เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเลิฟครับ คุณเลิฟเล่าว่า.. เมื่อ 5 ปีก่อน ผมได้ไปประชุมที่กรุงเทพฯ แถวๆ เมืองทองธานี โดยขับรถไปเองครับ ผมก็ไม่ได้คุ้นชินเส้นทางในกรุงเทพฯ มากนัก พอเลิกประชุม ก็มีงานเลี้ยงต่ออีก กว่าจะจบงานก็ดึกมากแล้ว ผมต้องหาโรงแรมนอน แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนในระแวกนั้น ห้องก็เต็มหมด ผมเลยขับรถไปเรื่อยๆ หลงไปหลงมา ง่วงก็ง่วง จนไปถึงแถวรังสิต เจอโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ผมตัดสินใจเข้าไปเพราะไม่ไหวแล้ว ดูเวลาก็เกือบตี 1 แล้วด้วย
โรงแรมม่านรูดนี้ยังดูไม่เก่า แต่ทางเข้าเปลี่ยวมาก มียามแก่ๆ คอยโบกรถให้ พอได้ห้องแล้ว เปิดประตูเข้าไปเท่านั้นล่ะ กลิ่นอับโชยออกมาเลยครับ ประมาณว่าคงไม่ค่อยมีใครมาพัก พอเปิดไฟในห้องยิ่งตกใจเข้าไปอีก คือห้องตกแต่งแนวแฟนซีเป็นสไตล์อาหรับ มีกระจกสีแดงๆ เขียวๆ หัวเตียงทำเป็นรูปโดม เครื่องไม้ในห้องทั้งตู้ โต๊ะ เก้าอี้ทาสีดำหมด เห็นแล้วน่ากลัวมากกว่าน่านอน แต่ตอนนั้นผมไม่สนแล้ว อยากนอนมากๆ ผมจัดแจงเก็บของแล้วขึ้นเตียงเลย เปิดทีวีดูไปเรื่อยเปื่อย จนหลับไปครับ.. มารู้สึกตัวอีกที เพราะตกใจที่ได้ยินเสียงคนกำลังเปิดประตูเข้ามา แต่ผมจำได้ว่าผมล็อคประตูแล้ว ผมพยายามจะลุกขึ้นดู แต่กลับลุกไม่ขึ้น เหมือนผีอำ แต่ตาผมยังลืมได้ กรอกตาไปมาได้ ผมยังเห็น และได้ยินเสียงทีวีเปิดอยู่ เรียกว่ามีสติครบถ้วนครับ
สักพักผมก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหน้าทีวีไป แต่ผมเห็นไม่ถนัด เนื่องจากผมผงกหัวขึ้นมามองไม่ได้ และอีกอย่างคือในห้องปิดไฟหมดแล้ว เหลือเพียงแต่แสงจากทีวีที่เปิดทิ้งไว้เท่านั้น.. เธอคนนั้น ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เตียงที่ผมนอน ที่ข้างเตียงจะมีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ เธอเดินมาหยุดที่โต๊ะแล้วนั่งลง คืออยู่ใกล้ผมมากจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ก่อนจะเดินหายไปในห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงเปิดน้ำฝักบัว เหมือนคนกำลังอาบน้ำทุกประการ ผมพยายามจะลุกขึ้นมาแต่ก็ยังไม่สามารถ เหมือนมีอะไรมายึดแขนขาผมไว้กับเตียง แต่ประสาทสัมผัสของผมยังทำงานตลอด.. ชั่วอึดใจ เธอคนนั้นก็ออกมาจากห้องน้ำ มาหยุดนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง ผมเดาว่าเธอกำลังแต่งหน้าทาปาก ผมได้ยินเสียงหวีผมดัง ‘แซ่กๆๆ’ ตอนนั้นผมเริ่มกลัวแล้ว สงสัยว่าเธอคือใคร? เข้ามาในห้องได้อย่างไร? หรืออาจมีใครเรียกหญิงบริการมาแล้วเธอเข้าห้องผิด? แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากเหลือบตามองดูต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อ
แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปรอบๆ เตียงที่ผมนอน เดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนที่นอน ผมรู้สึกได้ว่าเตียงมันยุบลงไปเลย แล้วเธอคนนั้นก็มานอนข้างๆ ผม และผมก็รู้สึกได้ถึงแขนข้างหนึ่งของเธอ ที่กำลังวางบนหน้าอกผมอยู่ เหงื่อผมเริ่มออก หัวใจเต้นแรง คิดในใจแต่ว่า ‘นี่คนหรือผีกันแน่!?’ ผมเริ่มสวดมนต์ สวดบทง่ายๆ เท่าที่คิดออก แต่แล้วผมกลับได้กลิ่นสาบๆ เหมือนกลิ่นหนูตายแห้งๆ โชยมาเข้าจมูก ยิ่งผมสวดมนต์ กลิ่นก็ยิ่งแรงขึ้นๆ จนผมเลิกสวดกลิ่นถึงค่อยๆ จางลงจนเป็นปกติ.. ในตอนนั้นมีความรู้สึกว่า หน้าเธออยู่ใกล้กับหน้าผมมาก ในลักษณะนอนตะแคง แต่ผมกลับไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของเธอเลย.. ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เธอไม่ใช่คนแน่ๆ ผมได้แต่นอนเกรงตัวแข็งเลยครับ และความเหนื่อยล้าทำให้สติผมดับวูบไปทั้งอย่างนั้น
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้าแล้ว ผมนี่รีบลุกจากที่นอนเด้งตัวลงมาเลย มองหาเธอคนนั้น แต่ก็ไม่มีวี่แวว ในห้องน้ำพื้นก็แห้งสนิท ไม่มีร่องรอยการอาบน้ำเลย ในใจผมก็คิดว่าตกลงนี่เราฝันไปหรืออะไร? จนผมได้ไปเห็นหวีที่โต๊ะเครื่องแป้ง เท่านั้นล่ะ ผมรีบเก็บของวิ่งออกมาจากห้อง ขึ้นรถขับออกไปอย่างไวเลยครับ เพราะสิ่งที่ผมเห็นคือ เส้นผมยาวกระจุกใหญ่พันอยู่บนหวีเต็มไปหมด! ตอนที่ผมขับรถออกมา ดูสภาพม่านรูดในตอนเช้าแล้วมันต่างจากเมื่อคืนมาก มันเหมือนกับโรงแรมร้างยังไงยังงั้นเลยครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์นอนหลับกับผีครั้งหนึ่งในชีวิตผมเลย
Story by คุณเลิฟ