เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณปุ้ยครับ คุณปุ้ยเล่าว่า.. เรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่สาว และพี่เขยของเราค่ะ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว วันนั้นเป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง คือพี่เขยเราชอบตกปลามาก เลยชวนพี่สาวเรา และเพื่อนๆ ไปตกปลากันที่ต่างอำเภอ อำเภอนั้นจะอยู่ติดกับทะเล ไม่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราชสักเท่าไหร่ ช่วงราวๆ 1 ทุ่มเศษ พี่เขยก็นัดกับเพื่อนๆ มาขึ้นรถกันที่บ้าน รถของพี่เขยเราจะเป็นรถกระบะมีแค็บ นั่งกันไปทั้งหมด 6 คน โดยที่ทุกคนนั่งอยู่ในรถกันหมด ไม่มีใครนั่งอยู่หลังกระบะเลย ส่วนที่หลังกระบะก็จะเอาอุปกรณ์ตกปลาใส่ไว้
เมื่อพร้อมก็ออกรถเดินทางกัน จนขับมาได้ระยะหนึ่ง ใกล้จะถึงอำเภอจุดหมาย ซึ่งแถวนั้นไม่ค่อยมีไฟถนนเลย จู่ๆ พี่เขยเราก็เห็นผู้หญิงแก่ๆ อ้วนๆ คนหนึ่ง ผมเผ้ารุงรัง ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ ผ้าถุงสีดำเดินอยู่ข้างทาง หิ้วของพะรุงพะรัง พี่เขยเราเลยตีไฟสูงใส่ พร้อมกับถามพี่สาว และเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันว่าเห็นเหมือนกันไหม? ทุกคนก็ตอบว่าเห็นเหมือนกัน พี่สาวเราเลยพูดขึ้นมาว่า ‘ค่ำป่านนี้แล้วแกจะไปไหน หิ้วของเต็มไม้เต็มมือไปหมด ลองจอดถามแกหน่อยว่าแกจะไปไหน..’ พอได้ยินอย่างนั้นพี่เขยเราก็จอดรถ โดยที่ไม่มีใครในรถแย้งเลยแม้แต่คนเดียว พอรถจอด พี่สาวเราก็เปิดกระจกถามป้าคนนั้นว่า ‘ป้าจะไปไหน มืดแล้ว ให้หนูไปส่งไหม?’ ป้าแกก็ตอบกลับมาว่า ‘ป้าจะกลับบ้าน ไม่มีรถไปเลย มืดก็มืดขอไปด้วยได้ไหม?’ พี่สาวเราก็ตอบว่า ‘ได้ค่ะ.. แต่ในรถมันเต็มแล้ว ป้านั่งท้ายกระบะได้ไหม?’ ป้าแกก็ตอบ ‘ได้สิ นั่งได้ ไปส่งป้าที่บ้านหน่อยนะ ตรงสะพานข้างหน้านู่น..’ เมื่อคุยกันจบ ป้าคนนั้นแกก็เดินย่ำเท้าไปยังท้ายกระบะ โดยตลอดเวลาที่คุย แกได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่แม้แต่จะสบสายตากับพวกเราที่อยู่ในรถเลย จากนั้นพี่เขยเราก็ไปเปิดท้ายกระบะให้แกนั่ง แล้วก็ออกรถไปต่อ
แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นมันก็เริ่มไม่ปกติค่ะ คือหลังจากที่รับป้าแกมาแล้ว รถก็เร่งไม่ไปเลย พี่เขยเหยียบคันเร่งเกือบมิดรถก็ไม่ค่อยไป มันเหมือนกับขนก้อนอิฐเป็นตันๆ อยู่หลังกระบะยังไงยังงั้น พี่เขยก็มองไปดูท้ายกระบะ แต่ก็ไม่มีอะไรนอกจากป้าคนนั้นที่นั่งอยู่ แกก็นั่งเงียบๆ ก้มหน้าไม่พูดอะไรเลย พี่เขยเห็นว่าไม่มีอะไรก็เลยเร่งเครื่องอีกจนรถเริ่มขยับ แต่ขยับแบบช้าๆ กว่าจะไปถึงสะพานที่ป้าแกจะลงก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมง ทั้งๆ ที่เวลาปกติขับไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว
พอถึงสะพานจุดหมายที่ป้าแกบอก พี่เขยเราก็จอดรถ ป้าคนนั้นก็ลงจากกระบะหลัง แล้วเดินมาที่กระจกด้านข้างที่พี่สาวเรานั่ง ป้าบอกว่า ‘ขอบใจมาก..’ แล้วแกก็เดินหายไปข้างเชิงสะพาน จากนั้นพี่เขยก็ออกรถไปต่อ ปรากฏว่ารถพุ่งฉิวไม่เหมือนตอนที่ป้าแกนั่งมาด้วย ราวกับได้ยกอะไรหนักๆ ออกไปจากท้ายกระบะเลย.. พอพี่เขยหันไปมองหน้าพี่สาวเราก็ต้องตกใจ เพราะพี่สาวเรากำลังนั่งตัวสั่น ร้องไห้ ทุกคนก็ตกใจถามว่าเป็นอะไร? พอพี่สาวเราได้สติก็บอกว่า ‘มะ..เมื่อกี้ที่ป้าแกมาบอกขอบใจตรงข้างกระจก แกเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าแกนี่บวมช้ำเน่าเฟะ ตาโปนจะหลุดออกมา เหมือนศพขึ้นอืดมาหลายวันยังไงยังงั้น..’ ทุกคนได้ฟังต่างก็ตกใจ พี่เขยก็พูดขึ้นมาว่า สงสัยพวกเราจะโดนเข้าแล้ว เพราะตรงสะพานที่ป้าแกลงไปมีแต่ป่า จะไปมีบ้านคนได้ยังไง? คราวนี้ทั้งพี่สาวเรา พี่เขย และเพื่อนๆ ในรถก็ขนลุกขึ้นมาทั้งตัว สรุปว่าเลี้ยวรถกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย เพราะกลัวว่าขากลับป้าแกจะมาเดินให้เห็นอีก แล้วพอขับผ่านสะพานเดิมก็เห็นว่าที่ตีนสะพานมีศาลไม้เก่าๆ ตั้งอยู่อีกด้วย..
Story by คุณปุ้ย