เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องส่งเข้ามาจากคุณเลิฟครับ คุณเลิฟเล่าว่า.. บางคนสงสัยว่าทำไมผมถึงได้เจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติบ่อยนัก ตัวผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรครับ แต่ผมค่อนข้างจะสัมผัสกับสิ่งพวกนี้ได้ตั้งแต่เด็ก ผมเลยจะมาเล่าให้ฟัง.. เริ่มจากตอนผมเด็กๆ จำไม่ได้ว่ากี่ขวบ เป็นช่วงตรุษจีน จะมีการไหว้บรรพบุรุษ ที่บ้านผมเป็นคนเชื้อสายจีน ก็จะมีการตั้งโต๊ะไหว้กัน มีอาหาร ขนม เป็ด ไก่ เต็มโต๊ะ พ่อผมบอกให้ผมกับพี่สาวคอยเฝ้าที่โต๊ะ ให้ดูแลธูปเทียนป้องกันไฟไหม้ ผมก็นั่งเฝ้าตามคำสั่งครับ ระหว่างที่คุยเล่นกับพี่สาวเพลินๆ สายตาผมก็มองไปที่ใต้โต๊ะ เห็นเป็นขาคน 2 คนนั่งอยู่ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาบนโต๊ะกลับไม่เห็นมีใคร ผมเลยก้มลงมองอีกที ก็เห็นเป็นขาคนจริงๆ คนหนึ่งใส่กางเกงขายาวสีดำ ไม่ใส่รองเท้า อีกคนใส่กางเกงพริ้วๆ คล้ายผ้าแพรขาบานๆ สีดำ ไม่ใส่รองเท้าเหมือนกัน พอเงยหน้าขึ้นมาก็ไม่เห็นใครบนโต๊ะ ผมทำอย่างนี้อยู่ 3 ครั้ง ก็เห็นเหมือนเดิม เลยบอกให้พี่สาวดูบ้าง ว่าเห็นขาคนใต้โต๊ะไหม? พี่สาวก็ก้มไปมอง บอกว่าไม่เห็นมี ผมก็เถียงๆ กับพี่สาว จนพ่อเดินเข้ามา ผมเลยเล่าให้พ่อฟังอย่างละเอียด พ่อก็ตกใจ และบอกผมว่า นั่นล่ะอากงกับอาม่าของผม ซึ่งท่านเสียไปก่อนผมเกิดหลายปีแล้ว อากงชอบใส่กางเกงขายาวสีดำ ส่วนอาม่าชอบใส่กางเกงผ้าแพรสีดำ ตอนท่านเสียก็ใส่ชุดที่ผมเห็นนั่นแหละ.. และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับโลกหลังความตายครับ ยังมีเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ อีกหลายเหตุการณ์ที่ผมสัมผัสได้ แต่จะไม่ขอเล่า จะเล่าเฉพาะเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เจอมาแล้วกันนะครับ
พอผมโตขึ้น น่าจะอยู่ราวชั้น ป.5 วันหนึ่งผมไม่สบาย เป็นหวัดธรรมดานี่ล่ะ ก็ไปหาหมอได้ยามากิน นอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน 2 วัน อาการก็เหมือนจะดีขึ้น แต่พอวันที่ 3 จำได้เลย ผมกำลังจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำไปโรงเรียน ปรากฏว่าขาผมอยู่ๆ มันก็เดินไม่ได้ซะอย่างงั้น ล้มลงกับพื้นเลย ผมตกใจมากรีบตะโกนเรียกแม่ แม่ก็ขึ้นมาดู พยายามบีบนวดแต่ก็ไม่เป็นผล ผมร้องไห้ใหญ่กลัวว่าจะพิการ แม่เลยรีบพาไปหาหมอ ซึ่งหมอวินิจฉัยว่าอาจเกิดจากความเครียด หรือไม่ก็เชื้อไวรัสลงขา หมอก็ฉีดยา และให้ยามากิน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย คือมันเดินได้ แต่ต้องเกาะขอบประตู เกาะโต๊ะไปเรื่อยๆ ขาผมมันไม่มีแรงจะยกขึ้นเอง เป็นแบบนี้อยู่เกือบอาทิตย์ แม่ต้องพาไปหาหมอจนรอบตลาด รวมถึงโรงพยาบาล แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย..
