เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ส่งเข้ามาจากคุณลิปตาครับ เกิดขึ้นสมัยรุ่นแม่ของคุณลิปตา ซึ่งผ่านมาได้ 40 กว่าปีแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า.. สมัยแม่เราอายุ 10 ขวบกว่าๆ แม่ก็จะชอบตามคุณยายไปวงไพ่ตามงานศพต่างจังหวัด เพราะจะได้เงินค่าจ้าง จากการไปซื้อของให้ผู้ใหญ่บ่อยๆ และวันนั้น ก็เป็นอีกวันที่คุณแม่จะต้องตามคุณยายไปงานศพของคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง ชื่อน้ากลิ่น ซึ่งเขาตายเพราะถูกฟ้าผ่ากลางทุ่งนา..

ตามต่างจังหวัดสมัยนั้น จะเป็นทุ่งนากว้างๆ มีต้นตาลขึ้นสูงเรียงห่างๆ กัน และวัดที่จัดงานศพน้ากลิ่นนั้น เป็นวัดที่สร้างขึ้นกลางทุ่งนาเลย ซึ่งสมัยนี้ไม่มีแล้ว.. วันนั้นเป็นวันที่ฟ้ามืดมาก ไม่มีแสงจากดาว หรือพระจันทร์เลย กลุ่มชาวบ้านที่มางานศพสมัยนั้น ก็จะตั้งวงเล่นไพ่กันอย่างสนุกสนานเป็นเรื่องปกติ เล่นกันไปได้สักพักใหญ่ๆ ช่วงประมาณตี 1 กว่า ชาวบ้านที่เล่นไพ่กันอยู่ทุกคน รวมถึงคุณแม่ และคุณยายเรา ต่างก็ได้ยินเสียงแหลมๆ ดัง ‘วี๊ดดด’ เหมือนสัตว์อะไรร้องดังมาตามลมไกลๆ ทุกคนจึงหยุดเล่นไพ่กัน แล้วตั้งใจฟังว่านั้นคือเสียงอะไร? ทีนี้เสียงนั้นมันก็เริ่มร้องมาใกล้ขึ้นๆ เสียงมันช่างแหลมปี๊ดมากๆ พวกชาวบ้านจึงพยายามมองออกไปตามทุ่งนากว้างๆ จนมีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า ‘เปรต!’

ทุกคนต่างหันไปมองเป็นตาเดียว และก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น แม่เล่าให้ฟังอย่างเห็นภาพว่า ‘เห็นเปรตตนหนึ่ง ตัวผอมสูงเท่าต้นตาล ลูกตาโปนห้อยออกมาจากเบ้าข้างหนึ่ง แขนลากยาวเกือบถึงพื้น มือเท้าแผ่ใหญ่ ผมยาวรุงรัง ปากเล็กยื่นยาว และตัวมีกลิ่นเหม็นไหม้รุนแรง..’ ทุกคนยืนมองตาค้าง ตัวแข็งไปหมด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย เปรตตนนั้นกำลังก้าวขายาวๆ มาทางวัด ตรงที่จัดงานศพของน้ากลิ่น ตอนนั้นคุณแม่วิ่งไปกอดคุณยายแน่นเลย แม่เล่าว่า ‘เห็นเปรตตนนั้นเดินผ่านกลุ่มชาวบ้านไป โดยหันมามองทุกคนด้วยสายตาเศร้า และมีน้ำตาไหลเป็นทาง ก่อนจะหายเข้าไปในความมืด..’ จากนั้นชาวบ้านที่นั่งเล่นไพ่ถึงกับวงแตก รีบแยกย้ายกลับบ้านโดยทันที รวมทั้งคุณแม่ และคุณยายด้วย..

วันต่อมา ผู้ใหญ่ในงานศพต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า เปรตตนที่พวกเราเห็นในงานศพนั้น ก็คือน้ากลิ่นนั่นเอง ชาวบ้านเล่ากันไปทั้งหมู่บ้านว่า ‘เวรกรรมจริงๆ น้ากลิ่นวันๆ ไม่ทำการทำงาน เอาแต่กินเหล้าเมายาเป็นชีวิตจิตใจ และถ้าแม่ไม่มีเงินให้ไปซื้อเหล้ากิน ก็จะเอาไม้ตีแม่อยู่เป็นประจำ..’ น้ากลิ่นเลยตายแล้วกลายเป็นเปรตมาขอส่วนบุญ แต่แม่น้ากลิ่นซึ่งเฝ้าศพ ไม่ได้เห็นเปรตลูกตัวเอง พอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกสงสารลูกจับใจ แกเลยไปทำบุญให้ลูกเป็นประจำไม่เคยขาด..

Story by คุณลิปตา

ความคิดเห็น