เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณแนท (นามสมมติ) ครับ คุณแนทเล่าว่า.. เรื่องราวเกิดขึ้นตอนเราเรียน ม.4 ผ่านมานานหลายปีมากๆ เพราะตอนนี้เราอายุ 38 แล้ว แต่เหตุการณ์ในวันนั้นยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเลยค่ะ.. เราเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ ตอนนั้นมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาชอบเรา ชื่อ พี่เกมส์ (นามสมมติ) พี่เค้าเรียนอยู่ชั้น ม.5 และเป็นคนขี้อายมากๆ ขนาดชอบเรายังไม่กล้ามาจีบเราซึ่งๆ หน้า และในสมัยนั้นก็ยังไม่มีเทคโนโลยีเหมือนสมัยนี้ พี่เค้าก็ใช้วิธีเขียนจดหมายสารภาพรัก แล้วเอาไปเสียบไว้ที่ประตูรั้วบ้านเรา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่กล้าเข้ามาคุยกับเราตรงๆ สักที เจอกันก็ยิ้ม ก็เขินกันไปเขินกันมา เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเราติดเพื่อน อยู่กับกลุ่มเพื่อนตลอดเวลา ไม่ค่อยได้อยู่คนเดียว ทำให้คนอื่นๆ เข้าถึงได้ยากล่ะมั้ง
บริเวณโรงเรียนจะมีสนามบาส แล้วรอบๆ สนามบาสก็จะมีซุ้มให้นั่งอยู่หลายซุ้ม ซึ่งมันก็กลายเป็นที่สุมหัวเม้าท์มอยของแก๊งเรา ช่วงพักเที่ยง หลังเลิกเรียน ก็ต้องไปรวมกลุ่มกันอยู่ที่ซุ้มเป็นประจำ และในเมื่อพี่เกมส์ชอบเรา แน่นอนว่าพี่เค้าก็จะต้องชอบไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ นั้นด้วยเหมือนกัน ซึ่งเราก็เห็นพี่เค้าทุกวันจนชิน เพื่อนๆ พี่เกมส์ก็จะแซวพี่เค้าทุกครั้งที่เราเดินผ่าน หรือเพื่อนๆ เราก็จะแซวทุกครั้งที่พี่เกมส์เดินผ่านเช่นกัน เฮฮากันไป แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะต่างฝ่ายต่างก็ขี้อาย.. เหตุการณ์เป็นเหมือนเดิมแบบนี้ทุกวันอยู่หลายเดือน
จนกระทั่งวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันพุธ หลังจากพักเที่ยง เราก็ไปนั่งเล่นที่ซุ้มกับเพื่อนๆ เหมือนเดิม แล้วสักพักเราก็เห็นพี่เกมส์เดินมานั่งที่ซุ้มข้างๆ วันนี้พี่เค้าไม่ได้ใส่ชุดนักเรียน แต่กลับใส่เสื้อยืดสีเหลือง กับกางเกงยีนส์ 3 ส่วน ที่สำคัญคือมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนๆ เหมือนทุกครั้ง เราก็งงๆ เพราะปกติไม่เคยเห็นพี่เค้าฉายเดี่ยว และทุกครั้งก็จะไม่มานั่งใกล้เรามากขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องห่างออกไป 3-4 ซุ้ม คำถามเริ่มผุดขึ้นมาในหัวเราว่า ‘..ทำไมวันนี้พี่เค้ามาแปลก? ..ทำไมไม่แต่งชุดนักเรียน? ..ไม่เข้าเรียนเหรอ? ..แล้วมาอยู่ในโรงเรียน ไม่กลัวโดนครูว่าเหรอ?’ และวันนี้พี่เค้าไม่ได้ดูขี้อายเหมือนทุกๆ ครั้งด้วยค่ะ เพราะพี่เค้านั่งจ้องหน้าเราหนักมาก พอเราหันไปสบตา พี่เค้าก็จะยิ้มให้ ไม่หลบหน้าเขินอายจนหูแดงเหมือนทุกครั้ง แล้วพี่เค้าก็นั่งมองหน้าเราอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมง แต่ที่ผิดสังเกตคือ เพื่อนๆ เรากลับไม่แซวเหมือนทุกครั้ง ทั้งๆ ที่พี่เค้ากล้ามานั่งมองเราตาไม่กระพริบขนาดนี้.. จนกระทั่งหมดเวลาพักเที่ยง เรากับเพื่อนๆ ก็กลับขึ้นไปเรียน ขณะที่เราเดินออกมาจากซุ้ม พี่เกมส์ก็ยังโบกมือบ๊ายบายเราด้วยค่ะ
