เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณเลิฟครับ คุณเลิฟเล่าว่า.. เช้าวันก่อน แม่ค้าหาบหน่อไม้สดมาขาย เลยซื้อไว้ทำกับข้าว ทำให้นึกถึงเรื่องเรื่องหนึ่งสมัยเด็กๆ จะเล่าให้ฟังครับ.. ช่วงหน้าฝน พวกหน่อไม้ไผ่ตงจะขึ้นดกมาก ป้าลิ้ม สมัยก่อนแกเช่าบ้านอยู่ข้างๆ บ้านผม แกอยู่กับลูกชายแกชื่อ จอบ พี่จอบเป็นหนุ่มแล้วตอนนั้น เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้ป้าลิ้มอย่างดี ส่วนป้าลิ้มมีอาชีพหาของป่าเล็กๆ น้อยๆ มาขายในตลาด แกชอบขึ้นไปบนเขาแถวบ้าน แล้วไปหาพวกของป่า ผลไม้แปลกๆ หน่อไม้ รังผึ้ง เห็ด อะไรพวกนี้ลงมาขายในตลาด ให้พอได้ค่าข้าวค่าน้ำแต่ละวัน
ป้าลิ้มเล่าว่า วันนั้นหลังฝนหยุดตก แกก็ออกจากบ้านหาบตระกร้า มีดพร้า ขึ้นเขาไปหาหน่อไม้ตามปกติ หน่อไม้มันดกมาก เดินไปทางไหนก็เจอ แกขุด ตัดมันอย่างสนุกมือ จนลืมตัวเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่ทราบได้ ด้วยความเพลินของแก มารู้ตัวอีกทีดวงอาทิตย์เริ่มตกดินแล้ว แกเลยรีบหาทางออกจากป่า แต่เพราะแกเดินลึกเข้าไปกว่าจุดที่เคยเดินประจำ เลยทำให้แกหลงทาง เดินสะเปะสะปะไปเรื่อย ความมืดเริ่มจะเข้าปกคลุม แกบอกว่าตอนที่แกจะเดินออกมา เหมือนมีตัวอะไรเดินตามแกมาตลอดทาง บางครั้งหันไปมอง ลักษณะมันเหมือนหมาดำตัวโตๆ ใจหนึ่งแกก็กลัว กำมีดพร้าในมือไว้แน่น เหงื่อไหลออกตามร่องนิ้วชุ่มไปหมด แกรีบสาวเท้าไวขึ้น หวังจะออกจากป่าให้ได้ก่อนความมืดจะปลกคลุมผืนป่าเขานี้หมด
ทันใดนั้นเอง หมาดำตัวนั้นที่มันเดินตามแกมาตลอด อยู่ดีๆ มันก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ มาขวางหน้าแกไว้ แล้วขู่คำรามในลำคออย่างอาฆาต ป้าลิ้มบอกว่า หมาตัวนี้มันประหลาด ไม่เหมือนหมาทั่วไปที่เคยเจอ ตัวมันใหญ่อย่างกับลูกวัว ขนมันสีดำสนิทตลอดทั้งตัว ลูกตาเป็นสีเขียวทั้ง 2 ตา ส่องประกายเหมือนลูกแก้ว มันแยกเขี้ยวยิงฟันขู่ตลอดเวลา เหมือนพร้อมจะเข้ามากัดป้าลิ้มได้ทุกเมื่อ ป้าลิ้มพยายามไล่มัน ‘ไป๊! ไป๊! หลีกทางกู กูจะกลับบ้าน ไอ้หมาเวร..’ ไม่ว่าจะด่าจะขู่มันยังไง ไอ้หมานรกนั่นก็ไม่มีทีท่าหวาดกลัวป้าลิ้มเลย ป้าลิ้มเห็นท่าไม่ดีแน่ แกตัดสินใจปามีพร้าในมือใส่หมาดำ หมายจะให้มันหลีกทางไป แต่กลับทำให้หมาดำตัวนั้นโมโหยิ่งขึ้น มันกระโจนใส่ป้าลิ้มทันที แกบอกเท่านั้นล่ะ แกวูบไปเลย.. ในใจแกคิดว่าคงตายแน่ๆ สติสัมปชัญญะของป้าลิ้มก็ขาดผึง ณ วินาทีนั้น..
