เรื่องนี้ส่งมาจากคุณไนท์ครับ คุณไนท์เล่าว่า.. เป็นเหตุการณ์ที่ผมเจอตอนเรียนอยู่ ม.3 ครับ ผมเป็นคนจังหวัดลพบุรี บ้านที่ผมอยู่เป็นกรมทหารแห่งหนึ่งในจังหวัด เย็นวันหนึ่ง หลังจากที่ผมกลับมาจากโรงเรียนตามปกติ พอเข้าบ้านมาผมเห็นพ่อกับแม่กำลังรีบเก็บเสื้อผ้ากันใหญ่ ผมเลยถามแม่ว่า ‘แม่จะเก็บเสื้อผ้าไปไหนอะ?’ สีหน้าของแม่ดูเศร้ามาก ตาแดงเหมือนร้องไห้มาหมาดๆ แม่บอกผมว่า ‘ตอนนี้คุณตาไม่ไหวแล้วลูก..’ แล้วบอกให้ผมรีบไปอาบน้ำเพื่อที่จะไปหาคุณตาที่กรุงเทพฯ วันนั้นผมจำได้แม่นเลยว่าเป็นวันศุกร์ พวกเราก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งรถก็ติดมาก
พวกเราเข้าไปหาคุณตา ซึ่งสภาพตาตอนนั้นมีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด สายตาของคุณตาที่มองมาเจอผม รู้สึกได้เลยว่าตาดีใจมากที่ผมมา ตอนนั้นเองก็มีพยาบาลเดินมาตรวจ โดยการให้ดมควันอะไรไม่รู้ที่จมูก แต่ว่าตาเกิดสำลัก และมีเลือดออกทางทวารทั้ง 5 ต่อหน้าต่อตาผมเลย น่ากลัวมากๆ พ่อกับแม่เลยรีบไล่ผมออกไปอยู่ข้างนอกก่อน.. สุดท้ายหมอก็มาบอกว่าให้พ่อกับแม่ผมทำใจไว้ได้เลย เพราะคุณตาไม่น่าจะไหวแล้ว ยื้อได้ไม่นาน สุดท้ายตาผมก็เสียในวันอาทิตย์ครับ
วันจันทร์ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนพ่อกับแม่เตรียมเรื่องงานศพตากันแต่เช้า โดยชวนผมไปร่วมงานศพด้วย แต่ตอนนั้นเนื่องด้วยผมยังวัยรุ่น และเพิ่งจะได้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่มา ก็เลยอยากจะเล่นคอมนานๆ ผมเลยโกหกแม่ไปว่า ‘ผมไม่ค่อยสบาย ไปเรียนแล้วขอกลับมาพักอยู่บ้านดีกว่า..’ พ่อกับแม่ผมก็ตามใจ บอกว่าคืนนี้พ่อกับแม่จะกลับดึกหน่อยนะ ซึ่งก็เข้าทางผมเลย
ผมก็ไปเรียนหนังสือตามปกติ พอเลิกเรียนกลับมา ผมก็ใจจดใจจ่อกับการที่จะได้เล่นคอม ผมเล่นยาวไปยัน 3 ทุ่ม ข้าวปลาไม่กิน แล้วระหว่างที่ผมเล่นอยู่นั้น มีแวบหนึ่งที่สายตาผมดันหันไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เห็นมีคนกำลังยืนกวักมืออยู่ด้านนอกประตูรั้ว (กวักแบบกวักเรียกให้มาแบบนั้น) ผมเลยลุกจากหน้าคอมไปที่หน้าต่าง พยายามเอามือป้องเพื่อมองให้ชัดๆ แต่พอมองอีกทีผมถึงกับร้อง ‘เชี่ยยยย!!’ เชื่อไหมครับว่าเขาเข้ามายืนอยู่ในรั้วบ้านผมแล้ว! ยืนกวักมือเหมือนเดิม และนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน คุณตาผมที่เสียไปนี่เอง!!! ตอนนั้นผมเข้าใจเลยครับว่าอาการขนหัวลุกมันเป็นยังไง
ผมรีบวิ่งออกจากบ้านแบบไม่คิดชีวิตเลยครับ วิ่งไปตรงตึกแถวริมสุดที่เป็นบ้านป้าแอ๊ว (เพื่อนสนิทของพ่อแม่ผม) เห็นป้าแอ๊วเปิดประตูมาพอดี คำแรกที่ป้าแอ๊วถามผมคือ ‘ไนท์มานอนบ้านป้าไหมลูก?’ ตอนนั้นด้วยความกลัวสุดขีดบวกกับความเกรงใจ เลยถามป้าแอ๊วไปว่า ‘ไอซ์นอนยังครับป้า?’ (ลูกป้าแอ๊ว) ป้าแอ๊วไม่ตอบคำถามผม ยังพูดคำเดิมว่า ‘คืนนี้นอนนี่เถอะลูก..นอนได้นะ’ คืนนั้นผมจึงตัดสินใจนอนบ้านป้าแอ๊ว แต่ที่แปลกคือ ป้าแอ๊วแกเอาพระมาคล้องคอให้ผม แล้วพาไปนอนในห้องพระกันหมด..
รุ่งเช้าอีกวัน พ่อแม่ผมกลับมาจากงานศพตา ก็รีบมาที่บ้านป้าแอ๊วทันที ถามว่าผมได้มาที่นี่ไหม? เพราะไม่อยู่ที่บ้าน แถมประตูก็ไม่ปิด จนผมลงมาเจอแม่ผม แม่ก็ถามว่าทำไมผมมาอยู่ที่นี่? ออกมาบ้านก็ไม่ปิด.. ป้าแอ๊วเลยเล่าให้พ่อแม่ และผมฟังว่า เมื่อคืนตอนสัก 3 ทุ่ม ป้าแอ๊วได้ออกมาปิดบ้านเหมือนทุกวัน แต่สิ่งที่ต่างไปคือ ป้าเห็นคนแก่ ซึ่งมองดีๆ ก็คือตาของผมที่เสียไป ได้เดินผ่านหน้าบ้านแล้วหยุดหันมายิ้มให้ป้า ก่อนที่จะเดินต่อเข้าไปทางบ้านของผม ท่าเดินแกแปลกๆ ซึ่งพอมองดีๆ คือแกไม่มีเท้า!! เหมือนกึ่งเดินกึ่งลอย.. แล้วหลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที ผมก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากบ้านมานี่ล่ะ.. ป้าแอ๊วยังเล่าอีกว่า เมื่อคืนที่พาผมเข้าบ้านมาแล้ว คุณตาแกยังมายืนอยู่หน้าบ้านป้าแอ๊วอยู่เลย ป้าบอกตาแกยิ้มให้ป้าแล้วพูดว่า ‘พรุ่งนี้บอกให้มันไปงานศพตาด้วยนะ..’ แล้วตาก็หายไปต่อหน้าต่อตา
Story by คุณไนท์