เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณปอนด์ครับ คุณปอนด์เล่าว่า.. ย้อนไปเมื่อปี 2549 ผมได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในโคราช และต้องย้ายไปอยู่หอคนเดียว ซึ่งก็ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่อยู่หอเดียวกันประมาณเกือบ 10 คน คือไปไหนไปกัน และที่สำคัญชอบขี่รถเล่นไปตามสถานที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ที่เค้าว่ากันว่ามีผี ซึ่งพวกผมเคยลองไปกันมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจออะไรครับ.. แต่แล้ววันหนึ่ง ผมกับเพื่อนก็ไปได้ยินจากยามที่เฝ้าหอชายว่า ‘ถ้าอยากเจอดี ให้ลองไปขี่รถวนป่าด้านหน้าอาคารที่เป็นห้องสมุด 3 รอบตอนเที่ยงคืนดู..’ พวกผมได้ยินแบบนั้นมันก็รู้สึกเหมือนกับถูกกระตุ้นต่อมวัยรุ่นน่ะสิครับ
คืนนั้นผมก็ไปกันเลย ตอนแรกไปแค่ 2 คน มอเตอร์ไซค์คนละคัน แต่พอไปถึงที่อาคารห้องสมุด ปรากฏว่าไปเจอกับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่มาถึงก่อนไม่นาน บอกว่าได้ยินมาจากพี่รหัสเหมือนกัน เลยจะมาลอง สรุปตอนนั้นมีทั้งหมด 9 คน ก็เลยซ้อน 3 กันไป มอเตอร์ไซค์ 3 คัน คันที่เหลือจอดไว้ที่อาคาร พวกผมก็รอเวลาเที่ยงคืนครับ พอถึงเวลาก็ขี่รถวนเข้าไปในป่าทันที ตอนนั้นจำได้ว่าอากาศยังไม่เย็นเท่าไหร่ ออกจะร้อนด้วยซ้ำ แต่พอผ่านจุดที่เรียกว่าสะดือของมหาวิทยาลัย (เป็นพื้นที่ว่างๆ ที่ว่ากันว่าสมัยก่อนมีคนตายเยอะ เพราะเป็นลานประหาร หรือสมรภูมินี่แหละ ผมจำไม่ได้เหมือนกัน) จะรู้สึกเย็นวาบๆ แบบบอกไม่ถูกน่ะครับ.. พอวนรอบป่ามาถึงจุดเริ่มต้น พวกผมก็หยุดรถแล้วหันมาหาเพื่อนๆ และบอกกันว่า ‘รอบที่ 1’ แล้วก็ขี่รถไปต่อ ทำแบบนี้จนครบ 3 รอบ แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เวลาตอนนั้นตี 1 นิดๆ พวกผมจึงไปแวะเซเว่นหาอะไรกินกัน พร้อมกับซื้อเอ็มร้อยไปให้ยามด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องเช็คชื่อเข้าหอช้า
เช้าวันต่อมา ผมกับเพื่อนๆ ได้ไปคุยกับยามที่หน้าหอ ก็เล่าเรื่องเมื่อคืนที่ไปนั่นแหละคับ พี่ยามเค้าบอกเลยว่า ‘น้อง! ใครเค้าให้หยุดรถกัน เค้าให้ขี่รวดเดียว 3 รอบเลย อย่างที่น้องทำมันก็เหมือนนับ 1 ใหม่ทุกรอบน่ะสิ..’ ผมกับเพื่อนก็เตรียมตัวกันใหม่เลยครับ นัดวันกันเลย 9 คนเหมือนเดิม เชื่อมั้ยครับ บังเอิญมารู้ทีหลังว่าวันที่พวกผมนัดกันเนี่ย มันตรงกับวันโกน (วันก่อนถึงวันพระ) แต่ตอนนั้นคือไม่รู้ และไม่ได้สนใจอะไร.. พอถึงเวลา ก็มาเจอกันที่จุดนัดพบที่หน้าอาคารห้องสมุด เวลา 5 ทุ่ม เกือบๆ เที่ยงคืน วันนั้นอากาศเย็นผิดปกติ จนผมต้องพกเสื้อกันหนาวมาด้วย พอได้เวลาเที่ยงคืน พวกผมก็เริ่มขี่รถวนป่าเหมือนเดิม ซ้อน 3 โดยที่ผมเนี่ยจะซ้อนอยู่คันสุดท้ายครับ อากาศก็หนาวเย็นยะเยือกทำให้เสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก วนรถไปรอบที่ 1-2 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอเข้ารอบที่ 3 จนเกือบจะถึงทางออกแล้วเท่านั้นแหละ จู่ๆ ก็มีเสียง ‘แกร๊ก..แกร๊ก..ครืดๆๆ’ ลากมาตามทาง เหมือนคนเกาะรถเลยครับ เพื่อนผมเลยรีบบิดให้ถึงทางออก ส่วนผมกับเพื่อนที่ซ้อนนี่หัวใจเต้นตุ๊บๆๆ เลย.. พอหันไปดูพบว่าเป็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่ มาติดด้านข้างของรถครับ ผมกับเพื่อนก็แปลกใจ เพราะวนมา 2 รอบทางค่อนข้างเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวางอะไรเลย แล้วกิ่งไม้ขนาดใหญ่นี้จะติดรถมาได้ยังไง?
