เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งมาจากคุณเอกครับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิที่ภาคใต้ได้เพียง 5 วัน คุณเอกเล่าว่า.. วันนั้น เพื่อนผมโทรมาชวนไปเที่ยวภูเก็ต ซึ่งตัวผมเองเป็นคนง่ายๆ ไปไหนไปกัน ก็นัดแนะเวลากันเรียบร้อยว่าตี 2 ล้อหมุน.. ผมจัดกระเป๋า และเตรียมตัว พอเสร็จก็ไปหาเพื่อนตามเวลานัด และก็ออกเดินทางกัน
พวกผมเดินทางโดยรถ 3 คัน ซึ่งรถคันที่ผมนั่งไป คือรถของเพื่อนสนิท กับแฟน พร้อมลูกอีก 1 คน ส่วนอีก 2 คันก็ไปกันเป็นคู่ๆ.. สมัยนั้นเพื่อนสนิทผมยังขับรถไม่ค่อยแข็ง ผมเลยอาสาขับให้.. ขับมาไกลพอสมควร มีแวะตามทางบ้าง แวะปั๊มบ้าง เพื่อเปลี่ยนอริยาบท และเข้าห้องน้ำ.. พอถึงช่วงเวลาตี 4 ทุกคนภายในรถหลับกันหมด เหลือผมคนเดียวที่ยังขับต่อ ก็เห็นอะไรแปลกๆ บ้าง (ปกติผมเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 อยู่แล้ว เรียกว่าเจอจนชิน) ก็ตั้งสติขับไปเรื่อยๆ จนร่างกายก็เริ่มเหนื่อล้า เพราะขับตั้งแต่ตี 2 ถึงภูเก็ตเกือบๆ บ่ายโมง เลยบอกเพื่อนสนิทผมให้ช่วยขับต่อ ผมเลยได้หลับบนรถ ประมาณชั่วโมงนึง
พอถึง พวกผมก็เลือกที่จะกินข้าวกันก่อนเข้าโรงแรม แต่ก็เที่ยวเพลินด้วย จนลืมเหนื่อย เพราะยังพอได้พักนอนบนรถบ้าง เวลาก็ผ่านไปจน 4 ทุ่ม ร่างกายถึงขีดจำกัด ผมเลยบอกเพื่อนว่าอยากพักละ พวกผมทุกคนเช็คอินที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ต่างคนต่างขนสัมภาระ และรับกุญแจ เพื่อแยกย้ายไปยังห้องของตัวเอง ซึ่งห้องเราแต่ละคนอยู่ห่างกันมาก ผมได้อยู่ห้องท้ายสุดของทางเดิน (ผมนอนคนเดียวครับ) พอไขกุญแจเข้าห้องไป เตียงดันเป็นแบบ 2 เตียง ผมเลยโยนกะเป๋าไปไว้อีกเตียง.. ห้องนี้เป็นห้องที่กระจกดันอยู่ตรงกับปลายเตียง โอเคไม่เป็นไร เพราะผมก็รู้ว่าควรทำตัวยังไง แต่อยากอาบน้ำก่อน เลยเข้าไปอาบน้ำจนเสร็จออกมา..
