เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณแอมป์ ชุติพงษ์ครับ คุณแอมป์เล่าว่า.. เรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องจริงที่ผมกับเพื่อนๆ อีก 5 คนไปเจอมาจังๆ กับตัว เหตุการณ์ครั้งนี้ยังคงเกิดขึ้นสมัยที่ผมเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ครับ โดยหลังจากที่พวกผม ‘แก๊งค์ส่องผี’ ได้ไปเจอผีกันมาแบบจังๆ ที่โรงแรมร้างแล้ว ก็เหมือนแก๊งค์เราจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้น ทำให้ในทุกวันหยุดศุกร์-เสาร์ จะมีการรวมตัวของคนที่อยากไปลองของ เพื่อนัดแนะไปสำรวจยังสถานที่ต่างๆ ที่เขาว่ากันว่าเฮี้ยน พวกเราไปกันมาอีก 2-3 ที่ครับ แต่ก็ไม่ได้พบเจออะไรที่น่ากลัวแบบจังๆ บางที่ก็แค่ได้กลิ่นสาป กลิ่นเน่า กลิ่นธูปบ้าง เห็นเป็นเงาลางๆ หรือได้ยินเสียงคนสะอึกสะอื้นบ้าง ถึงมันจะดูไม่ได้น่ากลัวมาก แต่ก็พอทำให้ผมขนลุกซู่ได้อยู่เหมือนกัน.. จากนั้นมา พวกเราก็หยุดพักการออกสำรวจกันอยู่ราว 2 สัปดาห์ เพราะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนแต่ก่อนแล้ว
จนพวกเรามารู้จักกับพี่คนหนึ่งชื่อ พี่กอล์ฟ แกเป็นหัวโจกแถวๆ ย่านวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ พี่คนนี้เป็นคนสดมากครับ จะไม่กินของสุกๆ เลย (ถุย! ไม่ใช่ละ) หมายถึงแกเป็นคนบ้าดีเดือดครับ ไม่ค่อยจะกลัวอะไร แถมยังชอบทำอะไรเสี่ยงๆ แล้วแกยังมีอาชีพเสริมที่ฟังดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ด้วย งานเสริมของพี่กอล์ฟคือ ออกไปตระเวนตามตึกร้าง บ้านร้าง โรงเรียน โรงพยาบาล หรือสถานที่ทำงานต่างๆ ที่ถูกทิ้งร้างไว้ เพื่อไปขโมยเอาของเก่าที่พอขายได้มาขายครับ โดยจะมีคนมารับซื้อ หรือสั่งออเดอร์อีกที.. จนวันหนึ่งพี่กอล์ฟก็มีงานใหญ่เข้ามา เลยชักชวนผม และเพื่อนของผม ถามว่าจะเอาด้วยไหม? ไปช่วยขนของกันหน่อย ขายได้เท่าไหร่หารเท่า.. ด้วยความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่นที่อยากหาความตื่นเต้นเข้าตัว ผมก็เลยรับคำชวน นัดวันเวลา และสถานที่กันเรียบร้อย ซึ่งสถานที่ที่พวกเราจะไปกันครั้งนี้ก็คือ โรงพยาบาลเอกชนร้างแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่! มันถูกสร้างมานานแค่ไหนผมก็ไม่รู้นะ รู้แค่ตอนผมมาอยู่ที่นี่มันก็ร้างแล้ว แต่พี่กอล์ฟบอกว่ามันร้างมาได้แค่ไม่เกิน 2 ปีเท่านั้นเอง ดังนั้นมันจึงยังมีของใช้ อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ และเฟอร์นิเจอร์เหลืออยู่มากพอสมควร พูดง่ายๆ ว่าคือขุมทรัพย์เลยทีเดียว!
พวกเรามาถึงหน้าโรงพยาบาลดังกล่าวราวๆ ตี 2 มีพี่กอล์ฟเป็นหัวโจก ผม และเพื่อนๆ ผมอีก 4 คน รวมเป็น 6 คน เอารถยนต์มาคัน รถกระบะอีกคัน กะว่าขนของกันสนุกเลยทีเดียว เป้าหมายของเราหลักๆ ในคืนนี้อยู่ที่ห้องผ่าตัดครับ พวกอุปกรณ์ และไฟผ่าตัด ซึ่งจะได้ราคาดีมากๆ โดยพี่กอล์ฟได้มาสำรวจดูของที่จะมาเอาก่อนแล้วเมื่อตอนกลางวัน โดยมียามที่เฝ้าตอนกลางวันเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด.. พอมาถึงหน้าประตู พี่กอล์ฟก็เอากุญแจที่ยามทิ้งไว้ให้ไขประตูรั้ว ซึ่งหน้าแปลกที่มันดันไขไม่ออก ลองโทรไปถามยาม เขาก็บอกว่ากุญแจไม่ผิดดอกแน่นอน พวกเราผลัดกันยืนไขกุญแจอยู่พักใหญ่จนถอดใจ กะว่าจะพังเข้าไปแทน แต่แล้ว จู่ๆ กุญแจมันก็หลุดเองครับ โซ่ที่คล้องหล่นครืดลงมากองกับพื้น ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ขับรถทั้ง 2 คันเข้าไปจอด.. สภาพภายในโรงพยาบาลมันดูวังเวง ชวนขนหัวลุกมาก หันไปทางขวาก็เป็นศาลพระพรหมใหญ่ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าขึ้นรกจนแทบมองไม่เห็นศาล บรรยากาศมันเงียบจนน่ากลัว ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าของพวกเราเองที่กำลังเดินเข้าไป..
สิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้หลังจากเหยียบเข้าไปถึงภายในตัวอาคาร คือกลิ่น! กลิ่นอับๆ ที่อบอวนทั่วไปหมด บ้างก็ได้กลิ่นของยาล้างแผล และกลิ่นแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้ รวมถึงเสียงแปลกๆ ที่ดังมาเป็นระยะๆ ‘แกร๊ก..แกร๊ก’ ซึ่งพวกเราก็พากันสงสัยว่ามันคือเสียงอะไร? แต่ก็ไม่สามารถรู้ถึงคำตอบ และที่มาของเสียงได้.. พวกเราแยกกันเดินสำรวจทั่วภายในตัวอาคาร ค่อยๆ เดินไปตามแต่ละชั้น จนมาถึงชั้น 3 ที่เป็นห้องผ่าตัดเป้าหมายของเรา พี่กอล์ฟแกเริ่มถอดชิ้นส่วนต่างๆ ของไฟผ่าตัด และอุปกรณ์อย่างชำนาญ แล้วพวกเราก็ค่อยๆ ช่วยกันขนเดินลงบันไดกันอย่างระมัดระวัง จนมาถึงชั้นล่าง ระหว่างที่กำลังเดินมาถึงประตูทางออก จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงแก่ๆ ร้อง ‘กรี๊ดดดดดด’ ดังและยาวมาก ดังมาจากไหนไม่มีใครรู้ ทุกคนได้แต่ตกใจสะดุ้งยืนนิ่งกันเป็นแถบ ส่องไฟฉายมองหน้ากันอย่างมึนๆ ตอนนั้นบอกเลยว่าผมขนลุกมาก ได้แต่กวาดไฟฉายไปมาเพื่อมองหาต้นเสียง จนไปเห็นประตูบานหนึ่งที่มันเปิดอยู่.. ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นห้องอะไร ประตูมันค่อยๆ เปิดออกมาอย่างช้าๆ ด้วยความที่มันเงียบแบบสุดๆ ทำให้ได้ยินเสียงประตูค่อยๆ ดังอย่างชัดเจน ทุกคนหันไฟฉายส่องไปที่ประตูพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วจู่ๆ ก็มีเงาแปลกๆ อยู่ที่ขอบประตู เพื่อนผมคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ขึ้นมาทันทีว่า ‘พะ พะ พวกมึงเห็นกันเปล่าวะ?’ ผมเชื่อว่าทุกคนได้ยินเสียงที่เพื่อนผมถาม แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ทุกคนได้แต่ยืนนิ่งส่องไฟฉายไปที่หน้าประตู แต่แล้วเงาที่พวกเราทุกคนเห็นก็เริ่มขยับ แล้วพุ่งตรงเข้ามาหาพวกผมอย่างรวดเร็ว ‘แง๊ววววววว!’ ผมตะโกนด่าด้วยความตกใจ ‘เชี่ยยยย!!’ หลังจากที่มีแมวดำพุ่งกระโจนใส่ผม! พวกเราพากันถอนหายใจกันเป็นแถว ก่อนที่จะหัวเราะด้วยความสนุกสนาน เฮ้อ..ที่แท้แมวนี่เอง!
แต่แค่ชั่วอึดใจ ระหว่างที่พวกเรากำลังขำกันอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียง ‘ปั้งงง!’ ดังมาก ทุกคนหันไปตามเสียงประตูบานที่แมวดำกระโจนออกมา คือประตูบานนั้นมันถูกปิดลง พร้อมกับภาพผู้หญิงแก่คนหนึ่งยืนอยู่เบื้องหลังประตู! คราวนี้ทุกคนเงียบกริบ หน้าเริ่มถอดสี จากที่หัวเราะลั่นเมื่อกี้กลับกลายเป็นความหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ ทุกคนตกใจกลัวกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ภาพของผู้หญิงแก่ ซูบผอม ผมยาวดำปนขาว เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ยืนหันหน้ามาทางพวกเรา คุณเอ๊ยยย!! ใจผมนี่แทบหล่นไปถึงตาตุ่ม ทุกคนเงียบกริบทำอะไรไม่ถูก แต่ไฟฉายทุกคนยังคงส่องไปที่ร่างของหญิงแก่น่ากลัวคนนั้น บรรยากาศตอนนั้นตึงเครียดมาก..
โปรดติดตามตอนต่อไป..
Story by คุณแอมป์ ชุติพงษ์