เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณนิครับ เป็นเรื่องที่คุณนิได้ฟังมาจากคุณพ่อของแฟนอีกทีหนึ่ง คุณพ่อท่านเล่าว่า.. สมัยนั้นอยู่ต่างจังหวัด เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีสวน มีไร่เยอะ ป่าข้าวโพดก็เยอะ และจะมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ไม่ใช่ภูเขาลูกใหญ่โตอะไรนัก มีถนนลัดเลาะผ่านเขาไปได้ ชาวบ้านจะเรียกกันว่าเนินเขาซะมากกว่า เส้นทางโค้งข้ามเนินเขาตรงนี้ ชาวบ้านต้องใช้เดินทางไปตลาด ออกถนนใหญ่กันเป็นประจำ
มีอยู่วันหนึ่ง ชาวบ้านที่หาหน่อไม้ ทำไร่ ทำสวนก็มายืนดูกัน เนื่องจากมีชาย 2-3 คน ลงมาจากรถกระบะคันหนึ่ง และได้นำศพผู้หญิงท้องแก่มา เพื่อจะเอามาฝังไว้บนยอดเขานั้น ชาวบ้านไม่รู้ว่าอะไรยังไง ก็ได้แต่งง ว่าทำไมถึงต้องมาฝังตรงนี้? เค้าก็แอบดูกัน จนพอฝังเสร็จ รถคันนั้นก็ขับออกไป.. ชาวบ้านที่เห็นก็ไม่กล้าพูด กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เลยได้แต่เงียบๆ กันไว้ไม่บอกใคร.. เวลาผ่านไปไม่นาน วิญญาณเฮี้ยนของผู้หญิงท้องแก่คนนี้ ก็ออกมาหลอกหลอนชาวบ้านบริเวณเขาลูกนั้น ใครผ่านไปผ่านมา โดนกันหมด เห็นมาเดินตัดหน้ารถบ้าง มาโบกรถบ้าง อยู่บนเนินเขาเป็นเงาคนท้องยืนอยู่บ้าง.. ชาวบ้านที่ต้องไปตลาด ก็มักจะเลี่ยงเส้นทางนี้ ยอมอ้อมไปทางอื่น จนไม่มีใครอยากผ่านเนินเขานั้น.. จนนานวันเข้า เรื่องมันก็เก็บไม่อยู่ แพร่กระจายไปหมู่บ้านต่อหมู่บ้าน
จนมีวันหนึ่ง พ่อได้เจอกับตัวนี่ถึงกับขนลุก พ่อทำงานกลับไม่ตรงเวลา บางครั้งเปลี่ยนเวรกับเพื่อน กลับเที่ยงคืนก็มี แล้ววันที่เกิดเรื่อง ก็เป็นวันที่เปลี่ยนเวรกลับเที่ยงคืน ตอนนั้นพ่อยังไม่เคยได้ยินเรื่องผีที่เนินเขามาก่อน และพ่อเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีสางอยู่แล้ว.. คืนนั้นเลิกงาน ก็ขับรถกระบะมาเรื่อยๆ มาทางเนินเขา ใช้เส้นทางนี้เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะไม่ต้องอ้อมไปทางถนนใหญ่ ระหว่างนั้น สายตาก็ไปสะดุดกับผู้หญิงใส่ชุดคลุมท้องลายดอกๆ ยืนอยู่ข้างทาง เธอเอามือกุมท้องคล้ายคนเจ็บท้องจะคลอด พ่อสงสาร ไม่ได้กลัวว่าจะเป็นโจร หรืออะไรทั้งนั้น เพราะว่าดูเหมือนคนปกติทุกประการ พ่อก็จอดรถรับ
ด้วยความที่มืด และอันตราย เลยบอกให้ผู้หญิงท้องแก่คนนั้นขึ้นรถมาเร็วๆ และบอกว่า ‘เดี๋ยวจะรีบพาไปโรงพยาบาล จะคลอดแล้วใช่ไหม?’ ผู้หญิงคนนั้นไม่ตอบอะไร และก็เปิดประตูรถด้านหลังขึ้นรถมานั่ง จังหวะที่ผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถมา จำได้ว่ารถก็ยุบตามน้ำหนักคน ก็เลยเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร.. พ่อก็ออกรถเพื่อจะไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่รับมาประมาณ 20 กิโลเมตรได้ ระหว่างทาง ก็ถามผู้หญิงคนนั้นไปเรื่อยตามประสา ‘เจ็บมากไหม ทนก่อนนะ..’ ผู้หญิงคนนั้นก็เงียบ พ่อก็พูดอีก ‘อันตรายนะมาโบกรถดึกๆ คนเขาจะหาว่าเป็นโจรมาหลอกเอา..’ ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงเงียบอยู่ ได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนั้นพ่อก็นึกในใจว่า คงจะเจ็บท้องเลยไม่มีอารมณ์ จะตอบโต้อะไร..
