เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเคครับ คุณเคเล่าว่า.. 3 ปีที่ผ่านมาช่วงวันหยุดยาว ผมมีโอกาสได้ไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปคนเดียวครับ ไม่ได้จองโรงแรมไว้ด้วย กะว่าไปหาเอาที่นั่นเลย ผมนั่งรถไฟไป พอไปถึงก็เดินหาโรงแรมในตัวเมืองก่อนเลย ซึ่งปรากฏว่าเต็มหมด ตอนนั้นนี่ท้อเลยครับ ไม่รู้จะไปนอนไหน พอดีพี่คนขับรถสองแถวเค้าแนะนำมา บอกว่ามีที่ตลาดอยู่โรงแรมนึง เดี๋ยวพาไป ผมก็ตกลงไปก็ไป..
พอไปถึง ลักษณะโรงแรมก็กลางๆ ไม่เก่าไม่ใหม่ ผมก็ไปเช็คอิน แต่ยังไม่ได้ขึ้นไปดูห้อง ฝากของไว้ที่ล็อบบี้โรงแรม และไปหาอะไรกิน เดินเล่น ถ่ายรูปจนเย็น ค่อยกลับมาที่โรงแรม ลักษณะห้องเปิดเข้าไปจะเป็นห้องน้ำอยู่ทางซ้ายมือ มองตรงไปจะเป็นที่นอน ขวามือที่นอนจะเป็นกระจกบานใหญ่ ซ้ายมือเป็นหน้าต่างมีผ้าม่านปิดไว้.. ผมเข้าห้องมาก็อาบน้ำ แล้วมานอนเล่นโทรศัพท์จนหลับไป นานแค่ไหนก็จำไม่ได้นะครับ.. แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝักบัวเปิดครับ ตอนนั้นไฟในห้องปิดหมดเหลือแต่ไฟในห้องน้ำ ผมก็เลยลุกเดินไปดู แต่ปรากฏว่าพื้นกลับแห้ง ก็คิดว่าคงหูฝาด เลยกลับมานอนต่อ ..แต่พอนอนไปได้สักพัก ก็ได้ยินอีกครับ เสียงเปิดฝักบัวดัง ‘ซู่’ เลย ผมหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา ประมาณเที่ยงคืนพอดี ผมเลยเดินไปดูอีกครั้ง คราวนี้พื้นเปียกจริงๆ เอาละ.. ผมเริ่มคิดละว่าผมคงเจอดีเข้าแล้วแน่ๆ แต่ก็พยายามนอนต่อ โดยเปิดเพลงและใส่หูฟัง ด้วยความเพลียเลยเผลอหลับไปอีกครั้ง
แล้วก็มาอีกครับ แต่คราวนี้มาเป็นเสียงเคาะประตูเลย เสียงดังทะลุเข้ามาทั้งๆ ที่ผมใส่หูฟังอยู่ ผมก็ไม่กล้าเดินไปดู เพราะมันต้องผ่านห้องน้ำ แต่ว่าเสียงเคาะมันไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ เลยคิดว่าพนักงานคงมาเรียก หรือมีเหตุร้ายอะไรหรือเปล่า? ผมกลั้นใจรีบวิ่งผ่านห้องน้ำไปเปิดประตู แต่พอเปิดไปนี่ขนลุกวาบเลยครับ ไม่มีใครเลย.. ทีนี้หลอนหนักเลยครับ นอนไม่หลับ ผมเลยกดโทรศัพท์โทรหาแฟน คุยให้หายกลัว คุยจนผมหลับคาสายไปเลย.. แต่มันยังไม่จบแค่นั้นครับ คราวนี้มาหนักเลย ผมสะดุ้งตื่นเพราะมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนเหยียบขึ้นมายืนบนที่นอนตรงปลายเท้าผม ตอนนั้นนี่ผมก็ไม่กล้าลืมตาดูเลย หูผมยังคงได้ยินเสียงแฟนเรียกชื่อผมดังออกมาจากโทรศัพท์ แต่ผมไม่กล้าตอบ นอนนิ่งเป็นท่อนไม้ คิดในใจว่า ‘เดี๋ยวทำบุญไปให้.. อย่ามารบกวนกันเลย’ พร้อมกับสวดมนต์มั่วบทไปหมด.. จนผ่านไปสักพัก ที่นอนก็ค่อยๆ คืนรูป ผมเลยลองลืมตาขึ้นมา ก็แทบช็อคครับ ผมเห็นเงาดำๆ 3 เงายืนอยู่ที่ปลายเตียง และค่อยๆ เดินหายไปทางประตู..
พอเรียกสติคืนมาได้ ผมรีบลุกวิ่งออกจากห้องทันทีเลยครับ ตอนนั้นตี 5 ได้ ผมลงมานั่งอยู่ที่ล็อบบี้คุยกับแฟน เล่าให้แฟนฟัง ปรากฏว่าแฟนบอกผมว่า ‘เมื่อกี้เค้าได้ยินเสียงคนคุยกันหลายคน นึกว่าตัวเองเปิดทีวีดูหนัง.. จับใจความได้ประมาณว่า มานอนตรงนี้ทำไม!?’ ผมได้ฟังนี่ขนลุกเลยครับ เพราะผมไม่ได้เปิดทีวี! ผมรอจนถึงประมาณ 8 โมงเช้า ค่อยขึ้นไปเก็บของ และบอกเขาว่า ‘ไม่ต้องตามนะ เดี๋ยวทำบุญไปให้..’ แล้วรีบวิ่งเลยครับ
Story by คุณเค