เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณแตงโมครับ คุณแตงโมเล่าว่า.. ตอนนั้นเรายังเด็กค่ะ เรียนอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส น่าจะประมาณ ป.3 – ป.4 เองมั้งคะ จำได้ว่าไปเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน ซึ่งบ้านเพื่อนเราอยู่ตรงข้ามกับบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง หน้าบ้านนั้นจะมีต้นชมพู่อยู่ และใกล้ๆ กันจะเป็นสระน้ำค่ะ สระน้ำที่ว่าจะมีศาลพระภูมิอยู่ข้างหน้าเลย เรากับเพื่อนต้องเดินผ่านทุกวันก็ไม่เคยมีอะไร
มีอยู่วันหนึ่งเป็นช่วงปิดเทอม เพื่อนเราได้เปลมาใหม่ เรากับเพื่อนอยากเล่นกันมากตามประสาเด็กๆ แต่ไม่มีที่ผูกเปล ไม่รู้จะผูกที่ไหน เพื่อนเราเลยเอาปลายเปลด้านหนึ่งไปผูกกับต้นชมพู่ของบ้านตรงข้าม แต่ก็หาที่ผูกอีกด้านไม่ได้ เลยเลือกที่จะผูกไว้กับเสาของศาลพระภูมิ แล้วก็นอนเล่นกัน ไกวไปเรื่อยจนเย็น เรากับเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
คืนนั้นเราเข้านอนตามปกติ แต่มารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนตี 2 กว่าๆ เพราะได้ยินเสียงผู้หญิงมาเรียกชื่อเรา ทีแรกเราเข้าใจว่าเป็นแม่เรียก เลยเปิดประตูห้องออกมาแต่กลับไม่เจอใคร แต่เราก็ยังได้ยินเสียงเรียกอยู่อย่างนั้น เสียงเหมือนมาจากนอกบ้าน เราเลยเดินตามเสียงไปดู พอมองผ่านหน้าต่างออกไปที่หน้าบ้าน เราเห็นผู้หญิงผมยาวดำผิวขาวซีด ใส่ชุดไทยมีสไบสีเขียว ยืนอยู่ใต้โคมไฟที่หน้ารั้วบ้าน และกำลังมองเข้ามา ปากเค้าก็ขยับเรียกชื่อเราเป็นน้ำเสียงเย็นๆ ฟังแล้วขนลุกมากๆ ค่ะ เราพยายามมองแล้วมองอีก ว่าเค้าเป็นใคร ตอนนั้นยังไม่ได้คิดเรื่องผีเลยค่ะ แต่พอเรามองดูดีๆ เราก็ต้องเสียวสันหลังแวบเลย เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่มีส่วนขา! คือตั้งแต่ช่วงเข่าลงมาว่างเปล่า ลอยๆ มองเห็นทะลุเลยค่ะ แล้วเค้าก็หายไปต่อหน้าต่อตาเราเลย!
เรารีบเข้าห้องไปจะนอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว นอนคลุมโปงสั่นอยู่อย่างนั้นจนเช้าเลยค่ะ คือตอนนั้นยังเด็ก ไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนั้นมาก่อน เป็นครั้งแรกเลยที่กลัวจนตัวสั่น.. วันต่อมา เรารีบไปบ้านเพื่อนคนนั้น ถามเพื่อนว่าเจอเหมือนกันไหม? เพื่อนเราก็ดูตกใจมากที่เราถาม เพื่อนบอกว่า ‘เราได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกชื่อทั้งคืนเลย แต่ไม่กล้าลุกไปดู..’ พอเรื่องเริ่มไปถึงหูผู้ใหญ่ พ่อแม่เรา พ่อแม่ของเพื่อนพอรู้เรื่อง ก็รีบพาเรากับเพื่อนไปขอขมาที่ศาลพระภูมิทันที แล้วจากนั้นเรา กับเพื่อนก็ไม่เคยเจออะไรอีก แต่ทุกๆ ครั้งที่ต้องผ่านตรงนั้นเราก็ยังอดกลัวไม่ได้ค่ะ
Story by คุณแตงโม