เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเดชครับ คุณเดชเล่าว่า.. ย้อนหลังไปสัก 10 กว่าปีก่อน สมัยมอเตอร์ไซค์ 2T กำลังฮิต ผมกับเพื่อนสนิทก็ออกเที่ยวกันทุกคืนจนดึกดื่น ถ้าไม่ได้เที่ยวคือนอนไม่หลับ สมัยนั้นร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ นี่เปิดกันยันเช้านะ วันหนึ่ง ผมกับเพื่อนไปเที่ยวร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ก็กินดื่มไปร้องไปเล่นไปตามประสาวัยกำลังห้าว จนเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ พวกผมก็กึ่มๆ ได้ที่ มึนๆ กำลังดี ก็ชวนกันกลับครับ ด้วยมอเตอร์ไซค์คันเดิม เพื่อนขี่ผมซ้อน ทางที่กลับบ้านคือแถวทุ่งเหียง เส้นนี้วิ่งต่อไปก็โผล่สาย 331 ทางที่จะไปโคราชนั่นล่ะครับ แต่เรื่องของผมมันเกิดช่วงทางออกจากพนัสนิคมไปได้นิดเดียว ถ้าใครเคยวิ่งเส้นนี้ ก่อนเข้าพนัสนิคมถ้ามาจากหนองเสม็ด หรือเกาะโพธิ์ จะต้องผ่านสุสาน 2 ข้างทางครับ สมัยนั้นไม่มีบ้านคนเลย เข้าเรื่องนะครับ
พอพวกผมออกจากร้านอาหาร ก็ขี่ไปเรื่อยๆ คุยกันมาเสียงดังเลย พอเริ่มเข้าเขตสุสานที่ว่า ก็มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งขับแซงเราไปช้าๆ แต่ไอ้ที่มันทำให้พวกผมจำมาจนทุกวันนี้คือ มอเตอร์ไซค์รับจ้างคันนั้นมีผู้หญิงซ้อนท้ายมาด้วยครับ แถมเธอคนนั้นแต่งชุดเจ้าสาวสีขาว และเป็นเจ้าสาวที่สวยซะด้วยสิ ผมกับเพื่อนก็มองเธอ เธอก็มองผมกับเพื่อน แถมยิ้มให้อีกต่างหาก เพื่อนผมพูดกับผมว่า ‘สวยว่ะ’ ผมก็ตอบไป ‘เออ.. แต่ไหงมาซ้อนมอเตอร์ไซค์ดึกดื่นเที่ยงคืนยังงี้วะ?’ เราก็คุยกันไป แต่ก็ขี่ไปเรื่อยๆ ความเร็วเท่าเดิม จนมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันนั้นแซงไปไกลมากจนเห็นแต่ไฟท้าย แล้วอยู่ๆ เขาก็เลี้ยวกลับมาครับ ‘อ้าว! นั่นเลี้ยวกลับมาทำไมอีกวะ?’ เพื่อนผมตะโกนขึ้นมา แต่ผมก็ไม่ได้อะไร ทีนี้พอมอเตอร์ไซค์คันนั้นขี่สวนมา กลับไม่เห็นเจ้าสาวคนนั้นแล้วครับ มีแต่พี่วินขี่มาคนเดียว ผมก็บอกเพื่อน ‘เจ้าสาวคงลงไปแล้ว สงสัยจะคงมีคนมารอรับที่ปากทางมั้ง..’
