เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณเบิร์ทครับ คุณเบิร์ทเล่าว่า.. วันนั้นเป็นวันที่ 14 เมษายน ของเมื่อ 10 ปีที่แล้วครับ ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดไปหาญาติๆ เพราะว่าเป็นวันหยุดสงกรานต์ ไปถึงบ้านญาติก็ดึกแล้ว นั่งกิน นั่งดื่มไปเรื่อย จนกระทั่งเหลือผม กับเพื่อนของญาติคนหนึ่งที่ผมเพิ่งได้มารู้จัก ชื่อว่า ‘เจ๊ตี่’ (เป็นผู้ชายนะย๊ะ) เจ๊ตี่แกจะเป็นคนดูดวงแม่นมาก เห็นภาพทุกอย่างได้ด้วยการจับมือเท่านั้น ผมเองก็เป็นคนอยากรู้เรื่องดวงอยู่แล้วด้วย เลยขอให้แกดูดวงให้ ทีแรกแกก็จะไม่ดูให้ เพราะแกบอกว่าพลังงานแกอ่อนแล้ว และวันนั้นก็เป็นวันพระใหญ่ด้วย แต่ตื๊อไปมา สุดท้ายก็ยอมดูให้ผมจนได้ครับ
เจ๊ตี่แกก็จับมือผมดู พอเจ๊แกจับมือผมขึ้นมาสักพัก อยู่ๆ แกก็ทำท่าทางเหมือนคนกำลังเคี้ยวหมาก ตอนนั้นผมก็เริ่มกลัวๆ นะครับ แล้วแกก็พูดขึ้นมาว่า ‘ไม่ต้องกลัวนะเบิร์ท เค้าไม่ทำอะไรหรอก..’ แกนั่งนิ่งไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้นว่า ‘ทำไมบ้านร้อนจัง ใช่หลังที่มีหน้าต่างเยอะๆ ไหม?’ ตอนนั้นผมตกใจมาก เพราะว่าบ้านที่ผมอยู่ มีหน้าต่าง 20 กว่าบานได้ แต่ในใจก็คิดว่าเดาหรือปล่าว? เลยลองถามกลับดูว่า ‘แล้วเจ๊คิดว่าใช่ไหมล่ะ?’ แกตอบมาทันทีเลยว่า ‘หน้าต่างทาขอบสีแดงรอบบ้านเลย..’ คุณพระ! ผมทาขอบหน้าต่างบ้านสีแดงจริงๆ ครับ แล้วแกก็บีบมือผมแน่นเลย เสียงที่พูดเริ่มเปลี่ยนไป คล้ายเสียงชายแก่ ‘กูให้มึงเลี้ยงหมาได้แค่ไม่เกิน 2 ตัว มึงรู้ไหมว่ากูเหม็นขี้หมา กรงหมาที่มึงทำไว้หน้าบ้าน มึงไปเอาออกเลยนะ กูไม่ชอบ!’ ผมนี่แบบว่าช็อคเลย เพราะบ้านผมเลี้ยงสุนัขไว้ 8 ตัว ผมก็เลยถามว่า ‘แล้วจะให้เอาไปไว้ที่ไหน?’ แกตอบสวนมาทันทีว่า ‘กูไม่รู้ กูให้มึงเลี้ยงได้ไม่เกิน 2 ตัว’
แล้วเจ๊ตี่แกก็กลับมาเสียงปกติ แล้วบอกว่า ‘ตั้งสติดีๆ นะ’ เชื่อไหมครับ แกหลับตาไป แล้วพอลืมตาขึ้นมาใหม่เท่านั้นล่ะ หน้าดำ และก็ดูดุมากๆ จนผมไม่กล้าสบตาเลย แกพูดขึ้นมาว่า ‘มึงเอาตะปูมาตอกกูทำไม กูเจ็บ’ ผมก็นึกไม่ออกว่าผมไปตอกอะไรที่ไหน แกเลยพูดมาว่า ‘เสากลางบ้านนั่นแหล่ะกู!!’ ผมขนลุกเลยครับ เพราะจำได้ว่าเมื่อวันก่อนเพิ่งจะเอาผ้าไปตอกไว้ที่เสา กั้นเป็นมุมห้อง ตอกไปประมาณ 20-30 ตัวเลยทีเดียว แล้วเขาก็พูดรวบยอดมาว่า ‘มึงเอาออกให้หมดเลยนะ แล้วขอบหน้าต่าง กูไม่ชอบสีแดง มึงเปลี่ยนให้หมด ผ้า 3 สีกูก็ไม่เอาสีแดง’ และนี่ล่ะครับจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้..
