เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งมาจากคุณมิ้นท์ ย้อนไปสมัยที่คุณมิ้นท์ยังเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย ของโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านสาทร คุณมิ้นท์เล่าว่า.. ผมเรียนที่โรงเรียนนี้เป็นเวลา 12 ปี ตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 และก็เคยได้ยินเรื่องเล่าของโรงเรียนแห่งนี้มากมาย เช่นผีทหารญี่ปุ่นในสนาม ผีในห้องดนตรีไทย ผีเด็กในสระน้ำ ฯลฯ คงเพราะเป็นโรงเรียนเก่าแก่ ที่มีอายุเป็น 100 ปี ก็ไม่แปลกที่จะมีเรื่องแบบนี้..
ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบอยู่โรงเรียนจนดึก ทำกิจกรรมในโรงเรียน หรือเล่นกับเพื่อน กลับบ้านค่ำๆ 2-3 ทุ่ม นี่เป็นเรื่องปกติครับ.. ผมกับเพื่อนก็จะอยู่รอบๆ อาคาร ไม่ได้อยู่บนอาคาร เพราะประมาณ 5 โมงครึ่งถึง 6 โมงเย็น ประตูอาคารจะปิดหมด จะเหลือแต่ประตูหน้าห้องประชาสัมพันธ์ ที่อาจารย์เวรจะอยู่ และอาจารย์ทุกคนต้องไปตอกบัตร เวลาเข้าออกงาน ช่วงนั้นบนอาคารก็จะมืด เงียบสนิท ไม่มีใครเลยครับ
มีอยู่วันนึง ผมก็อยู่เล่นที่โรงเรียนจนถึงประมาณเกือบ 2 ทุ่มได้ คนในโรงเรียนก็แทบจะไม่มีเหลือแล้วครับ เพื่อนผมคนนึงนึกขึ้นได้ ว่าลืมสมุดที่จะต้องใช้อยู่ในห้องเรียน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ยินดีไปเป็นเพื่อนครับ แต่ปัญหาคือประตูมันปิดหมดแล้ว เหลือแต่ตรงบันไดอาจารย์เวร ไอ้เราจะเดินขึ้นไป ก็กลัวจะโดนด่า ผมเห็นต้นไม้ต้นนึง แตกกิ่งเข้าไปใกล้ระเบียงชั้น 2 เลยคิดแผลงๆ งั้นปีนต้นไม้ขึ้นไปละกัน.. ผมกับเพื่อนก็ปีนต้นไม้ขึ้นไป กว่าจะขึ้นได้ก็ทุลักทุเลอยู่ เพราะไม่เคยปีนต้นไม้กันทั้งคู่
พอขึ้นมาถึง บรรยากาศบนอาคารมืด และเงียบกว่าที่คิดมากครับ ขนาดที่ว่า ผมกับเพื่อนต้องหยุดทำใจนิดนึงก่อนเลยล่ะ พอสักพัก ตาก็เริ่มรับแสงได้จนพอมองเห็นทางครับ บวกกับผมหยิบเอาเพจเจอร์ออกมา เปิดเอาแสงไว้ดูทาง.. ผมกับเพื่อเดินไปเรื่อย คุยไปเรื่อย ก็เริ่มไม่กลัวเท่าไรละ จนไปถึงห้องเรียน เพื่อนผมก็เข้าไปหาสมุด ส่วนผมก็ดูต้นทาง เผื่อว่าอาจารย์เวรจะขึ้นมาตรวจ.. พอเพื่อนผมเจอสมุด เราก็ย้อนกลับทางเดิม เพื่อจะปีนต้นไม้ลงไปข้างล่าง ผมกับเพื่อนด้วยความที่ปีนขึ้นมาอย่างทุลักทุเล พอจะลงมันชักเสียวๆ กว่าตอนขึ้นครับ ก็เริ่มปรึกษากัน ว่าจะลงไปทางเดิม หรือเสี่ยงไปลงบันไดอาจารย์เวรที่เปิดอยู่ดี
จังหวะที่ยืนคุยกันอยู่นั้นเอง ผมก็มองไปรอบๆ เพื่อหาว่ามันมีทางที่ลงสะดวกกว่าทางที่ขึ้นมาไหม มีต้นไม้อื่นที่ลงง่ายกว่าไหม.. สายตาผมก็เหลือบไปเห็น นักเรียนคนนึง กำลังเดินออกมาจากห้องเรียน เลี้ยวซ้ายไปตามทางเดิน.. ผมสะกิดเพื่อนทันทีบอก ‘เฮ้ยๆ มีคนเดินไปทางนู้นว่ะ รุ่นพี่มั้ง..’ ผมกับเพื่อนเลยรีบตามไป เผื่อฟลุ๊คว่าประตูนั้นอาจจะไม่ได้ปิด พอนักเรียนคนนั้นคลาดสายตา เลี้ยวลงบันไดไป ผมกับเพื่อนก็รีบวิ่งเลี้ยวตามลงไปทันที ปรากฏว่ากลายเป็นประตูลูกกรงเหล็กล็อคอยู่ครับ ไม่ใช่แค่นั้น มีโซ่คล้อง แล้วล็อคด้วยแม่กุญแจอีกตัว ผมยกโซ่กับแม่กุญแจมาดูด้วยครับ แน่นหนามาก.. ผมพูดกับเพื่อนว่าทำไมมันล็อคเร็วอย่างงี้วะ เพราะจากจุดที่ผมเห็นรวมกับเวลาที่วิ่งมา ไม่ถึง 10 วินาทีด้วยซ้ำ!