ความเชื่อโบราณที่ผมเคยศึกษามา ถ้าคุณได้นอนโรงแรม และเจอเตียงคู่ให้คุณนำสิ่งของไปวางไว้อีกเตียง ที่ไม่ได้นอน เพื่อแสดงว่าเตียงนี้มีเจ้าของนะ ส่วนเรื่องกระจกตรงปลายเท้า ทางแก้คือให้คุณนำของไปห้อยไว้ หรือผ้าอะไรก็ได้ไปแขวน แล้วอีกอย่าง คือการวางรองเท้า ให้หงายขึ้นข้าง คว่ำลงข้าง ถือเป็นการแก้เคล็ด พอผมทำทุกอย่างครบ ผมก็ปิดไฟล้มตัวลงนอน.. นอนไปยังไม่ทันหลับ กลิ่นธูปเริ่มโชยอ่อนๆ มาแตะจมูกอย่างจัง แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะอยากนอนมากกว่า แล้วหลังจากกลิ่น ก็มีเสียงตามมา เป็นเสียงของตก 1 ครั้ง.. 2 ครั้ง.. 3 ครั้ง.. เลยคิดว่า เปิดไฟดูสักหน่อย แต่พอเปิดไฟก็ปกติไม่มีอะไร เลยเปิดไฟห้องน้ำ แต่ปิดประตูไว้ เผื่ออยากเข้าห้องน้ำจะได้เห็นทาง และก็กลับมานอนต่อ.. คราวนี้ได้ยินเสียงขูดครืดๆ ช้าๆ ซ้ำๆ หลายครั้ง ดังมาจากทางห้องน้ำ ผมเลยลืมตามอง ผมเห็นขาคนยืนอยู่ แต่ไม่มีตัว ขาดำมอมแม พร้อมกับกลิ่นธูปก็แรงขึ้น เสียงก็เริ่มดังขึ้นๆ.. โอเค ผมรู้แล้วว่าอยากให้เห็น ผมเลยพูดลอยๆ ว่า ‘รู้แล้วว่ามา แต่ตอนนี้เหนื่อยมาก ขอนอนก่อนนะ..’ พยายามเจรจาดีๆ เพราะอยากนอน และเหมือนจะสำเร็จครับ เพราะผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าไม่นาน..
กลิ่นธูปมันพยายามปลุกผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาจากในห้อง แต่กลับมาจากนอกห้อง.. ด้วยความสงสัยว่ากลิ่นมาจากตรงไหน ผมเลยมองออกไปผ่านทางตาแมวประตู สิ่งที่เห็นคือ มีของเซ่นไหว้ จุดธูปวางที่พื้นหน้าห้องเยื้องๆ ห้องผม และเงาดำๆ ประมาณ 4 – 5 ตน นั่งยองๆ กินของเซ่นอย่างหิวกะหาย.. ผมเลยมองที่เลขห้องนั้นแล้วโทรไปทันที แต่ไม่มีคนรับสาย ผมตัดสินใจ เปิดประตูออกไป เงาดำเหล่านั้นหายไปในพริบตา ผมเลยไปเคาะประตู และก็เป็นผู้หญิงคนนึงเปิดประตูออกมา.. คำถามแรกที่ผมถามคือ ‘คุณเลี้ยงอะไรไว้หรือเปล่าครับ?’ เธอยังคงตอบอ้ำอึ้ง ผมเลยบอกเธอว่า ‘ไม่ต้องกลัวว่าผมจะกลัว ผมไม่กลัวครับ..’ เธอเลยบอกว่า เธอทำทัวร์ และทุกครั้งที่เซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เธอจะมีโชค ได้ทิปจากลูกค้าดีมากๆ เสมอ เลยเซ่นเป็นประจำ.. ผมกับเธอคุยกันสักพัก และผมก็เล่าสิ่งที่ผมเห็น เธอก็ดูกลัวๆ และก็กล่าวคำขอโทษ บอกว่าจะรีบเก็บเครื่องเซ่น..
หลังจากเธอเก็บเสร็จ ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติ ผมเลยได้กลับมานอนจนหลับสนิท.. พอตื่นเช้ามาจากการนอนเต็มอิ่ม ผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า 1 คืนเราเจอ 2 หนเลยเหรอ? แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้บอกให้เพื่อนๆ ฟัง เพราะกลัวว่าจะหมดสนุก เลยแก้ปัญหาโดยการย้ายห้อง อ้างเหตุผลเรื่องแอร์เสียงดัง และด้วยความที่ผมไม่ค่อยแน่ใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมก็ได้ไปลองเช็คกับทางโรงแรม ว่าห้องที่ผมไปเคาะเมื่อคืน มีคนอยู่จริงไหม สรุปว่าก็มีจริงตามนั้น ไม่งั้นคงจะได้เป็น 3 หนใน 1 คืนแน่ๆ.. จากนั้นพวกผมก็เที่ยวต่อตามปกติ ก่อนกลับก็แวะทำบุญสักนิดนึงด้วยครับ..
Story by คุณเอก