ผ่านไปประมาณ 3 เดือน เชื่อไหมครับว่า ผมไม่ได้เปลี่ยน หรือทำอะไรเลยสักอย่างเดียว จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมอยู่บ้านคนเดียวครับ ตอนนั้นจำได้ว่า ใช้มือถือโนเกียรุ่นใบไม้ มาอัดเสียงร้องเพลงในบ้าน ร้องไปร้องมา พอมากดฟัง สิ่งที่น่าขนลุกคือมันไม่มีเสียงร้องเพลงของผมเลยครับ มีแต่เป็นเสียงลม ฟู่ๆ และมีเสียงเบาๆ เป็นเสียงผู้ชายมีอายุกำลังเรียกชื่อผมว่า ‘เบิร์ทๆๆ’ ซ้ำอยู่ 2 3 ครั้ง ผมกรี๊ดสาวแตกรีบวิ่งออกจากบ้าน ไม่กล้าเข้าบ้านเลยครับตอนนั้น ต้องโทรให้พี่สาวมารับไปอยู่บ้านย่า รอแม่กลับมาบ้านถึงจะมาอยู่ได้ กลัวมาก เล่าให้ใครฟัง เอาเสียงให้เค้าฟัง ก็ขนลุกไปตามๆ กัน
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ผมกำลังนั่งทานข้าวกับแม่อยู่ ตอนนั้นประมาณ 1 ทุ่มน่าจะได้ครับ ผมก็ได้กลิ่นเหม็นเน่ามากๆ ปากก็พูดไปว่า ‘แม่กลิ่นอะไร เหม็นเน่ามากเลย แทบจะกินข้าวไม่ได้..’ แต่แม่ผมกลับไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ทั้งที่กลิ่นมันแรงมากๆ ผมนี่เริ่มขนลุกเลย.. และคืนนั้น ผมก็เข้านอนปกติ ห้องผมจะอยู่ชั้นบน ผมนอนกับน้องชาย ลักษณะห้องจะมีแค่ตู้วางกั้น แบ่งเป็นห้อง ผมจะนอนในมุ้งชิดริมหน้าต่าง สายตาก็จะหันไปทางหิ้งพระด้านบนพอดี.. หลับไปสักพักก็เรียบร้อยเลย โดนอำทันทีครับ ดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หลุด จนผมนึกถึงแม่นี่แหละครับถึงหลุด ตอนนั้นผมตื่นขึ้นมาเหงื่อท่วมตัวเลย ไม่เคยถูกผีอำมาก่อน สายตาผมมองไปที่หิ้งพระ แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกแปลกๆ เลยเหลือบตามองต่ำลงมา เท่านั้นล่ะครับ ชัดเลย เห็นเป็นชายแก่ๆ หลังค่อม หน้าดำ ยืนอยู่ใต้หิ้งพระเลยครับ! แล้วยังค่อยๆ เดินเข้ามาทางผม โดยใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เสียงไม้เท้ากระทบกับพื้นไม้ดัง ‘กึกๆ’ ผมร้องไห้เลยครับตอนนั้น คือโดนเต็มๆ ผมก็หลับตาไหว้ พูดในใจว่า ‘เดี๋ยวผมจะทำทุกอย่างให้ อย่ามาหลอกผมเลย..’ พอลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เห็นคือ คนแก่คนนั้นมายืนอยู่ที่ข้างๆ มุ้งผมแล้ว! ผมตะโกนเรียกแม่ลั่นบ้าน จนแม่ผมขึ้นมา แล้วผมก็รีบลงไปนอนกับแม่ต่อข้างล่างเลยครับ
พอหลังจากนั้น ผมก็ตกแต่งบ้านใหม่ครับ แต่ก็ยังไม่ครบทุกอย่างหรอกนะครับ..
Story by คุณเบิร์ท