เรื่องนี้ส่งมาจากคุณอังครับ คุณอังเล่าว่า.. เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ตอนนั้นเราอยู่ปี 2 และได้ย้ายมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนเราอีกคนค่ะ ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ยกสูงจากพื้นประมาณ 2 เมตร มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ..อยู่มาคืนหนึ่ง แฟนเราก็มาที่บ้าน และก็กำลังนั่งดูรายการผีในโทรทัศน์กันอยู่ มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งของรายการ ที่จะมีการท่องคาถาเรียกวิญญาณ เพื่อมาพูดคุยกัน ตอนนั้นเราก็แอบคิดในใจว่า ‘แล้วถ้าวิญญาณที่สถิตย์อยู่แถวนี้ได้ยิน เขาจะมาไหมนะ?’ แต่เราก็แค่คิดเล่นๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร
พอรายการจบ เพื่อนเราก็แยกตัวไปนอน ส่วนเรากำลังจะลงไปส่งแฟนที่รถ แต่ยังไม่ทันก้าวลงบันได จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเพื่อนกรี๊ด แล้ววิ่งออกจากห้องมาหาเราด้วยสีหน้าหวาดกลัว เหมือนตกใจอะไรบางอย่าง เรารีบถามเพื่อนว่า ‘เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น?’ แต่เพื่อนยังอยู่ในอาการตกใจ ไม่ยอมพูดอะไร บอกแค่ว่า ‘แกช่วยไปปิดม่านให้หน่อย..’ ที่ห้องนอนของเพื่อนเรายังคงปิดไฟอยู่ มีเพียงแสงสลัวๆ จากห้องโถงสาดเข้าไปในห้องนอน ในใจเราคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ เดินเข้าไปปิดม่านให้ โดยเปิดไฟห้องก่อน พอไปถึงตรงหน้าต่างกำลังจะเอื้อมมือดึงม่าน เราก็เหลือบไปเห็นเงาดำๆ คล้ายคนโผล่พ้นหน้าต่างมาครึ่งตัว แต่ตรงหัวลักษณะเหมือนคนหัวล้าน เราตกใจมาก แต่ร้องไม่ออก เลยรีบวิ่งออกมาถามเพื่อนว่า ‘เมื่อกี้แกเห็นอะไร เห็นเหมือนกันไหม?’ เพื่อนเล่าว่าเห็นเป็นเงา ลักษณะคล้ายๆ กับที่เราเห็น..
ขณะที่เรากับเพื่อนกำลังสติแตก ด้วยความที่แฟนเราเป็นคนสติไว จึงรีบคว้าไฟฉายวิ่งลงไปดูด้านล่างของบ้าน สาดไฟส่องไปรอบๆ เผื่อว่าสิ่งที่เห็นอาจจะเป็นคนมาแอบดู แต่ก็ไม่พบอะไร และพวกเราก็สังเกตเห็นว่า จากพื้นถึงขอบหน้าต่างนั้นมีความสูงราวๆ 2 เมตรได้ ทุกคนเริ่มคิดได้ว่าคงไม่ใช่คนแล้วแน่ๆ เพราะคงไม่มีใครสูงเกินกว่าขอบหน้าต่างมาถึงครึ่งตัวแน่นอน!
