เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณอันครับ คุณอันเล่าว่า.. เมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน เราเรียนอยู่ชั้น ม.6 อาศัยอยู่กับพ่อที่จังหวัดสระบุรี เป็นบ้านพักคนงานก่อสร้างค่ะ ลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทำจากไม้อัด มุงหลังคาสังกะสี ปูผ้านอนบนพื้น มีห้องน้ำ และที่อาบน้ำรวม พ่อเราใช้สิทธิ์อยู่มานาน เลยบอกผู้ใหญ่ว่าขอ 2 ห้อง เพราะอย่างนั้นเรากับพ่อเลยได้อยู่กันคนละห้องเลย.. เราเป็นคนนิสัยไม่ดี เกเรมาก ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ออกเที่ยวหลัง 4 ทุ่มทุกคืน โรงเรียนก็ไม่ไปเป็นเดือนๆ และเรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากนี้ค่ะ..

วันหนึ่ง เรามีเรื่องทะเลาะตบตีกับเพื่อนอีกห้องค่ะ ด้วยความห้าว และคึกคะนอง ก็โดนเข้าห้องปกครองไปตามระเบียบ พอตกเย็นก็ไปเชียร์บอลที่โรงเรียนนายร้อยกับเพื่อนจนมืด ขากลับประมาณ 2 ทุ่ม มีน้องผู้ชายคนหนึ่งที่กิ๊กกับเพื่อนเราอยู่ อาสาไปส่งโดยรถกระบะคาร์รี่บอยค่ะ เรานั่งเบาะหลังกับเพื่อนอีก 2 คน ส่วนข้างหน้า 2 คนคือเพื่อนเราอีกคนกับน้องผู้ชาย.. ก็ขับมาสักพัก เรากับเพื่อนๆ ในรถก็หลับพักสายตากัน แต่แล้วอยู่ดีๆ รถก็เสียหลักข้ามฟุตบาทไปอีกเลนถนน ไปชนเข้ากับกำแพงบ้านใครก็ไม่รู้ คือชนแรงมาก แต่โชคดีที่ไม่มีไครเป็นอะไร นอกจากน้องผู้ชายคนขับที่หัวแตก รถกู้ภัยมากัน ทุกอย่างวุ่นวายไปหมดเลยค่ะ แต่เรายังคงอึ้งเหมือนช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ตอนนั้นเข้าใจอารมณ์คนเกิดอุบัติเหตุ แล้วกระจกหน้าสาดใส่หน้าเป็นยังไงเลยล่ะค่ะ เพื่อนๆ ลงรถกันไปหมดแล้ว พยายามตะโกนเรียกเรากันใหญ่ กว่าเราจะได้สติหายอึ้งก็นานอยู่ จากนั้นก็แยกย้ายกลับบ้านกัน แต่เราก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อค่ะ

หลังจากนั้นได้ 1 อาทิตย์ เราก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นค่ะ มีคืนหนึ่งเรานอนในห้องตามปกติ กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น มันเหนื่อยๆ ไปหมด เหงื่อออกไม่หยุด แล้วพอรู้สึกตัว ก็เห็นเหมือนเงาดำๆ อยู่บนตัวเรา กำลังลวนลาม กอดจูบลูบคลำเราอยู่ ตอนนั้นรู้สึกได้เลยว่าไม่ใช่คนแน่ๆ คือมองเห็นแต่ขยับตัวไม่ได้เลย แล้วพอจะถึงจุดนั้น เรารวบรวมพลังเฮือกลุกขึ้นมา ทุกอย่างกลับดูปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรานี่ใจเต้นรัว แต่สิ่งที่ทำเราขนลุกคือ ตามตัวเรากลับมีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำนี่สิ คืองงมาก เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย.. วันต่อมาเราไปเล่าให้น้าผู้หญิงคนหนึ่งที่นับถือฟัง เขาบอกว่า ‘ถ้ามึงยอมเค้า เค้าก็จะมาทำอย่างนี้ไปตลอด ดีนะที่มึงไม่ยอม..’

