เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งมาจากคุณเจา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเจาเอง.. ตอนนั้นผมอายุ 17 ผมเป็นนักดนตรีไทยของ โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฯ จะมีค่ายซ้อมกันทุกเย็นวันศุกร์ แล้วก็นอนกัน ในห้องดนตรีไทยที่โรงเรียนเลย วันเสาร์ตอนเที่ยง ก็ค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน เป็นเรื่องปกติ.. มีครั้งนึง ที่ผมไปซ้อมดนตรีไทยที่โรงเรียน วันนั้นเป็นวันซ้อมใหญ่ ก่อนที่จะไปประกวดวงที่สงขลา ห้องดนตรีไทยที่ย้ายมาใหม่นี้ จะอยู่ตรงข้ามกับโรงอาหาร
คืนนั้น พวกผมกับน้องๆ กินข้าวกันด้านข้างโรงอาหาร พอกินกันเสร็จ ก็เก็บเศษขยะกัน น้องๆ ก็แยกย้ายกันเข้าไปซ้อมต่อในห้อง มีน้องอีก 3 คนที่วิ่งเล่นกันอยู่ น้องๆ บอกผมว่า จะไปเติมน้ำ ที่ตู้กดน้ำตรงหัวมุมโรงอาหาร ซึ่งตรงนั้นมันค่อนข้างมึดมาก ผมก็โอเค แล้วบอกว่ารีบมาเดี๋ยวจะซ้อมเเล้ว.. น้องๆ มันก็วิ่งกันไป หยอกกันไป ผมยืนกดมือถืออยู่ ตรงทางออกของโรงอาหาร.. จู่ๆ ผมก็นึกสนุก อยากแกล้งน้องๆ มัน เห็นยืนกดน้ำกันอยู่ในมุมมืด เลยแกล้งตะโกนว่า ‘เฮ้ยย! ใครยืนอยู่ข้างหลังน่ะ?’ พวกน้องๆ มันตกใจ วิ่งร้องกรี๊ด ปนหัวเราะกันออกมาจากมุมมืดนั้น วิ่งผ่านผม เข้าไปในห้องซ้อมดนตรีไทย ผมยืนมอง ก็ยังหัวเราะอยู่ แต่ผมก็สังเกตุเห็นว่า ทำไมมีน้องวิ่งออกมากันแค่ 2 คน ผมเลยตะโกนเรียกชื่อน้องอีกคนนึง (ขอใช้นามสมมติว่า ที) แต่ก็ไม่มีเสียงตอบ
ผมตัดสินใจเดินไปหาทีตรงมุมตู้กดน้ำ ก็เห็นทียืนก้มหน้าอยู่ ผมไปตีไหล่ที แล้วถามว่า ‘เฮ้ย เป็นอะไรป่าว กลัวหรอ?’ ทันใดนั้นที ก็เงยหน้าขึ้นมา แต่หน้าของทีที่ผมเห็นนั้น กลับไม่มีลูกตา! ผมได้แต่ยืนอึ้ง ขาแข็งอยู่ตรงนั้น ทีค่อยๆ เอียงคอไปด้านข้างแบบกะตุกๆ เหมือนเอ็นที่คอมันยึด.. ผมหลับตาก้มหน้าลง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียก จากด้านหลังไกลๆ ‘พี่เจา! ไปซ้อมได้แล้วพี่..’ ผมจำเสียงได้ มันเป็นเสียงของที.. ผมรีบหันหลังกลับไป เห็นทียืนงงอยู่ตรงทางออกโรงอาหาร ผมรีบวิ่งเข้าไปหา แต่พอผมวิ่งเข้าไปใกล้ๆ ผมแทบช็อค เพราะว่าทีที่ผมวิ่งเข้ามาหานี่ เหมือนกับเมื่อกี้ ที่ผมเจอมันยืนอยู่ตรงตู้กดน้ำเลย คือไม่มีลูกตา คอพับลงมาเหมือนจะหัก! ผมทรุดลงกับพื้น น้ำตานี่ไหลออกมาเองเลย แต่ผมไม่สามารถจะร้องตะโกน ให้ใครช่วยได้ เสียงมันเหมือนไม่ออกมาจากคอ สักพัก ก็มีมือมาจับที่ไหล่ผม ผมรวบรวมแรงที่มี สลัดมือออก และรีบลุกขึ้นวิ่งไปห้องซ้อมทันที
ผมเปิดประตูเข้ามา มองดูน้องๆ นั่งซ้อมอยู่ กวาดสายตาไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เห็นที ผมขนลุกซู่ขึ้นมาอีกครั้ง พอหันหลังกลับไปมองในโรงอาหาร เห็นทีเดินถือขวดน้ำ กำลังออกมาจากโรงอาหาร ทีเดินมาถามผมว่า ‘เมื่อกี้พี่วิ่งหนีผมทำไม?’ ผมก็ไม่กล้าตอบอะไรไป.. ทีนี้ระหว่างทุกคนซ้อมกันตามปกติ ตัวผมเอง ที่กำลังซ้อมอยู่ด้วย ก็ทรุดฮวบลงไปกับพื้น ตื่นมาอีกทีก็อยู่บนรถกระบะของครู และก็มีน้องๆ อีกสามคน ทุกคนตกใจที่ผมตื่นขึ้นมา ผมสะลึมสะลือ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น? น้องๆ บอกว่า ผมเป็นลมล้มไปนอนพับที่ประตู เลยกำลังจะพาไปหาหมอ.. ผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมด ให้ทุกคนบนรถฟัง ทุกคนก็พากันตกใจ และผมก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ครูเลยกลับรถไปส่งที่โรงเรียน และก็ซ้อมกันต่อ
จนวันรุ่งขึ้น.. ทั้งครู และทุกคนก็คิดกันว่า มันเกิดอะไรขึ้น เพราะตั้งแต่จัดค่ายซ้อมมา ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไร แต่ตั้งแต่ย้ายห้องมาอาคารใหม่นี่ ก็เจอเรื่องนี้เรื่องแรกเลย นึกกันไปนึกกันมา ผมนึกออกเลยว่า พวกเราย้ายห้องดนตรีไทยมาจากห้องเดิม ตรงอาคารเรียนชั่วคราว แต่เราลืมนำเศียรพ่อแก่กลับมาด้วย ตอนที่พวกเราขนของ เราเชิญเศียรพ่อแก่ ไปฝากไว้ในห้องนาฏศิลป์ แล้วก็ย้ายแต่ของมาห้องใหม่ โดยที่ลืมนำเศียรของท่านมาด้วย.. ครูบอกว่า ‘เรื่องคงเกิดเพราะไม่มีพ่อแก่ เพราะท่านจะคอยคุ้มครอง ในเขตบริเวณห้องดนตรีไทยเอาไว้ ไม่ไห้ผีหรืออะไรไม่ดีเข้ามานั่นเอง..’ จากนั้น พวกเราก็รีบนำเศียรพ่อแก่ มาไว้ที่ห้องใหม่นี้ และหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครเจอเรื่องแปลกๆ อีกเลย..
Story by คุณเจา