วันต่อมา ขณะที่เราอยู่ที่ซุ้มตอนพักเที่ยงตามปกติ เพื่อนพี่เกมส์คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเรา แล้วถามว่า ‘น้องๆ รู้หรือยังว่าไอ้เกมส์มันตายแล้วนะ รถชนตาย..’ เราก็ ‘เฮ้ย! เมื่อไหร่? ล้อเล่นรึเปล่า? เมื่อวานพี่เค้ายังมานั่งอยู่ที่ซุ้มข้างๆ นี้อยู่เลย นั่งอยู่จนเราขึ้นไปเรียน..’ เพื่อนพี่เกมส์ก็ทำหน้าแปลกๆ บอกเราว่า ‘จะบ้าเหรอ! ไอ้เกมส์มันตายไปตั้งแต่วันเสาร์แล้วนะ ถ้าไม่เชื่อ เย็นนี้ไปงานศพที่วัดสิ..’ ในขณะนั้น เพื่อนๆ เราก็อึ้ง ตกใจ เหวอแดกกันหมด กับสิ่งที่เรายืนยัน เพราะเพื่อนๆ เราต่างบอกว่า ‘เมื่อวานนี้ไม่มีใครมานั่งซุ้มข้างๆ นะ มีแต่พวกเรานี่แหละ..’ ทุกคนพากันขนลุกหมด เพราะเมื่อวันจันทร์พวกเราก็ได้ยินข่าวว่า มีรุ่นพี่คนหนึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่ไม่มีใครในกลุ่มเรารู้ว่าเป็นพี่เกมส์.. ความรู้สึกของเราในตอนนั้นคือไม่เชื่อค่ะ คิดว่าต้องมีใครล้อเล่นแน่ๆ มีคำถามเกิดขึ้นในหัวเรามากมาย เพราะส่วนตัวเราไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้ และไม่เคยเจอมาก่อนด้วย
ตกเย็นวันนั้น เราตัดสินใจไปที่วัด พอไปถึงวัด ก็เป็นงานศพของพี่เกมส์จริงๆ จังหวะนั้นเรารู้สึกช็อคมาก ขนลุก กลัวจนตัวชาไปหมด แต่เราก็ต้องการหาคำตอบอะไรบางอย่าง ทันทีที่เจอครอบครัวพี่เค้า เราไม่ลังเลที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น? พี่เค้าเสียเมื่อไหร่? ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือ พี่เกมส์เสียตั้งแต่ช่วงเย็นวันเสาร์ (แต่เราเห็นพี่เค้าวันพุธ หลังจากเสียชีวิตแล้ว..) เราก็ยังดึงดัน ถามครอบครัวพี่เค้าว่าแน่ใจเหรอ เพราะเราเจอพี่เกมส์เมื่อวานนี้เองนะ ที่โรงเรียนตรงข้างๆ สนามบาส พี่เกมส์ใส่เสื้อยืดสีเหลือง กางเกงยีนส์ 3 ส่วน แล้วไม่ได้เจอแค่แว๊บๆ ด้วย แต่นั่งอยู่เป็นชั่วโมง.. พอเราเล่าจบเท่านั้นล่ะ แม่พี่เกมส์ร้องไห้โฮ เป็นลมล้มพับไปเลยค่ะ ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่า ชุดนั้นเป็นชุดที่พี่เค้าใส่ในวันที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งก็มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ และเห็นศพ..
หลังจากนั้น เราก็ทำบุญกรวดน้ำให้พี่เค้า แล้วเราก็ไม่ได้เจอพี่เค้าอีกเลย แต่ภาพพี่เค้าวันนั้น ยังคงติดตามาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเจอตอนกลางวันแสกๆ ในระยะประชิด คมชัดระดับ Full HD เลยทีเดียวค่ะ.. RIP แด่พี่เกมส์ (นามสมมติ)
Story by คุณแนท (นามสมมติ)