คืนต่อมา คืนนั้นพ่อเรากลับไปบ้านที่จังหวัดสุพรรณฯ เราเลยพาแฟนมานอนด้วยค่ะ ห้องเราจะปูเสื่อน้ำมัน เวลาเดินมันจะเหมือนติดเท้าดังยวบๆ ยาบๆ อะไรแบบนั้น ประตูก็ทำจากสังกะสี เวลาเปิดจะมีเสียงดัง และกลอนก็พังล็อคประตูไม่ได้.. คืนนั้นเราตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนเปิดประตู ส่วนแฟนเราหลับไม่รู้เรื่องอะไร ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนมาหาหรือเปล่า เลยยังไม่คิดอะไร ไม่ได้เรียกด้วยเพราะกลัวแฟนจะตื่น.. แล้วจากนั้นเราก็ได้ยินเสียงเดินค่ะ ‘ยวบยาบๆ’ บนเสื่อน้ำมัน เรานิ่งเพื่อฟังเสียงให้แน่ใจ ความรู้สึกตอนนั้นคือรู้แล้วว่ามีใครในห้องแน่ๆ เพราะเสียงเดินมันผ่านหลังเราไปเลย แล้วจากนั้นเราก็เห็นเงาคนมานั่งยองๆ บนหัวนอนจ้องเรากับแฟน! เราช็อคมาก รีบคว้าไฟฉายจากโทรศัพท์ส่องดู แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไร.. ตอนนั้นคืองงมาก ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง.. ผ่านไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ เอาอีกแล้วค่ะ คืนนั้นเรานอนคนเดียว นอนตะแคงหันหลังให้ตู้เสื้อผ้า อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหายใจแรงๆ อยู่ใกล้ๆ พอลืมตามา ก็เห็นเงานั้นมานั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ เลย! เรารีบหลับตาท่องนโมตัสสะ แต่ที่พีคกว่าคือ เขาท่องบทสวดตามเราค่ะ ท่องไปหัวเราะไป คือหลอนมากๆ ช่วงนั้น

จนเราต้องไปเล่าให้เพื่อนฟัง และขอไปนอนบ้านเพื่อนด้วย แต่ไม่ช่วยอะไรค่ะ เขาตามเรามา คือเรานอนเปิดเพลงฟัง ยังไม่ทันหลับดีเลย ก็เห็นเงาเดิมยืนอยู่บนหัวเตียง แล้วชะโงกหน้าก้มลงมามองเรา ตอนนั้นเราขยับตัวไม่ได้ กรี๊ดแทบตายก็ไม่มีเสียงออกมา แต่หูยังได้ยินเพลงเล่นอยู่นะ เราเลยพูดในใจว่า ‘ไม่ไหวแล้ว ถ้ามาหลอกอย่างนี้จะแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิด..’ แต่เรากลับได้ยินเสียงใหญ่ๆ ตอบกลับมาว่า ‘กูไม่กลัวมึงหรอก..’ เท่านั้นแหละค่ะ เราต้องสู้กับตัวเองสักพักใหญ่ จนเราขยับตัวได้ แต่เพลงที่ฟังก็ยังเล่นเพลงเดิมอยู่ เหมือนเวลามันผ่านไปแค่ไม่กี่นาที แต่ในความรู้สึกของเราเหมือนมันยาวนานมากๆ

ช่วงนั้นสภาพเราทรุดโทรมมาก ทุกอย่างแย่ไปหมด เหมือนคนอ่อนแอ จิตหลอน อยู่คนเดียวไม่ได้เลยค่ะ ไปเรียนเราก็เหม่อลอย ไม่เป็นตัวของตัวเอง จนครูที่สนิทบอกว่าเห็นเราเหมือนไม่ใช่เรา ครูจึงเรียกเราไปคุย ตอนนั้นคือเราไม่ไหวแล้ว เราเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งน้ำตา คือสงสารตัวเองมากๆ ครูคนนั้นเลยพาเราไปทำบุญที่วัดเดี๋ยวนั้นเลย.. ไปหาเจ้าอาวาสท่านหนึ่งที่เขาว่ามีวิชา พระท่านบอกว่า ‘สิ่งที่เจ้าพบเจอน่ะ เจอได้ยากมากถ้าไม่มีบุญ..’ แล้วท่านก็ให้คาถาเรามาว่า ‘ทุสะนะโส ผีเหลียวมาให้ตาผีแตก..’ และท่านก็ให้สายสิญจน์ พร้อมกับรดน้ำมนต์ เป่าคาถา แล้วหลังจากนั้นมาเราก็ไม่เจอเงานั้นอีกเลยค่ะ

สรุปคือเรามีเซ้นส์ในเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่รถชน คือทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด หลังจากนั้นเราเข้าใจเลยว่าผีหลอกมันไม่ใช่เรื่องตลก เวลาต้องไปในที่แปลกๆ นี่จะรู้สึกทันทีว่ามันไม่ปกติ บางทีก็คิดว่าไอ้ที่เห็นเมื่อกี้คือผีหรือคน? แยกแยะไม่ถูกเลย แต่ตอนนี้ก็ชินแล้วนะ แต่ก็ยังกลัวอยู่ดีค่ะ..

Story by คุณอัน

ความคิดเห็น