เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณน้ำผึ้งครับ คุณน้ำผึ้งเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับ คุณลี (เจ้าของเรื่องที่ 125) คือมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ ที่รถจักรยานยนต์ไม่สามารถเข้าได้ โดยคุณน้ำผึ้งเล่าว่า.. พอได้อ่านเรื่องของคุณลี เลยทำให้เรานึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งค่ะ เมื่อสักประมาณ ปี 2556 เป็นปีที่เราเรียนอยู่ปี 3 ซึ่งเป็นปีที่หนักมาก มีเรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้า ยัน 2 ทุ่ม
วันนั้นจำได้ว่า เป็นวันที่เรียนแล็บเป็นวิชาสุดท้าย และด้วยความที่เลิกเรียนดึก ประกอบกับรถที่จะลงหน้ามหาวิทยาลัยไม่มีมา หรือถ้ามาก็คนเต็มคันรถเลย กว่าจะได้ขึ้นรถก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว ซึ่งเป็นรถเที่ยวสุดท้ายค่ะ.. พอได้ขึ้นรถก็เบียดๆ กันไป ลุงคนขับก็ค่อยๆ ขับจากหน้าตึกวิทย์ไปเรื่อยๆ ส่วนคนในรถก็คุยกัน เฮฮา เสียงดัง เพราะส่วนใหญ่เป็นเพื่อนในสาขาเดียวกันทั้งนั้น ทีนี้ก่อนรถจะออกหน้ามหาวิทยาลัย มันจะต้องผ่านป้ายรถเมล์ป้ายสุดท้าย ซึ่งเป็นป้ายที่ไม่ค่อยมีคนขึ้น เพราะเป็นจุดเรือนรับรองของมหาวิทยาลัย
พอลุงขับมาถึงจุดนี้อยู่ๆ แกก็จอดรถ และเปิดประตู.. ป้ายนี้ส่วนใหญ่คนขับจะไม่ค่อยจอด เพราะไม่ค่อยมีคนขึ้น-ลง และจะจอดเมื่อมีคนบอกให้จอด หรือมีคนจะขึ้นรถเท่านั้น.. ตอนนั้นเราก็คิดว่า คงมีคนบอกลุงแกว่าจะลงป้ายนี้ ทีนี้ทุกคนในรถก็เงียบ เพื่อรอฟังว่าใครจะลง แต่ปรากฏว่าในรถเงียบ ไม่ได้มีคนที่จะลง.. แต่ผ่านไปสักพัก ลุงแกก็ยังไม่ออกรถสักที เหมือนรอใครมาขึ้นรถ
คราวนี้ลุงแกก็หันไปถามนักศึกษาผู้ชาย ที่ยืนอยู่ด้านหน้าติดกับประตูทางขึ้นลงรถว่า ‘ถามเขาซิจะไปไหม? รถเที่ยวนี้เที่ยวสุดท้ายแล้วนะ..’ นักศึกษาผู้ชายคนนั้นนิ่งไป ก่อนจะบอกลุงว่า ‘ไม่มีใครนะครับลุง..’ เท่านั้นล่ะลุงแกปิดประตู ออกรถทันที โดยที่ตอนนั้นทุกคนบนรถอึ้ง และนั่งมองหน้ากัน บางคน รวมถึงเราก็หันกลับไปดูที่ป้ายจอดรถตรงนั้น ซึ่งก็ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่สักคนเลย
ทุกคนเงียบจนสามารถได้ยินลุงคนขับ กับนักศึกษาผู้ชายคนนั้นคุยกันว่า ‘เมื่อกี้ที่ลุงจอด เพราะเห็นมีคนกลุ่มนึง 4-5 คนกวักมือเรียกเหมือนจะขึ้นรถ ลุงเลยจอดรอ.. แต่ไม่ใช่อีกแล้วสิเนี่ย? สงสัยจะโดนอีกแล้ว เจอบ่อยจริงๆ เลย.. เฮ่อ~’
Story by คุณน้ำผึ้ง