ในขณะที่กำลังสงสัย เพื่อนผมก็กลับรถแล้วขี่ออกไปเซเว่นเหมือนเดิม จังหวะนั้นหางตาเจ้ากรรมผมก็เหลือบไปเห็นเงาครับ คือเหมือนมีคนนั่งอยู่ที่หน้าอาคารห้องสมุด ผมเลยตะโกนบอก ‘เห้ย! จอดๆ กูเห็นใครไม่รู้อยู่หน้าอาคาร..’ เพื่อนผมก็ไปจอดตรงที่จอดรถข้างอาคาร ซึ่งตรงตำแหน่งใกล้ๆ กัน จะมีโต๊ะที่ใช้นั่งอ่านหนังสืออยู่ชุดหนึ่งตั้งออกมาเยื้องๆ กับตัวอาคาร ผมลงจากรถปุ๊บ ตาของผมก็มองไปที่โต๊ะชุดนั้นพอดี ภาพที่ผมเห็นคือนักศึกษาผู้หญิงนั่งอยู่ครับ แต่ผมไม่สามารถมองเห็นหัวเธอได้ เพราะเหมือนมีเงาหรือควันอะไรไม่รู้บังอยู่ นาทีนั้นผมสัมผัสได้ถึงคำว่าขนหัวลุกเลยครับ ขนมันไล่ขึ้นมาจากขาขึ้นมาที่หัวเลย หน้านี่ชาไปหมด ผมอุทานออกมาคำเดียว ‘เห้ย!’ เพียงเสี้ยววินาที ผู้หญิงคนนั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาผมทันที! เพื่อนก็ตกใจเมื่อเห็นสภาพผมหน้าซีด ผมรีบบอกว่า ‘รีบขึ้นรถไปจากนี่ก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง’ ..พอไปถึงหน้าเซเว่น ผมก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อกี้ผมเจออะไร เพื่อนบางคนก็ไม่เชื่อ แต่บางคนก็เชื่อเพราะหน้าผมตอนนั้นมันคงซีดมากจริงๆ แต่สิ่งหนึ่งที่แปลกคือ เพื่อนๆ ผมไม่มีใครเห็นผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่คนเดียวครับ ผมก็พยายามคิดบวกนะครับว่า ผมอาจจะตาฝาด เพราะผมสายตาสั้น บวกเอียง ..แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องเชื่อก็มาถึงโดยบังเอิญ..
ผ่านไปไม่กี่วัน พวกรุ่นพี่ได้นัดผมไปกินข้าวด้วยกัน พอกินเสร็จก็นั่งล้อมวงคุยเรื่องนั่นนี่ไปเรื่อย แล้วก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งได้เล่าให้ฟังถึงสิ่งที่พี่เค้าเจอตอนอยู่ปี 2 พี่เล่าว่า คืนนั้นไปกินเหล้ากับเพื่อน ไปกัน 2 คน มอเตอร์ไซค์คันเดียว แล้วตอนที่กำลังขี่รถกลับหอ ก็ไปแวะเซเว่นหาอะไรกินให้สร่างเมากันก่อน จากนั้นก็ขี่รถกลับ โดยนึกอยากจะสัมผัสบรรยากาศช่วงค่ำ เลยแวะไปทางอาคารห้องสมุด ซึ่งด้านข้างอาคารฝั่งซ้ายเนี่ยจะเป็นสะพานสูงๆ ครับ ถ้ารถมีเกียร์ต้องเข้าเกียร์ 1 ไม่ก็ 2 ถึงจะขึ้นได้ ข้างสะพานจะเป็นต้นไม้ใหญ่.. ขณะที่รุ่นพี่ผมขี่รถมา พอขึ้นไปเลยจุดสูงสุดของสะพาน และกำลังอยู่ช่วงขาลงจากสะพาน คือรถเอียงลาดลงมาแล้วน่ะครับ ปรากฏว่ารถเกิดหยุด และดับอยู่บนสะพานขาลง เข็นยังไงก็ไม่ไป ค้างซะเฉยๆ อย่างนั้นเลย เพื่อนของรุ่นพี่ผมที่เป็นคนขี่ก็กวาดตามองไปรอบ แล้วดันแหงนขึ้นไปมองบนต้นไม้ ปรากฏว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษานั่งอยู่บนต้นไม้ครับ แต่..มองไม่เห็นหัวเหมือนกัน! และเธออยู่ในท่าที่กำลังยื่นแขนข้างหนึ่งออกมา แต่เห็นแค่ถึงข้อศอกนะครับ มันเป็นคล้ายๆ เงาหรือควันบังส่วนที่เหลืออยู่ แต่.. มือครับ! มีมือปริศนามาดันหน้ารถของรุ่นพี่ไว้อยู่ คือเห็นแค่ส่วนมือเท่านั้นเลย จังหวะนั้นพวกรุ่นพี่ผมทิ้งรถวิ่งเลยครับ คือลงจากรถกันมาแล้ว แต่รถยังคงตั้งอยู่อย่างนั้นไม่ไหล และไม่ล้มเลย! ..พวกพี่วิ่งกลับไปนอนอยู่หน้าเซเว่นซึ่งไกลพอสมควร ตื่นเช้ามาค่อยกลับไปดูรถ ก็เห็นรถตัวเองล้มตะแคงอยู่ที่ตีนสะพาน พอไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ หาว่าเมาบ้างอะไรบ้าง.. พอรุ่นพี่เล่าเรื่องนี้จบ ผมนี่ขนลุกเลยครับ เพราะเรื่องที่ผมเจอคืนนั้น ยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนนอกจากเพื่อนๆ ผม แล้วสิ่งที่พี่เค้าเจอ ลักษณะคล้ายกับที่ผมเจอมากๆ ยังไม่จบนะครับ..
