เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณหมิวครับ คุณหมิวเล่าว่า.. พอได้อ่านเรื่อง ‘เล่นซ่อนหาในบ้านลิเก’ เลยนึกถึงเรื่องสมัยเรียนประถมขึ้นมา.. ตอนนั้นเราอยู่ ป.5 ค่ะ สมัยก่อนพอถึงฤดูฝน หมู่บ้านเราจะน้ำท่วม ท่วมทุกปี เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำ ปีนั้นก็เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะที่โรงเรียนน้ำจะท่วมจนถึงเอว ต้องปิดเรียนตลอด แต่ตอนนั้นเรายังเด็ก เลยไม่ได้มีความกลัดกลุ้มใดๆ กลับสนุกด้วยซ้ำที่ได้พายเรือเล่น ได้หยุดเรียน ในขณะที่ผู้ใหญ่เครียดกันมาก
วันหนึ่งในช่วงน้ำท่วมนั้นเอง เรารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ 3-4 คน ออกไปเล่นกับครูเวรที่มาอยู่โรงเรียนในช่วงหยุดน้ำท่วม บริเวณที่น้ำท่วมในโรงเรียนจะเป็นใต้ถุนอาคาร สนามหญ้าโดยรอบ จะมีส่วนที่ท่วมไม่ถึงคือถนนในโรงเรียน เพราะทำใหม่มีความสูงกว่าพื้นทั่วไป และจะมีไม้กระดานแผ่นใหญ่ๆ ยาวๆ ที่ลุงภารโรงนำมาเกยพื้นถนนไปจนถึงบันไดขึ้นชั้น 2 ไว้ให้ วันนั้นหลังจากกินข้าวเที่ยง ช่วยครูล้างจานเสร็จ พวกเราก็หาอะไรเล่นกัน ก็ตกลงกันว่าจะเล่นโป้งแป่ะ (เล่นซ่อนหา) กันค่ะ
ที่ชั้น 2 จะมีของจากข้างล่างขึ้นมากองไว้เกือบเต็มพื้นที่ แต่มีห้อง ป.5 ซึ่งเป็นห้องเรียนของพวกเราเอง ที่ถูกกั้นไว้เพียงครึ่งห้อง ใช้ไม้อัดแผ่นบางตีกั้นแบบง่ายๆ ครึ่งหนึ่งใช้เก็บของ อีกครึ่งเป็นโต๊ะคอม 2 เครื่องวางอยู่.. ตอนนั้นเราเป็นคนหาค่ะ ก็นับ 1 ไปจนถึง 100 แล้วเราก็ไปหาเพื่อนจนเกือบครบ เหลืออีกเพียงคนเดียว ระหว่างเดินไปตามระเบียงชั้น เราเห็นแวบๆ ว่ามีคนวิ่งผลุบเข้าไปในห้องเรียนค่ะ เราเลยตามเข้าไปหาในห้องเรียน เพราะข้างนอกหาจนทั่วแล้ว ตอนที่เข้าไป เนื่องจากห้องถูกปิดหน้าต่างหมด มีเพียงแสงจากกระจกด้านบนหน้าต่าง กับตรงประตูที่เราเข้ามาเท่านั้น บรรยากาศจึงค่อนข้างอึมครึม วังเวง
เราเริ่มหาเพื่อนคนสุดท้ายจากประตูฝั่งที่มีโต๊ะคอมเข้าไป แต่ก็ไม่เจอ เลยเข้าไปหาข้างในที่มีไม้กระดานตีกั้นไว้ แต่ไม้กระดานมันจะตีไม่จรดพื้น และไม่ถึงเพดาน คือตีกั้นแค่ช่วงตรงกลางเท่านั้น ทำให้เหลือช่วงพื้นที่สามารถลอดเข้าไปอีกฝั่งที่เก็บของได้ ตอนนั้นเราก็ก้มลงมองลอดเข้าไปก่อน เราเห็นขาคนค่ะ เหมือนขาเด็กทั่วๆ ไปนี่ล่ะ ไม่ใส่รองเท้า ขานั้นยืนอยู่บนพื้นก่อนที่จะหดขึ้นไป เราคิดว่านั่นคือเพื่อนเราแน่ๆ เลยมุดเข้าไป แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ซึ่งน่าแปลกมาก เพราะพื้นที่ข้างในมันแคบมาก ของก็กองสูงเต็มไปหมด ไม่มีที่แอบ ถ้าเพื่อนจะมุดออกไปจากช่องใต้พื้น เราก็ต้องเห็นหรือต้องสวนกันแล้ว เพราะมันลอดได้แค่จุดเดียวที่เราเข้ามาเท่านั้น ข้างบนมีช่องว่างจริง แต่ของที่กองไว้ ทำให้ไม่สามารถปีนขึ้นไปแล้วโดดลงมาได้แน่ๆ เพราะอีกฝั่งไม่มีที่เหยียบลง และที่สำคัญ ไม่มีเสียงอะไรเลย.. พอในหัวเราคิดได้ว่า ทุกอย่างมันไม่มีทางเป็นไปได้แบบนั้น เราก็รีบมุดออกมาเลยค่ะ แล้ววิ่งออกจากห้องไปหาเพื่อนๆ คนอื่นที่รออยู่ตรงระเบียง
ตอนนั้นเพื่อนทุกคนหัวเราะคิกคัก แล้วเพื่อนคนที่เราหาคนสุดท้าย ก็มุดออกมาจากใต้โต๊ะครูที่อยู่ตรงระเบียงออกมาแป่ะเรา.. ครูก็บ่นว่า มามุดหลบอะไรใต้ขาครูก็ไม่รู้ เราเลยถามว่า เพื่อนคนนั้นอยู่ใต้โต๊ะครูแต่แรกเลยเหรอคะ? ครูบอก ก็ใช่น่ะสิ เราเลยถามเพื่อนๆ ต่อว่า แล้วเมื่อกี้พวกมึงอยู่ตรงนี้กันตลอดเลยหรือเปล่า ตั้งแต่ที่กูโป้ง? เพื่อนบอกใช่ จับกลุ่มบังเพื่อนคนที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะกลัวมึงเห็นไง ได้ฟังแบบนั้นเราขนลุกเลยค่ะ ขอครูกลับบ้าน ชวนทุกคนกลับหมด ไม่พูดไม่จาจนถึงบ้านเลย.. และเราก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังเลย เพราะกลัวเพื่อนจะไม่เชื่อ แล้วตั้งแต่วันนั้นมา เราก็ไม่ไปเล่นที่โรงเรียนช่วงปิดน้ำท่วมอีกเลย จนมาถึงวันนี้ นึกย้อนกลับไปก็ยังสงสัย..ว่าขาที่เราเห็นคือขาของใครกัน?
Story by คุณหมิว