ด้วยความที่พ่อกลับดึก และก็อายุมากแล้ว เลยกะว่าจะขับไปที่ป้อมตำรวจใกล้ๆ เพราะเขาคงน่าจะช่วยได้ดีกว่า ก็เลยขับไป.. พอขับไปถึงป้อมตำรวจ พ่อก็ยังหันไปบอกผู้หญิงคนนั้นว่า ‘เดี๋ยวให้ตำรวจเขาไปส่งนะ มันน่าจะเร็วกว่าลุงขับไป..’ แล้วพ่อก็ลงจากรถ และไปเคาะกระจกเรียกคนที่อยู่ที่ป้อม.. สักพักคนที่อยู่ในป้อมก็ออกมา น่าจะเป็นมูลนิธิอาสากู้ภัย เขาก็ถามพ่อว่า ‘มีอะไรครับลุง?’ พ่อเลยบอกว่า ‘มีคนท้องแก่ เจ็บท้องจะคลอด ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลที ลุงขับเร็วไม่ไหวมันดึกแล้ว’ ทางอาสาก็ตอบมาว่า ‘ได้ครับๆ ไหนครับคนท้องอยู่ไหน?’ พ่อก็ชี้ไปที่รถ ว่านอนเจ็บท้องอยู่เบาะหลังน่ะ.. อาสาคนนั้นก็เดินไปที่รถพ่อ พอเปิดประตูรถมาก็งง และหันมาถามพ่อว่า ‘ไหนลุง? ไม่เห็นมีใครเลย..’ พ่อก็ตกใจ ว่าหายไปไหน เพิ่งลงมาเมื่อกี้ก็ยังเห็นนั่งอยู่ในรถ ตอนบอกอาสาให้ไปดูก็ยังเห็นอยู่!?
พ่อเลยสงสัย บอกอาสาเอาไฟฉายส่องดูซิ ว่าลงเดินไปไหนแล้วหรือเปล่า? อาสาก็เรียกเพื่อนๆ ในทีมมาเอาไฟส่องหาตามถนนตามข้างทาง.. จนมีอาสาคนหนึ่งเดินมา แล้วบอกว่า ‘หยุดหาเถอะ’ และหันมาถามพ่อว่า ‘ลุงรับผู้หญิงคนนี้มาจากเนินเขาลูกน้อยนั่นใช่ไหม?’ พ่อก็บอก ‘ใช่’ อาสาคนนั้นก็ถามอีก ‘เธอใส่ชุดลายดอกใช่ไหม?’ พ่อก็ถามว่า ‘รู้ได้ยังไง?’ อาสาคนนั้นร้องออกมาเลย ‘โอ้ยย! ไม่ต้องไปหาหรอก คงจะโดนอีกแล้วล่ะ คราวนี้เฮี้ยนจริงๆ โว้ย คนอื่นแค่โดนตัดหน้ารถ นี่ลุงรับขึ้นรถเลยเหรอ!!?’ แล้วอาสาคนนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พ่อฟังแล้วเสียววาบไปทั้งตัว เหมือนคนจะเป็นลมเลย.. อาสาต้องมาประคอง และขับรถมาส่งพ่อที่บ้าน มารถพ่อ กับรถกู้ภัยอาสาอีกคัน แต่ขากลับต้องเลี่ยงไปทางถนนใหญ่ เพราะกลัวกันหมด.. พอกลับถึงบ้าน พ่อก็ขอบคุณอาสาที่ช่วยขับรถมาส่งถึงบ้าน อาสาคนนั้นก็ลงจากรถพ่อ และไปขึ้นรถกู้ภัยอาสาอีกคันหนึ่งกลับ แต่พอพ่อมองตามรถกู้ภัยที่วิ่งออกไป สิ่งที่เห็นคือ ผู้หญิงท้องแก่คนเดิม นั่งก้มหน้าห้อยขาอยู่ที่กระบะท้าย!!
หลังจากนั้นพวกอาสาบนรถจะเป็นยังไงพ่อก็ไม่รู้.. แต่หลังจากเรื่องวันนั้น พ่อก็เล่าให้ชาวบ้านฟังต่อๆ กันไป.. จนทุกคนต่างกลัวกันแบบว่า ตะวันตกดินเมื่อไหร่ ก็บ้านใครบ้านมันกันเลยทีเดียว..
Story by คุณนิ