เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณเบลส์เจ้าเก่าครับ คนนี้ยอมรับเลยว่าเจอมาเยอะจริงๆ คุณเบลส์เล่าว่า.. ย้อนไปสมัยตอนผมอยู่ ม.3 จะขึ้น ม.4 เป็นช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองเฟี้ยวฟ้าวสุดๆ ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ไปสังสรรค์ตามบ้านเพื่อนที่อยู่ต่างหมู่บ้าน ตามประสาเด็กบ้านนอกสมัยนั้น วันหนึ่ง ผม อ๋อย และเบน ได้รับการเชื้อเชิญจาก เก๋ เพื่อนต่างหมู่บ้าน มีเหรอที่พวกผมจะปฏิเสธ ผมกับเพื่อนก็ซ้อนกันไปพร้อมกับเบียร์อีก 1 ลัง เรื่องของเรื่องคือแถวบ้านเก๋มีจัดงานศพ และพ่อแม่เก๋ไม่อยู่ ตามประเพณีชาวเหนือ งานศพมักจะจัดที่บ้านมากกว่าที่วัดครับ
บ้านเก๋จะแอบอยู่ท้ายซอย ระหว่างทางเข้าบ้านเป็นสวนมะม่วง ต้นมะม่วงต้นใหญ่เต็มไปหมด ทำให้บรรยากาศดูอึมครึม และเย็นใช้ได้เลย.. พอพวกผมไปถึง เก๋ก็ออกมารับที่ชานบ้าน ลักษณะบ้านเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ ตอนที่ผมจอดรถ ก็มองขึ้นไปเห็นยายแก่คนหนึ่งผมขาวโพรน ใส่เสื้อคอกระเช้า ยืนมองลงมาจากหน้าต่างชั้น 2 ผมก็ได้แต่ยิ้มให้ และผงกหัวเป็นเชิงทักทาย เพราะ 2 มือแบกลังเบียร์อยู่ด้วย.. เข้ามาในบ้าน ก็จัดแจงปูเสื่อ เบน กับ อ๋อย ออกไปซื้อน้ำแข็ง เก๋ จัดของ เตรียมแก้ว ผมเลยเดินไปหลังบ้านเพื่อจะไปเตรียมกับแกล้ม และจะเข้าห้องน้ำด้วย.. ด้วยความที่หลังบ้านไม่ได้เปิดหน้าต่าง แต่ก็พอจะมีแสงเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย ทำให้พอเห็นอะไรบ้าง ผมเลยเปิดไฟ แต่มันไม่ติด ผมตะโกนถามเก๋ เก๋ก็ตอบกลับมาว่า ‘หลอดไฟมันเสีย..’ ผมเลยแบบ เออ..ช่างมัน
ผมเดินผ่านหลังบ้านกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงไอแห้งๆ ‘แค่กๆ’ ผมตกใจหันไปทางซ้ายมือ มันมีโต๊ะไม้ที่ภาษาเหนือเรียกว่า “แหย่ง” อยู่ และบนแหย่งนั้นมียายแก่คนที่ผมเห็นตอนมาถึง กำลังนั่งชันเขาอยู่ ปากคงกำลังเคี้ยวหมาก เพราะข้างๆ มีเชี่ยนหมากอยู่ ผมนี่ตกใจขนลุกเลยเพราะไม่คิดว่ามีคนอยู่ พอเห็นว่าเป็นยาย เลยยกมือไหว้ทักทาย ยายได้ยินผม ยายก็หยุดเคี้ยว แล้วเอาขาลงเปลี่ยนเป็นท่าห้อยขา แต่แกก็ไม่ได้พูดอะไร.. ผมเลยเข้าห้องน้ำ พอออกมายายก็ไม่อยู่ละ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร.. พอออกมา เพื่อนๆ ผมก็กลับมาจากที่ไปซื้อน้ำแข็ง และกลับแกล้ม พวกผมนั่งกินกันตั้งแต่บ่าย