ผมนั่งยองๆ มองลอดลูกกรงออกไป เพื่อเช็คดูว่าคนเมื่อกี้มันเดินไปไหนแล้ว แต่ข้างล่างใต้ตึกมืดมากครับ ไม่มีทางที่ใครจะเดิน โดยไม่มีไฟฉายได้แน่ๆ ผมกับเพื่อนเริ่มแน่ใจละว่า ไม่ใช่คนแน่ๆ ผมหันไปหาเพื่อนแล้วถามย้ำเลยครับ ‘เมื่อกี้ มึงก็เห็นคนเดินลงมาตรงนี้เหมือนกูใช่มั้ยวะ?’ ซึ่งเพื่อนมันก็เห็นเหมือนผมครับ.. เรานิ่งมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไรต่อ แล้วผมกับเพื่อนก็วิ่งเลยครับ วิ่งแบบไม่ต้องกลัวอาจารย์แล้ว พร้อมกับแหกปากร้องเพื่อข่มความเงียบรอบๆ ตัวไปด้วย วิ่งตรงไปยังบันไดที่อาจารย์เวรเปิดอยู่เลยครับ ตอนนั้นโคตรอยากเจอแสงไฟห้องพักอาจารย์มากๆ แล้วก็อยากเจออาจารย์สุดๆ เลยครับ..
จนมาถึงห้องพักอาจารย์เวร พออาจารย์เวรเห็นก็ออกมาต่อว่า ‘นี่พวกเธอขึ้นไปทำไม ห้ามขึ้นไม่เข้าใจหรอ?’ ผมกับเพื่อนยืนหอบกัน คำด่าไม่เข้าหูเลยครับตอนนั้น แล้วผมก็ตัดบท เล่าให้อาจารย์ฟังว่า ‘ผม 2 คนวิ่งตามนักเรียนคนนึง แล้วนักเรียนคนนั้นก็หายไปเฉยๆ พวกผมเลยรีบวิ่งมาที่นี่..’ พออาจารย์ได้ฟัง ก็ถึงกับหน้าถอดสีเลย อาจารย์แกบอกให้พวกผมรอก่อนอย่าไปไหน แล้วแกก็ไปเก็บของแล้วขอกลับออกมาด้วยกันกับพวกผมครับ.. ระหว่างกลับบ้าน พอพ้นรั้วโรงเรียนออกมา อาจารย์พูดเสียงสั่นๆ ว่า ‘เมื่อกี้ที่พวกเธอมาที่ห้องพักอาจารย์น่ะ ชั้นเห็นมีมากัน 3 คน! พอเธอเล่าให้ฟังว่ามากัน 2 คน ชั้นเลยคิดว่า อีกคนที่ยืนข้างหลังพวกเธอ น่าจะเป็นนักเรียนคนที่เธอพูดถึงก็ได้ เค้าเดินตามเรามาตลอดจนถึงรั้วโรงเรียน..’ เท่านั้นแหละครับ ผมกับเพื่อนขนลุกซู่เลยครับ!
Story by คุณมิ้นท์