เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณตอย (นามสมมติ) ครับ คุณตอยเล่าว่า.. เมื่อปี 2554 เราได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง อยู่แถวด้านหลังสนามกีฬาหัวหมากค่ะ ที่ร้านนี้จะมีที่พักให้พนักงานเช่าอยู่ด้วย คือจะเป็นตึก 7 ชั้น 3 ชั้นแรกเป็นร้านอาหาร ชั้นบนที่เหลือจะทำเป็นห้องพัก และสต๊อคของค่ะ เราได้อยู่ชั้น 7 โดยชั้นนี้จะมีพี่ดี้ พี่ที่ทำงานอีกคนอยู่ด้วย แต่อยู่กันคนละห้องนะคะ.. พอขึ้นไปข้างบนครั้งแรก มันดูรกๆ อึดอัด มีฝุ่น และเศษปูนที่เขาทุบทำห้อง บอกตรงๆ ว่าไม่น่าอยู่เลย เราจะนอนช่วงเกือบตี 3 – บ่าย 2 โมง แล้วออกไปทำงานตอนเย็นถึงดึก

วันแรกไปถึงเราก็พนมมือไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทาง บอกว่าลูกมาขอพักอาศัย มาทำงานหาเงินส่งกลับบ้าน แล้วก็นอนด้วยความง่วง และเพลียจากการเดินทาง กำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงคนมากระซิบข้างๆ หูว่า ‘ล็อคประตูหรือยัง?’ เราตกใจสะดุ้งขึ้นมา รีบไปจับที่ประตูดูทันที ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อคจริงๆ ค่ะ เราก็แบบเหวอเลย แต่คิดในแง่ดีว่าอาจจะเป็นเจ้าที่มาเตือนก็เป็นได้.. มาถึงคืนที่ 2 เราฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่งมายืนที่ประตูห้อง พยายามจะเปิดประตูเข้ามาในห้อง คือมันเป็นฝันที่เหมือนไม่ใช่ความฝันน่ะค่ะ เหมือนจริงมากๆ เพราะปกติแล้วเวลาเราฝัน เราจะไม่ค่อยฝันถึงสถานที่ที่เรากำลังอยู่สักเท่าไหร่ ลักษณะของผู้ชายในฝันคือ หัวล้าน ไม่ใส่เสื้อ ผิวหนังเหมือนคนเป็นโรคผิวหนัง เขาพยายามจะเข้ามาให้ได้ แต่เราก็ใช้แรงสุดกำลังเพื่อจะดันประตูไว้ จนเราสะดุ้งตื่นขึ้นมา รู้สึกเหนื่อยมากเหมือนใช้แรงมาอย่างหนักเลย

พอตอนไปทำงาน เราก็เล่าให้พี่ที่ทำงานฟังกัน แต่ไม่ได้เล่าละเอียดนะคะ พอเขาได้ฟังก็ถามเรากลับว่า ‘ผู้ชายตัวเตี้ยๆ หัวล้านใช่ไหม?’ เราบอกว่าใช่ พี่เขาก็บอกว่า ‘มึงเจอดีแล้วล่ะ..’ เขาพูดแค่นั้นแล้วก็เดินไปเลยค่ะ.. พอตอนเลิกงานด้วยความอยากรู้ เราก็ไปขอให้พี่เขาเล่าต่อ สุดท้ายพี่เขาก็บอกว่า ‘เป็นลุงที่อยู่ตึกข้างๆ เพิ่งจะตายได้ 3 วันเท่านั้นเอง..’ เรานี่ขนลุกซู่เลยล่ะค่ะ.. ยังไม่พอแค่นั้นนะคะ คืนที่ 3 เราก็เจอดีเข้าอย่างจังอีก ขณะที่เรากำลังจะหลับอีกแล้วค่ะ ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ มาว่า ‘แม่จ๋า หนูอยู่ด้วย แม่จ๋า หนูขออยู่ด้วยๆ’ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น เราสะดุ้งลุกขึ้นมา ปรากฏว่าเห็นเลยค่ะ เป็นเด็กผู้ชายนั่งจ้องเราอยู่ที่ปลายเตียง! และค่อยๆ คลานเข้ามา คือดูเหมือนเป็นเด็กพิการแขนขาลีบ ด้วยความกลัวเราก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุม แล้วก็สวดมนต์อยู่พักใหญ่ แต่คือมันไม่ได้ผลเลย เรารู้สึกเย็นวาบอยู่ตลอดเวลา และเหมือนเขาคล่อมทับเราอยู่พร้อมกับพูดว่า ‘แม่จ๋า หนูขออยู่ด้วย..’ เรากลัวมาก จนกรีดร้องออกมาสุดเสียงเลยค่ะ ทำให้พี่ดี้ที่อยู่ห้องข้างๆ มาเคาะห้องเราถามว่าเราเป็นอะไร?

แล้วเหมือนเด็กคนนั้นก็หายไปทันที เรารีบย้ายของไปนอนที่ห้องพี่ดี้ ยังตัวสั่นไม่หายเลย เราเล่าเรื่องที่เจอให้พี่เข้าฟัง แต่พี่เขากลับบอกว่า ‘คงจะเป็นลูกของพี่เองแหละ..’ เราก็ถามว่า ‘พี่เลี้ยงกุมารเหรอ?’ แต่พี่เขาก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะบอกว่า ‘อย่าบอกใครนะ เด็กคนนั้นคงเป็นลูกพี่เอง เพราะพี่ก็เคยเจอ พี่น่ะเคยทำแท้งมาก่อน..’ เท่านั้นล่ะค่ะ ขนลุกทันที เรียกว่าเจอติดๆ กัน 3 วันรวดเลยทีเดียว.. แต่เราก็ยังคงทำงานอยู่ที่นี่ตามปกตินะ แต่พอเจอเรื่องอย่างนั้นเราก็กลัวค่ะ เลยไม่ค่อยจะได้มานอนที่ห้องตอนกลางคืนสักเท่าไหร่ เราจะไปนั่งเล่นร้านเน็ตแล้วค่อยขึ้นห้องนอนช่วงประมาณ 6 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมงแทน เราทำอยู่ได้ประมาณ 4 เดือนก็ลาออกค่ะ..

Story by คุณตอย (นามสมมติ)

ความคิดเห็น