะ’ และผมก็ผูกต่อจนเสร็จ ก่อนจะออกจากรถไปเข้าประชุม
จนประชุมเสร็จ ผมก็ไปถามลูกค้าท่านหนึ่งว่า ‘ทำไมที่จอดรถตรงนั้นถึงเป็นสีแดง?’ เขาบอกว่า ‘ผมก็ไม่ทราบนะครับ มันเป็นแบบนั้นมานานแล้ว..’ ผมก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อผมครับ ผมยังบอกเขาอีกว่า ‘ถ้าให้ผมเดา ผมว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิง อายุประมาณ 8 ขวบ..’ จากนั้นผมก็ลาลูกค้าคนนั้นกลับ ขึ้นรถแล้วก็ขับรถออกไปอย่างเสียวๆ ครับ ขณะที่รถออกจากประตูโรงงานไปได้ไม่นาน รถผมก็ขย่มครับ! ขย่มแบบว่าขึ้นสุดลงสุด ทั้งๆ ที่ถนนก็ไม่มีหลุม ตอนขามาก็ไม่ขย่มเลย ผมรีบจอดรถ แต่เชื่อไหมครับ รถมันกลับยังขย่มอยู่อย่างนั้น! แรงมากเหมือนมีไครไปยืนกระโดดอยู่บนหลังคายังไงยังงั้น.. ด้วยความที่รถผมเพิ่งซื้อ และมันโยกแรงเหมือนรถจะพัง ผมเป็นคนหวงรถมาก เลยตะโกนออกไปสุดเสียง ‘มึงจะขย่มทำเหี้ยอะไร? เดี๋ยวรถกูพัง! ลงไปเดี๋ยวนี้เลยไอ้เด็กเวร ไม่งั้นกูเตะแม่งตายอีกรอบ!’ น่าแปลกครับ พอสิ้นเสียงผมมันก็หยุด.. ผมก็ขับต่อ อารมณ์ตอนนั้นบอกไม่ถูกครับ กลัวก็กลัว แต่โมโหมากกว่า ผมด่าคนเดียวไปตลอดทางเลยครับ
แล้วไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลูกค้าคนนั้นโทรมาหาผมด้วยเสียงตื่นเต้นว่า ‘ผมลองถามคนเก่าคนแก่ที่นี่ดูแล้ว เรื่องที่คุณบอก เขาบอกว่าที่ตรงนั้นน่ะ ช่วงวันที่มีรถบรรทุกมารับส่งของ เคยมีลูกคนงานไปวิ่งเล่นซนกัน แล้วมีเด็กคนหนึ่งถูกรถบรรทุกถอยมาทับตายคาที่ เพราะคนขับไม่เห็นว่ามีเด็กอยู่ท้ายรถ และรอยเลือดตรงบริเวณนั้นมันลบไม่ออก ช่างเลยไปทาสีแดงทับไว้..’
Story by คุณโอห์ม