เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณหลิงครับ เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาเเล้ว คุณหลิงเล่าว่า.. เราเป็นนักศึกษาน้องใหม่ปีหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ ช่วงนั้นทุกๆ วันหลังจากที่เรียนเสร็จ 4 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม นักศึกษาใหม่ทุกคนจะต้องซ้อมเชียร์ ห้ามหนี ห้ามขาด ห้ามเเอบไปอู้อยู่บนห้อง เพราะจะมีพี่ว๊ากขึ้นไปตรวจดูบนห้องตลอด ปกติเราก็เข้ากิจกรรมทุกวันนะคะ แต่มันมีอยู่วันหนึ่งคือขี้เกียจมากๆ เลยชวนเพื่อนคนหนึ่งโดดซ้อม เพื่อนคนนี้มันก็เห็นดีเห็นงามด้วยค่ะ แต่เรา 2 คนพักอยู่คนละตึกกัน เราอยู่ตึก C ส่วนเพื่อนเราอยู่ตึก B แต่ละตึกจะมีปีกซ้ายปีกขวามี 4 ชั้น ห้องจะหันเข้าหน้าหากัน และมีทางเดินตรงกลาง คือเราไม่ได้ชวนมันหนีไปไหน แค่จะแอบอยู่ในห้องเฉยๆ ห้องใครห้องมัน เราก็แยกย้ายกันขึ้นห้องไปในช่วงชุลมุน โดยแอบเข้าห้องน้ำนานๆ ห้องเราจะมีรูมเมทอยู่ด้วยอีก 2 คนรวมเราเป็น 3 แต่ก็ไม่สนิทกันเท่าไร เพราะอยู่คนละคณะกัน พวกนางก็คงไม่ทันสังเกตว่าเราแอบอยู่ พอถึงเวลาเรียกรวม พวกนางก็รีบวิ่งไปตามเสียงนกหวีดเรียกของพี่ว๊าก

ทุกคนก็ร่วมกิจกรรมกันอยู่ข้างล่างตึกนั่นล่ะ เราได้ยินเสียงพี่ว๊ากพูดทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้สนใจ นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยจนเผลอหลับไป.. ตื่นมาอีกทีก็เย็นแล้ว ห้องมืดมากๆ เพราไม่ได้เปิดไฟ และก็ดันลืมตัวว่าหนีกิจกรรมอยู่ เลยเผลอไปเปิดไฟเข้า ‘พรึ่บ’ ไฟสว่างทั้งห้อง เท่านั้นล่ะ! เสียงพี่ว๊ากตะโกนขึ้นมาเลย ‘เฮ้ยๆๆ ใครอยู่บนตึกไม่ร่วมกิจกรรมวะ!’ เรานี่รีบปิดไฟเลย พัดลมก็ปิดหมด ตกใจมากๆ สักพักเสียงรองเท้าส้นสูงเดินมาเรื่อยๆ ละ ไล่เคาะทีละห้องค่ะ เคาะทุกห้อง คือมองจากนอกตึกพี่เขาคงจะพิกัดไม่ได้ว่าห้องไหนเป็นห้องไหน พี่แกเลยถามทุกห้องว่า ‘ใครอยู่ในห้อง? ออกมาเดี๋ยวนี้’ โอ้โห ทีนี้ได้ไปหลายคนเลยค่ะ ไม่ได้มีแค่เรากับเพื่อนที่หนี แต่มีเยอะเลยค่ะ ที่พากันกลัวเลยเปิดประตูยอมลงไป เราได้ยินเสียงด่าโวยวายกันอยู่ข้างนอก สักพักพอทุกอย่างสงบแล้ว เราก็แน่ใจละว่าตึก C น่าจะเหลือแค่เราคนเดียว เพราะที่เหลือโดนพี่ว๊ากเอาไปลงโทษหมดแล้ว.. เราอยู่ในห้องมืดๆ ยังงั้นไปสักพัก พอประมาณ 2 ทุ่มเกือบจะ 3 ทุ่ม เราก็ได้ยินเสียงคนใส่รองเท้าส้นสูงเดินลากรองเท้ามา เดี๋ยวเดินเดี๋ยวหยุด คิดในใจว่าสงสัยจะเป็นพี่ว๊ากอีกนั่นล่ะ เข้มงวดจริงๆ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงเราก็จะไม่ออกไป ระหว่างนั้นก็ได้ยินทั้งเสียงเขาทำกิจกรรมกันอยู่ข้างล่าง บวกกับเสียงเดินๆ หยุดๆ บริเวณหน้าห้อง.. ทีนี้เราได้ยินพี่ว๊ากตะโกนพูดว่า ‘น้องๆ คะ วันนี้พวกพี่ทุกคนจะพาไปไหว้เจ้าที่ในหอนี้อย่างเป็นทางการ บางคนอาจจะได้ไปไหว้เเล้ว แต่บางคนอาจจะยัง เพราะไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ขอบอกว่าต้องไหว้ทุกคนนะคะ เพราะที่นี่ต้องอยู่แบบนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์..’ อะไรประมาณนี้ค่ะ แล้วพี่ว๊ากก็พูดต่อว่า ‘น้องๆ มี 11 สี บวกกับพี่ว๊าก 11 คน ครบแล้วนะคะ..’ ไอ้เราก็ อ้าว!? พี่ว๊ากกับสีครบแล้ว ..แล้วใครล่ะเดินอยู่หน้าห้อง?

