เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณเจม ไรเดอร์ครับ คุณเจมเล่าว่า.. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณ 1 ปีที่แล้ว ผมขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ คือตอนนั้นเพื่อนผมคนหนึ่งมันบวช แน่นอนว่างานบวชคนต้องมาเยอะ แล้วก็จะต้องเตรียมของใช้ต่างๆ เยอะมาก เช่นโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องครัว แก้วน้ำ จาน ชามเป็นต้น ซึ่งที่บ้านเพื่อนผมมันก็ต้องยืมของจากทางวัดมาใช้ก่อน ก็ต้องไปขนจากวัดเอามาจัดงานที่บ้าน ซึ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติดีจนจบงานบวช ก็ถึงเวลาที่จะต้องเอาของไปคืนวัดกัน โดยจะเอาของใส่รถกระบะไปครับ ของมันก็เยอะจนต้องแบ่งกันไปหลายคัน ใช้คนประมาณ 3 คนต่อรถกระบะ 1 คัน
ผมรับหน้าที่เอาเครื่องใช้ในครัวไปคืนวัด โดยรถกระบะคันผมมี ผม น้องผม และเพื่อนอีกคน พอเอาของขึ้นรถเสร็จก็ออกไปกันเลย โดยผมจะเป็นคนขับครับ แต่ตอนกำลังจะออกรถ อยู่ๆ ก็มีป้าคนหนึ่งเดินมาจากไหนไม่รู้ มาถามว่า ‘หนุ่มๆ จะเอาของไปคืนวัดใช่ไหม?’ ผมก็ตอบว่าใช่ครับ ป้าแกก็ขอติดรถไปด้วย ผมก็ไม่ได้อะไรให้ป้าแกขึ้นรถมาด้วยกัน พอขับไปถึงหน้าวัด ป้าแกก็ลง แต่ก่อนป้าแกจะไป แกหันมาบอกว่า ‘เวลาเอาของไปเก็บในโรงครัว อย่าเสียงดังกันนะ เพราะที่นั่นน่ะเจอดีกันมาหลายคนแล้ว..’ ผมเองก็งงๆ แต่ก็รับปากแกไป
จนผมขับเข้ามาในวัด ไปจอดรถที่โรงครัว ก็มีเณรรูปหนึ่งเดินมาไขกุญแจเปิดประตูโรงครัวให้ แล้วบอกพวกผมว่า ‘ถ้าโยมพี่เก็บของกันเสร็จแล้ว ช่วยล็อคประตูให้ด้วยนะ’ ผมก็ตอบไปว่า ‘อ้าว แล้วเณรไม่เช็คของก่อนเหรอครับ?’ เณรตอบว่า ‘ไม่เช็ค โยมพี่เอาไปเก็บได้เลย พอดีเณรรีบไป..’ ผมก็งงนะ แต่ไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้นมันก็ 5 โมงจะ 6 โมงเย็นแล้ว เลยรีบขนเอาของลงกันครับ แต่ก็ไม่วายทำเสียงดัง เพราะเพื่อนกับน้องผมมันติดเล่นกัน พอเอาของลงเสร็จก็ต้องรีบกลับไปเอาของอีก 1 เที่ยว ก็ออกรถกลับไปที่บ้านเพื่อน ตอนขนของกลับมาวัดรอบที่ 2 น้องผมมันก็พูดขึ้นมาว่า ‘พวกเราก็เสียงดังนะ ไม่เห็นเจออะไรเลย สงสัยป้าแม่งหลอกพวกเราว่ะ..’ ผมกับเพื่อนก็เออออตามมันไป