หลังจากวันนั้นเนี่ย เพื่อนผมที่ไปขี่รถวนรอบป่าด้วยกัน มี 3 คนที่เจอเรื่องแปลกๆ โดย 2 คนแรกเจอพร้อมกัน แล้วมาเล่าให้ผมฟังว่า ‘มีคืนหนึ่งพวกกูออกไปซื้อของกินที่เซเว่น คืนนั้นอากาศดี เลยไปแวะนอนดูดาวกันที่สแตนเชียร์เล็กๆ ข้างสนามบอล ตอนนั้น 4 ทุ่มกว่าแล้ว ไม่มีใครมาเดินเล่นแถวนั้นเพราะมืดมาก ระหว่างที่นอนดูดาวไปกินกันไปเพลินๆ ก็ได้ยินเหมือนเสียงคนเดินเหยียบหญ้า ‘ฉึบ..ฉึบ..ฉึบ..’ แล้วมานั่งลงตรงสแตนเชียร์ที่พวกกูนอนกันอยู่ คือสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดเบาๆ ว่า ‘กินด้วยได้มั้ย?’ พอได้ยินปุ๊บพวกก็ลุกขึ้นมาทั้งคู่เลย แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเลยสักคน พวกกูหลอนจนต้องรีบกลับหออย่างไว..’
ส่วนเพื่อนอีกคนที่เจอ ผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยครับ วันนั้นอยู่หอกันก็คุยเล่นกันถึงเที่ยงคืน เพื่อนผมก็อยากอาบน้ำ หอที่ผมอยู่จะเป็นห้องน้ำรวม ต้องออกจากห้องไปอาบ ลักษณะจะเป็นห้องๆ แต่ละห้องจะมีฝักบัว 1 อัน มันก็บอกให้ผมไปเป็นเพื่อน เวลานั้นนักศึกษาส่วนใหญ่จะนอนกันหมดแล้ว พอดีผมลืมเอามือถือมา เลยบอกเพื่อนว่า ‘เดี๋ยวกูกลับไปเอามือถือแป๊บนึง เดี๋ยวมา..’ พอผมเดินกลับมาที่ห้องยังไปถึง 3 นาทีเลย เพื่อนผมมันก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำในสภาพแก้ผ้า และยังไม่ได้ล้างยาสระผมออกเลย ผมถามอะไรไปก็ตอบไม่เป็นภาษา เลยต้องจำใจให้มันนอนในสภาพนั้นไป.. พอเช้ามาผมถามมันว่าเมื่อคืนเป็นอะไร? มันบอกว่า ‘ตอนที่อาบน้ำอยู่ พอได้ยินเสียงมึงบอกจะกลับไปเอามือถือ สักพักกูก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ ปิดประตู เปิดฝักบัวอาบน้ำ ก็คิดในใจว่า ‘มีเพื่อนอาบแล้ว’ แต่ยังไม่ทันจบความคิดเลย ก็มีเสียงตะโกนมาว่า ‘กูไม่ได้มาอาบเป็นเพื่อน!’ พอกูลองเปิดประตูออกมา ห้องข้างๆ รวมถึงห้องอื่นๆ แห้งสนิท ไม่มีวี่แววใครสักคน กูนี่ขนหัวลุกรีบวิ่งออกไปเลย..’ ตอนมันเล่าให้ฟัง สีหน้ามันซีดมากครับ ผมเชื่อเลยว่ามันไม่ได้โกหกครับ..
ปัจจุบันผมเปิดร้านกาแฟอยู่หน้ามหาวิทยาลัยที่เกิดเรื่องนี่ล่ะครับ พอนึกถึงทีไรก็อดขนลุกไม่ได้..
Story by คุณปอนด์