จนถึงพระอาทิตย์ตกดิน จำไม่ได้ว่าเลยว่ากี่โมง กินไป ดื่มไป ร้องคาราโอเกะไป อย่างเพลินครับ แต่ผมดื่มไม่เก่ง และต้องขี่รถกลับด้วย เลยไม่ได้ดื่มเยอะ.. สักพัก กับแกล้มหมดครับ เก๋ เลยอาสาไปเอากับข้าวที่งานศพมามาเพิ่ม อ๋อยเลยไปเป็นเพื่อนเก๋ เหลือผมอยู่บ้านกับเบน 2 คน แล้วเบนก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำครับ
ผ่านไปเดี๋ยวเดียว เบนก็กลับมาด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก ผมเลยถามว่าเป็นอะไร? เบนบอกว่า ‘ตอนเดินไปเข้าห้องน้ำ เดินไปหลังบ้าน ก็เห็นยายแก่คนหนึ่ง นั่งกระแอมอยู่บนโต๊ะ พอเข้าห้องน้ำ กำลังนั่งฉี่อยู่ ด้วยความที่ประตูมันจะมีช่องทั้งข้างล่าง และข้างบน เราก็เห็นว่ามีเท้าคนแก่อยู่ตรงช่องข้างล่าง ก็งงๆ เลยเงยหน้ามองช่องบน ก็เห็นเป็นหน้ายายแก่คนเดิมกำลังมองมา ซึ่งดูจากความสูงแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ยายจะทำแบบนี้ได้! เราตกใจกลัวก้มหน้าหลับตา แล้วสักพักทุกอย่างก็หายไป เลยรีบออกมาเล่าให้ฟังเนี่ย..’ พอผมได้ฟัง ในบ้านจากร้อนๆ ตอนนี้รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันทีเลยครับ! แล้วอยู่ๆ เสียงไอแห้งๆ ก็ลอยมาอีก เหมือนมาจากชั้น 2 แต่พอฟังดีๆ ก็เหมือนมาจากหลังบ้าน คือย้ายที่ไปมาได้ยังไงยังงั้น! ผมกับเบนแทบจะสติแตก แล้วพีคสุดตรงที่เห็นยายมาชะโงกหน้า มองมาจากตรงบันได! ‘กรี้ดดด’ ลั่นครับพี่น้อง เบนนี่กอดแขนผมแน่นเลย
พวกผม 2 คนวิ่งออกมารอนอกบ้าน จนเก๋ กับอ๋อยกลับมา ก็เลยเล่าให้ฟัง.. เก๋บอกว่า ‘เป็นไปไม่ได้ ยายนอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่ชั้นบนบ้าน ยายจะออกมาเดินได้ยังไง?’ โหย จังหวะนั้น ขนลุกซู่เลยครับ ผมเข่าอ่อนมาก แล้วเก๋ก็พาทุกคนขึ้นไปไหว้ยายข้างบน ยายแกนอนนิ่งๆ จริงๆ ครับ ยังหายใจอยู่ แต่สายตายายแกเหมือนกำลังมองมาที่ผมกับเบน ขนลุกมาก! ไหว้ยายเสร็จก็ลงมาข้างล่าง.. แล้วเก๋ก็เล่าว่า ‘สมัยก่อนยายแกมีของ แบบเป็นพวกมีวิชา เลี้ยงผีอะไรทำนองนี้ เหมือนแกถอดจิตได้ล่ะมั้ง’ ผมนี่แบบ.. ยาย มาดีๆ ก็ได้! อย่ามาแบบนี้เลย กลัวแล้ววว.. แล้วหลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์ ยายของเก๋ก็เสียครับ พวกผมก็ต้องกลับมาร่วมงาน โอย เรื่องงานศพ ขอเล่าในตอนถัดไปแล้วกันครับ ขนาดยังไม่ตายยายยังแผลงฤทธิ์ขนาดนี้ ตายไปแล้วจะขนาดไหน! ยายแกชื่อว่า ‘แม่อุ้ยผิน’ ครับ
Story by คุณเบลส์