ตัดกลับมาที่บ้านของป้าลิ้ม พี่จอบกลับจากทำงาน ก็ซื้อแกงถุงกับข้าวมา หุงข้าวรอป้าลิ้มเหมือนเช่นเดิม แต่วันนี้ ป้าลิ้มยังไม่กลับมา ซึ่งมันผิดปกติ พี่จอบคอยเดินออกมาดูหน้าบ้านหลายรอบเพื่อมองหาป้าลิ้ม บางทีก็เดินมาถามแม่ผมว่า เห็นป้าลิ้มกลับมาหรือยัง? แต่ก็ไม่มีใครเห็นป้าลิ้มเลย.. สักพักใหญ่ๆ ผ่านไป ป้าลิ้มก็เดินกระเซอะกระเซิงกลับมาที่บ้าน เสื้อผ้าแก ผ้าถุงมอมแมมขาดวิ่น มีแต่โคลนเปื้อน ผมเผ้ารุงรังดูน่ากลัว ป้าลิ้มเดินเข้าไปในบ้าน แล้วร้องเรียกอยากกินข้าว หิวๆๆ พี่จอบก็เอาข้าวปลาที่เตรียมไว้ออกมาให้ป้าลิ้มกิน แล้วถาม ‘แม่ไปไหนมา ทำไมวันนี้กลับเอาค่ำเลย แล้วไปทำอะไรมาถึงได้มอมแมมแบบนี้?’ ป้าลิ้มไม่พูดไม่จา ตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างไวจนข้าวหมดจาน แกก็ขออีกจาน กินจนหมด ทีนี้แกบอกลูกชาย ‘มึงเอามาทั้งหม้อเลย กูหิว! แล้วก็ไปทำกับข้าวมาอีก’ พี่จอบก็แปลกใจ แม่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ก็จำใจต้องไปเจียวไข่มาให้อีกจาน ป้าลิ้มกินจนกับข้าวหมดทุกอย่าง แกก็ไม่ยอมอิ่ม บอกพี่จอบไปเอาข้าวมาอีก พี่จอบบอกหมดแล้วแม่ ยังไม่พออีกเหรอ? เท่านั้นล่ะ ป้าลิ้มยกเท้ายันพี่จอบเข้ายอดอก พี่จอบกลิ้งเป็นลูกขนุนเลย ป้าลิ้มเริ่มเสียงดังโวยวาย พูดจาหยาบคาย จนคนแถวนั้นได้ยิน ก็เริ่มเข้ามามุงดูเหตุการณ์ รวมถึงบ้านผมด้วย
ภาพที่เห็นคือ ป้าลิ้มนั่งอยู่บนพื้นกลางบ้าน เนื้อตัวมอมแมม แหกปากตะโกน ‘กูหิว! กูหิวโว้ยย! พวกมึงไปเอาข้าวปลามาให้กูกินที..’ เพื่อนบ้านเห็นแบบนั้น ก็เริ่มแน่ใจว่านี่คงไม่ใช่ป้าลิ้มคนเดิมแน่นอน อาการแบบนี้เค้าเรียกว่าผีเข้า! มีเพื่อนบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า ‘นี่ใช่ป้าลิ้มหรือเปล่า? หรือว่าเป็นใคร ขอให้บอกมาดีๆ จะเอาข้าวปลามาให้’ ป้าลิ้มเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนบ้านคนนั้น แล้วแหกปากร้องด่าต่างๆ นานา ‘กูนี่ล่ะอีลิ้ม พวกมึงจะทำไม!? ไปเอาข้าวมาให้กูกินเดี๋ยวนี้!’ เมื่อมั่นใจว่าป้าลิ้มโดนผีเข้าแน่นอนแล้ว เพื่อนบ้านแถวนั้นก็ไปนิมนต์พระจากวัดใกล้ๆ บ้านให้มาช่วยดู