คืนนั้นเราจึงตัดสินใจออกไปข้างนอก คลายความกลัวด้วยการพากันไปคาราโอเกะ พอไปถึงก็ดึกมากแล้ว เหลือห้องริมสุดห้องเดียว แฟนเราได้ชวนรุ่นพี่ที่สนิทอีกคน มาคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย คุยไปร้องคาราโอเกะไป สักพักเรารู้สึกเหมือนมีใครมาลูบที่ขา ตอนแรกก็คิดว่าเป็นลมจากแอร์ในห้องคาราโอเกะ แต่ก็ยังไม่วายคิดในใจว่า ‘ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ลมจากแอร์ ขอให้รู้สึกแบบนั้นอีกที..’ จากนั้นเรารู้สึกแบบเดิมอีกครั้งจริงๆ ค่ะ แต่คราวนี้น้ำหนักแรงกว่าครั้งแรกอีกด้วย เราก็บอกให้ทุกคนฟัง และเผลอพูดออกไปว่า ‘ไม่ใช่ว่าเขาตามเรามาจากบ้านเช่านะ?’ พอพูดจบ เราก็รู้สึกว่า เหมือนมีใครเอาศอกมากระแทกโซฟา เพราะมันสั่นๆ รู้สึกอยู่ 2-3 ครั้ง เริ่มไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเสียงดังไปหรือเปล่า จึงถามคนอื่นว่ารู้สึกเหมือนกันไหม? ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘รู้สึก..แต่ไม่กล้าพูด’ พวกเราจึงลองหยุดร้องเพลง และห้ามใครพิงโซฟา จากนั้นรุ่นพี่ก็พูดขึ้นมาว่า ‘ถ้าเป็นอย่างที่ทุกคนคิด ขอให้โซฟาสั่นอีกที’ คราวนี้สั่นจริงๆ ค่ะ แต่ไม่ได้สั่นแค่โซฟา แต่สั่นทั้งผนังด้านหลังด้วย เหมือนมีคนมาทุบผนัง ทุกคนต่างพากันกลัว แต่ก็ไม่วายจะหาข้อพิสูจน์ โดยให้เพื่อนกับรุ่นพี่นั่งรอในห้องคาราโอเกะ แล้วเรากับแฟนก็ออกมานอกร้าน เพื่อทำทุกอย่างที่คิดว่าคนทำได้ ทั้งถีบผนัง ทุบผนัง และให้เพื่อนกับรุ่นพี่คอยฟังว่าเหมือนไหม เผื่อจะเป็นใครทำอะไรข้างนอกก็ได้ แต่ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีไหน ก็ไม่สามารถทำให้ผนังห้องสั่นได้แบบนั้น..
คืนนั้นพวกเราจึงตัดสินใจไม่กลับไปนอนที่บ้านเช่า พากันไปนอนหอแฟนกันทั้งหมด จนเช้าอีกวันหนึ่ง เรากับเพื่อนได้ซื้อดอกไม้ ธูป เทียน เพื่อกลับไปไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง และวิญญาณทั้งหลายที่บ้านเช่าหลังนั้น เราก็คิดว่าเรื่องราวคงจะจบลงเพียงเท่านี้.. แต่แล้วต่อจากนั้นไม่นาน ขณะที่เรากำลังนอนหลับอยู่ในห้อง เป็นเวลาประมาณตี 3 เรามีความรู้สึกเหมือนถูกผีอำ เราพยายามร้องตะโกน สวดมนต์ และดิ้นให้หลุดจากตรงนั้น แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายเราพยายามฝืนลืมตาขึ้นมาได้ เรารีบกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง และสิ่งที่เห็นคือ มีเงาดำคล้ายคนเดินวนเวียนอยู่ในห้อง ทั้งที่ประตู ข้างตู้เสื้อผ้า และรอบเตียง ซึ่งอยู่ห่างจากเราไม่ถึงฟุต! ตอนนั้นเราตกใจสุดขีด แต่ทำอะไรไม่ได้ เลยรีบหลับตาแล้วนอนร้องไห้ ปากก็ตะโกนว่า ‘เปิดไฟให้หน่อย เปิดไฟให้หน่อย!’ จนในที่สุดเพื่อนก็วิ่งเข้ามาช่วย.. คืนนั้นเราต้องย้ายไปนอนห้องเพื่อน แล้วเปิดไฟสว่างยันเช้า
หลังจากเหตุการณ์นั้น เรากับเพื่อนจึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเช่าทันที เพราะเราเริ่มมั่นใจแล้วว่า ที่นี่มีวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่ และไม่ยอมไปไหนสักที ถึงแม้ว่าเราจะไหว้ขอขมาแล้วก็ตาม ซึ่งบ้านหลังนั้นก็ยังคงเปิดให้นักศึกษามาเช่าอยู่ จนถึงปัจจุบันนี้..
Story by คุณอัง