มีอยู่คืนหนึ่ง ผมร้องไห้จนเพลียและหลับไป จนกระทั่งกลางดึก มีบางสิ่งดลใจให้ผมตื่นลืมตามามองไปที่ปลายเตียง ผมเห็นอะไรกลมๆ ดำๆ คล้ายลูกบอลอยู่ที่ปลายเท้า แต่พอผมเพ่งมองดีๆ ปรากฏว่ามันเป็นหัวคนครับ! หัวของผู้หญิงมีผมยาวๆ กำลังอ้าปากงับที่เท้าผม! ลักษณะเหมือนกำลังแทะกินเท้าผมอยู่ประมาณนั้น ผมไม่รู้สึกเจ็บอะไร แต่ขยับเท้าไม่ได้เลย ตอนนั้นผมตกใจมากและกลัวมาก ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่สวดมนต์ แต่เจ้าหัวผู้หญิงนั่นก็ยังไม่ไปไหน ยังคงแทะเท้าผมอยู่ต่อไป จนผมหมดปัญญาได้แต่บอกว่า ‘ถ้าหยุดแทะเท้าผม แล้วถ้าผมกลับมาเดินได้เหมือนเดิมเมื่อไหร่ จะบวชให้ 1 เดือน..’ ปรากฏว่าเจ้าหัวนั่นหยุดแทะเท้าผม แล้วตกลงไปที่พื้นดัง ‘ตุบ’ และกลิ้งหายไปในความมืด ผมตกใจจนหมดสติไปเลย.. พอเช้า ผมตื่นขึ้นมาสดชื่น แถมยังลุกขึ้นมาเดินได้ตามปกติอีกด้วย ทั้งแม่และผมดีใจมาก ผมก็เล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้แม่ฟังหมด ซึ่งโชคดีที่ช่วงนั้นใกล้สอบปิดภาคเรียนพอดี พอปิดภาคเรียนผมก็บวชตามที่สัญญากับเจ้าหัวผีนั่นไว้ครับ
ตอนบวช ผมได้พักอยู่กับหลวงตาท่านหนึ่ง หลวงตาท่านดูดวงได้ และยังชอบนั่งสมาธิเป็นประจำ ท่านบอกว่าดวงของผมเป็นดวงที่หนีมาเกิด คือยังไม่ถึงเวลาเกิดแต่หนีเขามา เลยทำให้สัมผัสกับอะไรพวกนี้ได้ตามที่โอกาสจะอำนวย ท่านห้ามผมไม่ให้เข้าพิธีใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งครอบครู รับขันธ์ สวดพานยักษ์ ท่านบอกว่า พิธีเหล่านี้ยิ่งจะทำให้ผมสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้แรงขึ้น ซึ่งผมก็กลัว ไม่อยากเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว จึงต้องเลี่ยงๆ พิธีพวกนี้ตลอด.. ช่วงที่บวช ผมก็พยายามแผ่เมตตา นั่งสมาธิ อุทิศส่วนกุศล ให้หัวผีนั่นตลอด จนก่อนผมสึกไม่นาน มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่กำลังนอนหลับสนิท หูผมก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างหนักๆ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ใต้เตียง ชนขาเตียงดัง ‘กุกๆ กักๆ’ แต่ผมก็ไม่กล้าก้มลงไปมอง เพราะกลัวว่าจะเจอในสิ่งที่ผมกลัว พอตั้งสติได้ผมรีบลุกจากเตียง วิ่งไปเคาะห้องหลวงตาที่อยู่ใกล้ๆ กันทันที จนหลวงตาเปิดประตูออกมา ผมก็เล่าให้ท่านฟัง ท่านจึงเดินไปที่ห้องผม หลับตาลงครู่หนึ่ง แล้วท่านก็พูดออกมาว่า ‘เณรบวชให้แล้วตามสัญญา เลิกรบกวนได้แล้ว เอาบุญแล้วก็ไปเสีย..’ ในคืนนั้นผมต้องขอไปนอนที่ห้องหลวงตาจนเช้า เพราะไม่กล้ากลับไปนอนคนเดียวอีก.. หลังจากผมสึก ผมก็ไม่เคยเจอกับเจ้าหัวผีนั่นอีกเลย พอโตขึ้นมาก็เริ่มเข้าใจ ว่าเจ้าหัวผีนั่น อาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมก็เป็นได้..
Story by คุณเลิฟ