พวกผมคุยกันจนมาถึงตรงที่พี่วินคนนั้นเลี้ยวรถกลับ แต่ก็ไม่เห็นใครเลย คือเธอไม่น่าจะไปเร็วขนาดนี้ ไฟรถที่มารับก็ไม่เห็นมี ‘เออแปลกแฮะ หายไปไหนวะ?’ พวกผมคุยกันแล้วก็มองหา จนเลยจุดที่พี่วินเลี้ยวกลับมาได้สัก 100 เมตร แต่ก็ไม่เห็นใคร ผมบอกเพื่อนให้ย้อนกลับไปดูซิ ซึ่งเพื่อนผมมันก็คิดแบบนั้นอยู่แล้ว ตอนนั้นพวกผมไม่ได้คิด หรือตะหงิดใจอะไรเลย มีแต่ความอยากรู้เท่านั้น เราขี่ย้อนกลับมาช้าๆ มองหาข้างทางด้วย อยู่ๆ เพื่อนผมมันก็ร้อง ‘เฮ้ยยย!’ ขึ้นมา พอดีกับที่ผมมองไปในระยะที่ไฟหน้ารถส่องถึง สิ่งที่พวกผมเห็นคือ เจ้าสาวคนนั้น เธอยืนอยู่บนหลักกิโลเมตรครับ! ถึงตรงนี้ขนผมลุกซู่ขึ้นมาแบบไม่ยั้งเลย คิดในใจว่าโดนเข้าแล้วแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย
ในขณะที่กำลังนึกในใจ เพื่อนผมมันก็ขี่รถเข้าไปใกล้ขึ้นๆ เพราะให้เลี้ยวกลับก็กลัวจะช้าหรือยังไงก็ไม่รู้มัน แล้วพอยิ่งเข้าใกล้มันก็ยิ่งชัด เธอยืนหันหลังให้ถนน กระโปรงพริ้วไสวอยู่บนหลักกิโลเมตร ช่วงขาของเธอผมมองไม่เห็น แต่มองดูเหมือนเธอลอยอยู่มากกว่า พอเข้าไปใกล้ ห่างแค่วากว่าๆ เธอก็หันหน้ามายิ้มให้! เป็นยิ้มที่ชวนขนพองสยองเกล้ามากๆ ไม่ได้สวยเหมือนก่อนหน้านี้เลยครับ ในขณะที่ยิ้ม มุมปากของเธอก็ค่อยๆ ฉีกขึ้นไปจนถึงติ่งหู พร้อมกับแลบลิ้นออกมา ทุกวินาทีในตอนนั้นมันช้ามากๆ รถก็ช้า คือเพื่อนผมมันมัวแต่อึ้งหรือยังไงไม่ทราบ ปล่อยรถค่อยๆ ไหลไป ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่บิดแรงๆ ให้ผ่านไปเร็วๆ สักที พอรถไหลผ่านเธอไปเรื่อยๆ คอของเธอก็หมุนตามมา คือหมุนมาแต่หัวนะครับ! เพราะเธอยืนหันหลังให้ถนนเหมือนเดิม ลิ้นเธอก็แลบออกมายาวเป็นศอก ตวัดไปมา พร้อมกับหัวเราะออกมาจากลำคอ แถมใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ คล้ำขึ้นๆ ผมจิกผมเพื่อนขยำอย่างแรง พร้อมแหกปากว่า ‘ไอ้เชี่ย ไป ไป ไปเร็ว ผีหลอก!!’ เหมือนเพื่อนผมมันได้สติหรืออะไรก็ไม่ทราบครับ มันบิดคันเร่งอย่างไวเอาซะเกือบยกล้อเลย
เสียงของเธอที่หัวเราะยังดังไล่หลังผมมา จนผมต้องหันหลังไปมองอีกครั้ง และสิ่งที่เธอทิ้งท้ายให้ผมคนเดียว คือร่างของเธอที่อยู่บนหลักกิโลเมตรเมื่อครู่ มันลอยพุ่งเข้ามาหาผมแบบวูบเดียวมาติดๆ ท้ายรถเลย! แล้วใบหน้าเธอตอนที่ลอยมา มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีรอยปริแตก ‘โอ้ย พอแล้วกลัวแล้ว ไปเถ๊อะ~’ ผมร้องออกมาพร้อมกับกอดเอวเพื่อนแน่น หลับตาปี๋ ขี่กลับเข้าพนัสนิคมแล้วอ้อมกลับอีกทาง.. พอมาถึงบ้านเพื่อน จอดรถเข้าบ้านได้นี่ รีบมุดมุ้งนอนคลุมโปงยาวไปเลยครับ จนช่วงสายอีกวัน แม่เพื่อนมันมาปลุก สรุปไข้แดกทั้งคู่เลย แล้วก็เล่าให้แม่เพื่อนฟัง หลังจากนั้นแม่เพื่อนก็พาไปอาบน้ำมนต์กันที่วัดทั้งคู่เลยครับ.. หลังจากนั้นมา เจออะไรแปลกๆ ผมนี่ไม่เคยคิดจะสงสัย หรืออยากรู้อยากเห็นอะไรอีกเลยครับ
Story by คุณเดช