เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ส่งมาจากคุณแพทครับ คุณแพทเล่าว่า.. เมื่อประมาณปี 2546 เรากับเพื่อนๆ ย้ายมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และไปเช่าหอพักแห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้าอยู่ด้วยกัน 4 คน หอนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาอยู่ เมื่อก่อนมี 2 ตึก เราอยู่ตึกเก่าชั้น 4 ห้อง 412 เพื่อนๆ ที่พักกับเราเป็นเพื่อนมัธยมที่มาจากต่างจังหวัดเหมือนกัน ห้องที่อยู่เป็นห้องใหญ่ จึงสามารถอยู่กันได้แบบไม่อึดอัด พวกเราอยู่กันไปได้ 1 ปี ไม่เคยเจออะไร และรู้สึกดีที่ส่วนมากเวลาตื่นมาเข้าห้องน้ำ ไม่ว่าจะเช้ามืดหรือดึกดื่น ก็จะได้ยินเสียงห้องข้างๆ เข้าห้องน้ำเหมือนกัน ได้ยินเขาร้องเพลง ฮัมเพลงบ้าง อาบน้ำบ้าง เลยอุ่นใจที่มีเพื่อนข้างห้อง
จนเราขึ้นปี 2 เรื่องแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นค่ะ ได้เจอหมุนเวียนกันทุกคน เริ่มตั้งแต่ ปุย (นามสมมติ) วันนั้นปุยนอนที่ห้องคนเดียวเพราะนัดกับแฟนช่วงเสาร์อาทิตย์ เพื่อนๆ คนอื่นกลับบ้านต่างจังหวัดกันหมด แต่สุดท้ายแฟนปุยก็ดันมีธุระด่วนเลยไม่ได้เจอกัน คืนนั้นปุยก็ต้องนอนคนเดียว ปุยเล่าว่า พอเริ่มปิดไฟก็ได้ยินเสียงส้นสูงเดินรอบห้องเลย ชัดมาก ปุยถึงกับต้องนอนคลุมโปงร้องไห้ไม่กล้าขยับตัว แล้วไม่ใช่แค่นั้น ยังได้ยินเสียงผู้หญิงมาพูดใกล้ๆ หูว่า ‘กลัวหรอ?’ อีกต่างหาก ปุยช็อคจนหลับไปตอนไหนไม่รู้.. มารู้ตัวอีกทีคือเหมือนโดนตบหน้า 1 ฉาดแรงๆ จนหน้าชา ทำให้ปุยอยู่ต่อไม่ไหว วิ่งออกจากห้องลงไปนั่งกับ รปภ. ข้างล่างตั้งแต่ตี 2 กว่าๆ ยันเช้าเลย..
ต่อมา ปัท (นามสมมติ) เพื่อนอีกคนในห้องก็เคยเจอแบบซอฟท์ๆ คือวันนั้นปัทมีเรียนบ่ายคนเดียวในกลุ่ม ก็เลยตื่นสาย เพื่อนๆ ออกไปเรียนกันหมดตั้งแต่ 7 โมงเช้า พอสักประมาณ 10 โมง ปัทกำลังสะลึมสะลือ ก็ได้ยินเสียงกดชักโครก ตามด้วยเสียงฝักบัวในห้องน้ำ ตอนนั้นปัทคิดว่าคงมีใครสักคนไม่ไปเรียน จึงตะโกนถามไป 2-3 รอบว่า ‘อ้าว..ไม่ไปเรียนเหรอวะ?’ แต่กลับเงียบ.. ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งที่เสียงน้ำจากฝักบัวก็ยังดังอยู่ ปัทเลยลองเดินไปเปิดประตูห้องน้ำดู ปรากฏว่าไม่ได้ล็อคค่ะ และพอเปิดประตูปุ๊บเสียงน้ำก็หายวับทันที! เหมือนกดปิดเพลงอะไรแบบนั้นเลย แล้วพื้นในห้องน้ำก็แห้งสนิทด้วย!