พอไปถึงโรงครัวรอบสอง ตอนนั้นพระอาทิตย์เริ่มตกละ ก็ยกของลงกันตามปกติ แต่คราวนี้พวกผมอัดเต็มเลยครับ คือเล่นกันเสียงดังสุดๆ พอใกล้จะลงของเสร็จ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะคอกดังมาว่า ‘พวกมึง!!’ พวกผมนี่เงียบกริบทันที หันซ้ายหันขวามองหาที่มาของเสียง ซึ่งทั้งประตูหน้าต่างก็ไม่มีใครเลย ทั้งๆ ที่เสียงมันดังอยู่ในนี้แหละ พวกผมสามคนถึงกับมองหน้ากัน ค่อยๆ ยกของกันต่อแบบเงียบๆ ในใจคือรู้แล้วล่ะว่าน่าจะเจอดี แถมตอนนั้นในโรงครัวไม่มีไฟเลย มันจะมืดสลัวๆ หน่อย แต่ยังพอมองเห็น แล้วอยู่ๆ เพื่อนมันก็สะกิดผมใหญ่เลย ผมหันไปเห็นมันหน้าซีดหน้าเสีย โดยที่สายตามองจ้องค้างไปที่เพดาน ผมเลยมองตามสายตามันไป ข้างบนมันจะมีคานไม้ใหญ่ๆ วางขวางกับแนวหลังคาครับ ผมเห็นผู้หญิงนั่งห้อยขาอยู่!! อารมณ์เหมือนนั่งเล่นแบบลอยหน้าลอยตา ผมเห็นแบบนั้นนี่ไม่กล้าขยับตัว ขาแข็งขึ้นมาทันทีเลยครับนาทีนั้น ผู้หญิงบนนั้นไม่ได้มองพวกผมอยู่นะครับ แต่พวกผมมองเธออยู่ ผมจะหันไปสะกิดน้องผม แต่ไม่ต้องละครับ เพราะผมหันไปเห็นน้องมันยืนมองตาแข็งอยู่เหมือนกันเลย
ช่วงเวลานั้นคงไม่ได้นาน แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช่างนานเหลือเกิน แล้วสักพักเลือดครับ เลือดหยดลงมาที่พื้นทีละหยดๆ คือมันไหลมาจากหว่างขาของผู้หญิงคนนั้น เหมือนคนแท้งอ่ะครับ จากหยดสองหยดกลายเป็นไหลจ๊อกเป็นก๊อกน้ำเลยทีนี้ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ก้มลงมามองพวกผมแล้วร้อง ‘กรี๊ดดดดด’ เสียงดังมากกกก พวกผมตกใจกัน หัวใจแทบหยุดเต้น ตาก็จ้องค้างอยู่ตลอดนะครับ เลือดก็ยังคงไหลออกมาเต็มพื้นเต็มไปหมด ก่อนที่เธอจะกระโดดลงมาใส่พวกผม จากที่ขาแข็งๆ ทีนี้วิ่งกันป่าราบ ทิ้งของ ทิ้งประตู ขึ้นรถได้ออกรถเลยครับ ผมขับไปถึงหน้าวัดยังมีเสียงกรี๊ดตามหลังมาอีก ตามมาด้วยเสียงหัวเราะแบบสะใจมากๆ
พอไปถึงบ้านเพื่อนที่จัดงาน ก็มานั่งเหวอกันพักหนึ่ง ของก็ยังลงไม่หมด คงต้องรอไปคืนอีกทีตอนเช้าเลย.. พอนั่งพัก สติเริ่มกลับมา ก็ไปเล่าให้พ่อเพื่อนฟัง พ่อเพื่อนยิ้มแล้วบอกว่า ‘เมื่อก่อนเคยมีแม่ครัวสาวท้องอ่อน ไปเก็บของในโรงครัว แล้วถูกโต๊ะวางของตกใส่ ตายคาที่เลย..’ แล้วพ่อเพื่อนยังบอกอีกว่า ‘ใครเขาก็เจอกันทั้งนั้นล่ะ..’ สรุปคือพวกผมน่าจะเชื่อป้าคนนั้น ไม่น่าส่งเสียงดังโวยวายกันเลย ไม่งั้นคงไม่เจอแบบจัดหนักจัดเต็มขนาดนี้.. สรุปคือต้องให้น้าเอาของไปคืนให้แทน จากนั้นมาพวกผมก็ไม่กล้าผ่านไปทางโรงครัวของวัดนั้นอีกเลยครับ
Story by เจม ไรเดอร์