ทีนี้เสียงไม่ใช่แค่เดินๆ หยุดๆ อย่างเดียวแล้วค่ะ เหมือนเขาทำอะไรบางอย่างตรงประตูห้องเรา ไม่ได้เคาะ แต่เหมือนเล่นประตู ข่วนๆ เบาๆ ที่บานประตูอยู่ ที่รู้สึกได้ชัดเจนเพราะประตูเป็นเหมือนประตูเหล็กค่ะ เราคิดในใจว่า ถ้าเป็นพี่ว๊ากจริง ทำไมไม่เคาะล่ะ? จะมาเล่นอะไรแบบนี้ เราเลยรีบไลน์หาเพื่อนที่อยู่อีกตึกนึง เล่าให้มันฟัง มันก็บอกว่าไม่ใช่พี่ว๊ากแน่ๆ เพราะห้องมันแอบมองจากระเบียงหลังห้องได้ ซึ่งก็เห็นพี่ว๊ากทุกคนกำลังพาน้องๆ ไปไหว้เจ้าที่อยู่.. เท่านั้นล่ะ เรานี่กลัวเลยค่ะ ในใจก็สงสัยว่า หรือจะเป็นเจ้าที่มาตามให้ไปไหว้? เรารีบนอนคลุมผ้าห่ม หูก็ยังได้ยินเสียงที่ประตูอยู่ตลอดเวลา เหงื่อเรานี่ไหลเหมือนไปเล่นน้ำมาเลยค่ะ เรารอจนเพื่อนๆ เลิกกิจกรรมกลับขึ้นตึก เสียงนั้นถึงได้หายไป.. พอเมทกลับห้องมา เราถามว่า ‘ตอนแกเดินมา มีใครอยู่หน้าห้องหรือเปล่า?’ ทั้งคู่ก็บอกว่า ‘ไม่มีนี่’ เราก็แบบ อืมมม.. สรุปคืนนั้นนี่นอนระแวงทั้งคืน ทีนี้เราไม่กล้าโดดกิจกรรมอีกเลยค่ะ

วันต่อมาเราไม่มีเรียนบ่าย เป็นบ่ายวันศุกร์ ก็อยู่ในห้องคนเดียว แล้วอยู่ๆ เราก็ขนลุกซู่ขึ้นมาเฉยๆ ตั้งเเต่หัวจรดเท้าเลย แต่ก็คือยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็ถ่ายรูปตัวเองเล่นในห้อง แต่มันมีความรู้สึกแปลกๆ แบบว่าเหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง เวลาทำอะไรก็จะเห็นอะไรแวบๆ ที่หางตา ก้มเก็บของก็เห็นเหมือนมีอะไรอยู่ข้างๆ แต่ทุกครั้งหันไปมองก็ไม่มีอะไร ทีนี้ก้มล้างหน้า ความรู้สึกนั้นก็ยังเกิดขึ้นอยู่ มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ว่าคล้ายคนใส่ชุดสีขาวเป็นผู้หญิง และด้วยความเป็นคนปากเสียโดยอัตโนมัติ คือตอนนั้นโมโหค่ะ เลยพูดไปว่า ‘มันอะไรกันวะ? จะใครก็ช่าง จะมารบกวนทำไม จะมาทำให้กลัวทำไม อยากมาอยู่ด้วยนักเหรอ? มาอยู่สิ ตามสบาย!’ ปากนี่พูดไปก่อนความคิดเลย พอจบคำพูดปุ๊บ หนังสือพระที่อยู่บนหัวเตียงหล่นตุบเลย! นับจากวินาทีนั้นเราก็มีความรู้สึกแปลกๆ ร้อนๆ หนาวๆ มาโดยตลอด..

เย็นนั้น พอถึงเวลาร่วมกิจกรรมเราก็ไปเข้าตามปกติ พอกลับขึ้นห้องมา อาการร้อนๆ หนาวๆ ก็เป็นขึ้นมาอีก ช่วง 3 ทุ่มกว่าๆ พี่เดย์ (นามสมมุติ) รุ่นพี่ปี 3 คนหนึ่งที่ตามจีบเราอยู่ ก็โทรชวนเราไปหาอะไรกิน คือเราหิวด้วยแหละเลยตกลงไป.. พี่เขาขี่รถมารับเราไปตลาดห่างจากหอพักนักศึกษาประมาณ 7-8 กิโล ระหว่างทางเป็นทางเปลี่ยวไม่มีบ้านคน มีแต่ป่ารกทึบ มีคลองน้ำยาวๆ ไปจนสุดป่า ด้วยความตาดี เราก็เห็นแมวดำตัวหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถกระโดดเข้าไปในป่า แต่เราก็ไม่ได้อะไร.. พอถึงร้านอาหาร ระหว่างนั่งรออาหาร เราก็ถามพี่เดย์ว่า ‘เมื่อกี้เห็นแมวดำวิ่งตัดหน้าหรือเปล่า?’ พี่เขาก็บอกว่า ‘เห็นสิ..’ แล้วพี่เดย์เขาก็ถามกลับมาด้วยคำถามแปลกๆ ว่า ‘หลิงเห็นแมว แล้วไม่เห็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาวเหรอ?’ พอได้ยินแค่นั้นล่ะ เราก็รีบถามเลยว่า ‘ผู้หญิงชุดขาวอะไร เขาเป็นใครกันเหรอ?’ พี่แกรีบเปลี่ยนเรื่องเลย เราก็เซ้าซี้ถาม พี่เขาเลยบอกว่า ‘เอาไว้พรุ่งนี้เช้าพี่จะเล่าให้ฟัง..’ พอเรากินข้าวกันเสร็จ พี่เดย์ก็เปลี่ยนทางกลับไปถนนเส้นในมหาวิทยาลัยแทน พี่เขาพูดดักไว้ว่า ‘อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้..’ เราก็เชื่อฟัง พอกลับถึงหน้าหอพักก็บอกฝันดงฝันดีแยกย้ายกันไป

โปรดติดตามตอนต่อไป..

Story by คุณหลิง

ความคิดเห็น