ส่วนเรากับแอน (นามสมมติ) ไม่เคยเจอแบบเดี่ยวๆ และชัดๆ ขนาดปุยกับปัทนะคะ จะมีแค่เสียงแปลกๆ ที่ไม่แน่ใจว่าอะไรกันแน่.. จนมาช่วงหลังๆ พวกเราทุกคนจะได้ยินเสียงข้างห้องเอารองเท้าส้นสูงมาไล่เคาะผนังห้องทุกคืน ‘ก๊อกๆๆๆๆ’ บ่อยๆ เข้าพวกเราก็รำคาญนะ สงสัยว่าทำไมเขาโรคจิตแบบนั้น ไม่เกรงใจกันเลยหรือไง? มีหลายครั้งที่ลองโทรเข้าเบอร์ข้างห้อง แต่ก็ไม่มีใครรับสาย เท่าที่รู้คือเป็นนักศึกษาผู้หญิงกับผู้ชายเช่าอยู่ด้วยกัน
จนมาพีคสุดตอนคืนวันพระ ที่พวกเราจำได้ไม่ลืมเลยค่ะ เวลาประมาณ 5 ทุ่ม พวกเรา 4 คนกำลังจะเข้านอน ปัทกับปุยนอนบนเตียง เรากับแอนนอนฟูกด้านล่าง เรามีหน้าที่เดินไปปิดไฟ ซึ่งสวิทช์ไฟจะอยู่ตรงประตูทางเข้าห้อง พอเราปิดปุ๊บ ปัทกับปุยที่นอนบนเตียงก็ร้องโวยวายขึ้นมาทันที บอกว่าให้เปิดไฟก่อน เราก็เปิดไฟแบบงงๆ แล้วพวกมันก็ถามเราว่า เมื่อกี้พอปิดไฟแล้วแกได้วิ่งกระโจนขึ้นมาบนเตียงหรือเปล่า? เราก็ตอบว่า ‘จะบ้าหรอ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ยังเดินไม่ถึงเตียงเลย พวกแกก็โวยวายกันแล้ว’ ..พอถึงตรงนี้ทุกคนก็เริ่มใจไม่ดีกันแล้ว เพราะมันชักจะยังไงๆ ละ จึงลงความเห็นกันว่า งั้นเปิดวิทยุคลอไว้ทั้งคืนดีกว่า จะได้ไม่เงียบ
พอเปิดวิทยุเรียบร้อย เราก็เดินไปปิดไฟอีกรอบ คราวนี้พอผ่านไปสัก 30 นาที กำลังเคลิ้มๆ จะหลับ จำได้เลยว่าวิทยุเล่นเพลงของจอห์นนี่ อันวา ถึงท่อนที่ว่า ‘แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย..’ อยู่ๆ ปุยก็ตะโกนถามขึ้นมาว่า ‘ใครร้องเพลงคลอกับวิทยุเปล่าวะ?’ ปัทตอบว่าเปล่า เราก็ตอบว่าเปล่า ส่วนแอนหลับไปแล้วไม่ได้ตอบ.. เท่านั้นล่ะ ปุยกระโดดไปเปิดไฟเองเลยค่ะ แล้วมานั่งล้อมวงคุยกันยกเว้นแอนที่หลับอยู่ ปุยบอกเมื่อกี้ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลงคลอกับวิทยุ ชัดมาก! ถ้าพวกเราในห้องไม่ได้ร้อง ..แล้วเสียงใครวะ? ในขณะที่เราคุยกันอยู่ แอนก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาหน้าตาตื่น และบอกว่า ‘ขอบใจนะที่ปลุกเมื่อกี้ เพราะกำลังถูกผีอำเลย เห็นเป็นผู้หญิงมาทับตัวอยู่ ขยับไม่ได้เลย..’ ซึ่งพวกเราก็เหวอสิคะ เพราะพวกเรานั่งคุยกันอยู่ ไม่ได้มีใครไปปลุกแอนสักหน่อย ..แล้วใครปลุกแอนล่ะ?
ยังไม่จบแค่นั้นนะคะ ระหว่างที่ทุกคนนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ โทรศัพท์ห้องก็ดังขึ้นมา แอนก็รับสาย ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างห้องกับแฟนโทรมาด่า หาว่าห้องพวกเราทำเสียงดัง เอารองเท้าส้นสูงมาเคาะผนังจนเขากับแฟนนอนไม่ได้เลย ดังมาจากห้องพวกเราแน่ๆ เพราะหัวเตียงอยู่ติดกับผนังฝั่งห้องเราเลย โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์นี่ เคาะทั้งคืน.. แอนก็เลยด่ากลับไปว่า ห้องคุณก็ทำเหมือนกันนั่นแหละ พวกเราได้ยินมาตลอด โทรไปก็ไม่รับ.. แต่ทีนี้พอเถียงกันไปเถียงกันมา ก็คุยกันดีๆ แทน เพราะเริ่มสงสัยว่าปกติวันเสาร์อาทิตย์ห้องเราจะกลับต่างจังหวัดทุกคน กลับมาอีกทีเช้าวันจันทร์เสมอ ดังนั้นไม่มีทางที่จะเป็นพวกเรามาเคาะแน่นอน ส่วนข้างห้องก็บอกว่าพวกเขาไม่ค่อยได้มาค้างที่ห้องนี้เท่าไร เพราะส่วนใหญ่จะไปพักบ้านแฟนที่อยู่จรัญฯ เป็นไปไม่ได้ที่จะบังเอิญเข้าห้องน้ำพร้อมกับห้องพวกเราเกือบทุกครั้งขนาดนั้น และเป็นไปไม่ได้อีกที่จะเอารองเท้าส้นสูงมาเคาะที่ผนังห้องทุกคืนด้วย.. สรุปแล้วห้องเรากับห้องเขาเจอเหมือนกันค่ะ
หลังจากนั้นนี่วงแตกเลยค่ะ สรุปคืนนั้นห้องข้างๆ เขาเก็บข้าวของขึ้นแท็กซี่ไปนอนบ้านแฟนที่จรัญฯ ทันที ส่วนพวกเรา 4 คนลงไปนั่งที่โต๊ะม้าหินตรงศาลพระภูมิด้านล่าง ตั้งแต่ตี 1 ยันตี 5 ครึ่ง และไปนั่งอยู่แบบนั้นทุกคืน ยุงก็เยอะ แต่ก็ต้องทนจนสภาพโทรมกันหมด เพราะนอนไม่พอ จนหาหอใหม่ได้ถึงได้ย้ายไปนอนสบายๆ ..ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นที่หอนั้นเราก็ไม่รู้นะคะ และถึงจะไม่ได้มาให้เห็นเต็มๆ ตา แต่ยอมรับเลยว่าเฮี้ยนจริงๆ ค่ะ
Story by คุณแพท