พอพระมาถึง ป้าลิ้มแกเหมือนมีอาการหวาดกลัวหน่อยๆ แต่ยังไม่ลดละ พูดด่าคนไปทั่ว ขอข้าวขอน้ำกินตลอดเวลา จนพระท่านเดินเข้ามาในบ้านแล้วถาม ‘โยม โยมเป็นใคร? แล้วมาเข้าป้าลิ้มนี่โยมต้องการอะไร? บอกมาดีๆ พระจะช่วยเอง..’ ป้าลิ้มได้ฟังก็มีอาการอ่อนลง นั่นตัวสั่นๆ ยกมือขึ้นพนม และบอกพระไปว่า ‘ผมชื่อ ชาติ ผมถูกแทงตายในป่า ตรงที่ป้าคนนี้ไปหาหน่อไม้ เพื่อนมันแทงผมตายตรงจอมปลวก ศพผมอยู่หลังจอมปลวกนั่นล่ะ ผมตายมา 3 วันแล้ว ไม่ได้กินอะไรเลย ผมหิว พอเห็นป้าคนนี้ขุดหน่อไม้ ผมก็ขออาศัยร่างมาหาอะไรกิน..’ พูดจบ หลวงพ่อท่านก็ถามต่อ ‘แล้วจะให้ทำยังไง โยมถึงจะออกไปจากร่างนี้?’ ผีตายโหงในร่างป้าลิ้มบอก ‘ผมขอกินไก่ต้มสักตัว เหล้าขาวสักขวด แล้วผมจะไป แล้วช่วยเอาศพผมลงมาเผาด้วยครับหลวงพ่อ..’ พูดจบ หลวงพ่อก็ให้คนแถวนั้นไปจัดเตรียมไก่ต้ม เหล้าขาว มาให้ผีตายโหงในร่างป้าลิ้มกิน.. พอของมา ป้าลิ้มก็ฉีกไก่กินหยับๆ กระดกเหล้าขาวเข้าปาก เอื้อกๆ กินอย่างอร่อย ล่อเหล้าขาวไปจนหมดขวด ไก่หมดตัว จนเป็นที่พอใจแล้ว ผีตายโหงตนนั้นก็ยกมือไหว้หลวงพ่อ แล้วบอกว่า ‘ผมจะทำตามที่พูดไว้แล้วนะ..’ ว่าแล้ว ร่างป้าลิ้มก็ล้มตึงลงไปนอน ชาวบ้านต่างวิ่งเข้าไปช่วยกันปฐมพยาบาลจนป้าลิ้มเริ่มฟื้นคืนสติได้
พอได้สติ ป้าลิ้มก็บ่นปวดท้องๆ เหมือนท้องจะแตก ก็ด้วยเพราะกินของต่างๆ เข้าไปมากมายตอนผีตายโหงสิงแกนั่นเอง พี่จอบเลยต้องพาป้าลิ้มไปส่งโรงพยาบาล ป้าลิ้มนอนโรงพยาบาลอยู่ 3 วัน ถึงจะกลับบ้านได้ เป็นกระเพาะคราก เพราะสวาปามเข้าไปเกินอัตรานั่นเอง.. หลังจากวันนั้น หลวงพ่อท่านก็ประสานงานไปที่ตำรวจที่เป็นลูกศิษย์ ให้ขึ้นไปบนเขาตามคำที่ผีตายโหงว่าไว้ แล้วก็ไปพบกับศพจริงๆ เป็นชายถูกแทงที่ราวนมขวา นอนคว่ำหน้าตายอยู่หลังจอมปลวกใกล้ๆ ต้นไผ่ หลวงพ่อเลยเอาศพมาทำพิธีให้แบบอนาถา เพราะไม่มีญาติมาติดต่อรับศพ.. ทุกวันนี้ป้าลิ้มยังมีชีวิตอยู่ อายุอานามก็ปาไป 70 กว่าแล้ว แต่แกยังจำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าใครไปถามแก แกก็จะเล่าได้อย่างคล่องปาก แถมยังชอบเล่าให้เด็กๆ แถวบ้านฟังบ่อยๆ
Story by คุณเลิฟ