เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณเลิฟครับ เป็นเหตุการณ์ต่อจากเรื่อง บ้านตัวอย่าง คุณเลิฟเล่าว่า.. ช่วงนั้นผมมักสัมผัสกับสิ่งเร้นลับอยู่บ่อยๆ บางทีเจอติดๆ กันเลย ปกติแล้วผมไม่ค่อยเล่าให้ใคร หรือที่ไหนฟังมากนัก เพราะจากที่เคยเล่าไป คนอื่นก็ขำ หาว่าเป็นบ้า เพี้ยน แต่ผมเล่าที่ TheHOUSE แล้วไม่มีใครเป็นแบบนั้น ผมเลยมั่นใจที่จะเขียนเล่าประสบการณ์ของผมเรื่อยมาครับ มาต่อกันเลย..
หลังจากที่ผมย้ายออกมาจากบ้านตัวอย่างของโครงการแล้ว ก็ได้เข้ามาอยู่บ้านใหม่สักที ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า บ้านที่แม่ผมซื้อให้อยู่กับพี่สาวจะเป็นทาวน์เฮ้าส์แฝด คือบ้าน 2 หลังจะติดกัน ใช้ผนังเดียวกัน เป็นบ้านระดับกลางๆ ไม่แพงมากนัก ทีนี้หลังจากขนของเข้าบ้านเรียบร้อย ใช้ชีวิตตามปกติ พี่สาวผมไปมหาวิทยาลัย ผมก็ไปเหมือนกัน คือบ้านใหม่หลังนี้ปกติดีทุกอย่าง อยู่สบายไม่มีอะไรมารบกวน ชีวิตผมดูจะไม่วุ่นวายเหมือนก่อนหน้านี้.. ข้างบ้านผมมีผู้หญิงแก่อยู่คนหนึ่งครับ เหมือนจะเป็นคนจีน ผิวขาว ผอม หลังงอๆ ผมขอเรียกว่า อาม่า แล้วกันครับ ช่วงเวลา 2-3 ทุ่ม เวลาผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ชั้นล่าง ก็จะได้ยินเสียงอาม่าเปิดประตูบ้านออกมา แล้วเดินออกจากบ้านไป เดินไปหน้าปากซอย เคยเห็นอยู่ 2-3 ครั้ง ว่าจะลุกไปทักทายแกบ้างตามประสาเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่ทันสักที พอดึกๆ ราวเที่ยงคืนตีหนึ่ง อาม่าแกก็จะกลับเข้าบ้านมา ผมนอนได้ยินเสียงแกเปิดประตูบ้าน และเสียงแกทำอะไรกก๊อกแก๊กๆ ในบ้านของแก เสียงลากโต๊ะบ้าง เสียงล้างจาน จานแตก อะไรประมาณนี้ ผมก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไร เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้สอบ.. พอสอบเสร็จผมก็ว่างละ พี่สาวชวนไปซื้อพัดลมดูดอากาศ แบบที่มันเป็นลูกกลมๆ หมุนอยู่บนหลังคา เขาว่าติดแล้วจะทำให้บ้านเย็นลง และด้วยความประหยัด แทนที่จะจ้างช่างมาติด ผมก็ทำการติดตั้งเองซะเลย เพราะถามแล้วมันก็ไม่น่ายากอะไร
พอได้ของมาเรียบร้อย ผมก็ทำการติดตั้งเลย คือมันต้องเปิดฝ้าขึ้นไป เลาะกระเบื้องหลังคาออกแผ่นสองแผ่น แล้วเอาเจ้าตัวนี้ขึ้นไปติดตั้ง ถึงมันมีชุดสำเร็จมาให้ แต่เอาเข้าจริงก็ยากพอดู เล่นเอาลิ้นห้อยเหมือนกัน.. พอติดตั้งเรียบร้อย ด้วยความซนและอยากรู้ของผม ที่ผนังบ้านแฝดถ้าใครเคยอยู่ ลองเปิดฝ้าปีนขึ้นไปดู จะเห็นว่าผนังชั้นบนตรงหลังคามันจะใช้อิฐบล็อกเรียงแบบสลับๆ เป็นช่องโหว่ ไม่ได้เรียงชิดสนิทกัน (อาจเพราะต้องการประหยัดวัสดุ) และที่ช่องโหว่ๆ ระหว่างผนังนี่เอง ผมก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามคานบน แล้วเอาหน้าไปแนบกับผนังอิฐบล็อก พยายามมองลงไปยังบ้านอาม่า คือผมอยากรู้ว่า อาม่าแกอยู่ยังไงคนเดียว หรือว่ามีใครอยู่ในบ้านด้วยอีกไหม? และด้วยความบังเอิญ ฝ้าในห้องบ้านอาม่ามันดันหลุดอยู่ก่อนแล้วหลายแผ่นเลย ทำให้ผมมองลงไปเห็น มันเป็นห้องห้องหนึ่งคล้ายๆ ห้องนอนนะ ผมเดา เพราะผมเห็นปลายขอบเตียง ถึงแม้ในห้องนั้นมันจะมืด แต่ก็พอเห็นได้ลางๆ และดูเหมือนห้องนั้นจะรกมากด้วย มีเศษฝ้าที่ตกลงไปแตกอยู่กับพื้นด้วย ผมคิดว่าอาม่าแกอาจจะไม่ได้นอนข้างบนแล้วล่ะ เพราะขึ้นไม่ไหว คงนอนอยู่ชั้นล่าง เลยปล่อยให้ห้องข้างบนรกร้างแบบนี้.. แล้วเสียงพี่สาวก็ตะโกนเรียกให้ผมลงมากินข้าว ผมก็เลยต้องลงไป.. หลังจากวันนั้นผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ ยังคงได้ยินเสียงอาม่าเปิดประตูออกจากบ้านตอน 2-3 ทุ่ม แล้วกลับเข้ามาตอนเที่ยงคืนตีหนึ่งเป็นประจำ จนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับผม
จนมาวันหนึ่ง ผมออกไปกินเหล้ากับเพื่อน กลับเข้ามาบ้านเกือบเที่ยงคืน พอลงจากรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างกำลังจะไขประตูรั้วเข้าบ้าน หางตาผมก็เหลือบไปเห็นอาม่าเข้าพอดี แกก็กำลังจะเข้าบ้านเหมือนกัน ได้การล่ะ วันนี้ลองทักทายอาม่าสักหน่อย ผมคิดในใจก่อนจะเดินไปหาแก ผมยกมือไหว้กล่าวสวัสดีแกไป แต่อาม่ากลับไม่ตอบผม แกยังคงพยายามไขกุญแจประตูรั้วเพื่อจะเข้าบ้าน ผมก็เอ่ยสวัสดีไปอีกครั้ง.. คราวนี้ได้ผลครับ แกหยุดไขกุญแจแล้วค่อยๆ ยืดตัวมามองที่ผม สายตาที่อาม่ามองมาที่ผม ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ หน้าตอบๆ ตาดุๆ ผมสีขาวโพลนยุ่งเหยิงปลกลงมาที่หน้า ทำให้ผมตกใจไปนิดนึง ผมเริ่มถามอาม่าว่า ‘ไปไหนมาครับ เห็นออกไปค่ำๆ ทุกวันเลย ผมอยู่บ้านข้างๆ นะครับ มีอะไรเรียกใช้ผมได้ครับ..’ แต่อาม่าก็ไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้า แล้วหันไปไขประตูรั้วต่อ ส่วนผมก็เริ่มมึนๆ ด้วยฤทธิ์เหล้า เลยขี้เกียจสนทนาต่อ เพราะดูท่าทางอาม่าก็ไม่ได้สนใจผมเลย ผมเลยเดินผละมาไขประตูรั้วเข้าบ้าน พอหันไปอีกทีก็ไม่เห็นอาม่าละ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวเข้านอน.. ขณะกำลังเคลิ้มๆ ผมก็ได้ยินเสียงแก้วหรือจานแตก ดังมาจากบ้านอาม่า ผมพยายามเงี่ยหูฟัง ก็มีเสียงของล้ม เสียงปึงปังๆ เสียงอะไรไม่รู้กระแทกผนัง ตึงๆๆ อยู่หลายครั้ง ดังมากด้วยนะ ผมเลยแปลกใจ ก็อาม่าแกอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ? แล้วแกทำอะไรเสียงดังกลางค่ำกลางคืน ผมพยายามตัดความสงสัยทิ้ง ข่มตานอนต่อ แต่เสียง ตึงๆๆ ที่ผนังมันดังตลอดเวลาเลย ด้วยความเมาผมเลยเกิดความรำคาญ ผมกำมือแล้วทุบกลับไปที่ผนังหลายครั้งอยู่เหมือนกัน เพื่อที่จะให้ฝั่งอาม่าได้ยินบ้าง ทุบไปหลายครั้งจนเสียงนั้นเงียบลงไป ผมถึงจะหลับลงได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมออกไปหาอะไรกินในหมู่บ้าน ก็ไปนั่งกินข้าวแกงเจ้าประจำ แล้วผมก็เล่าให้ป้าร้านข้าวแกงฟังว่า ‘เมื่อคืนอาม่าข้างบ้านเป็นอะไรไม่รู้ โวยวาย ทำแก้วแตก ทำของล้มเสียงดัง แถมยังมาทุบผนังตึงๆ เล่นเอาผมนอนไม่หลับเลย..’ ป้าร้านข้าวแกฟังแล้วถามผมว่า ‘อะไรนะ อาม่าไหน?’ ผมก็บอกไป ‘อาม่าข้างบ้านผมไง คนจีนหลังค่อมๆ ตัวเล็กๆ’ ป้าร้านข้าวแกงได้ยินถึงกับตาเหลือก รีบเรียกลุงสามีแกออกมา แล้วบอกว่า ‘ไอ้หนุ่มนี่โดนเข้าแล้ว!’ ผมก็งงสิ ‘อะไรป้า โดนอะไร?’ แล้วลุงสามีป้าแกก็เล่าให้ฟังว่า ‘นี่ไม่รู้เลยเหรอ ข้างบ้านเราน่ะไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ไม่ได้สังเกตเลยเหรอ? เมื่อก่อนน่ะมีอาม่าอยู่กับลูกชายติดยา ลูกชายไม่ทำงานทำการอะไรเลยเล่นแต่ยา อาม่าแกต้องออกไปรับจ้างล้างจานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าหมู่บ้าน กลับดึกๆ ดื่นๆ ต่อมาลูกชายแกเกิดคลั่งยา ทะเลาะกันแล้วจับหัวอาม่าโขกกับกำแพงบ้านจนกระโหลกแตก สมองกระจาย ตายคาบ้านเลย แรกๆ ที่อาม่าแกตายใหม่ๆ มีคนเห็นแกยืนอยู่หน้าบ้านประจำ จนพวกวินมอเตอร์ไซค์ไม่กล้าเข้ามาส่งคนในซอยนี้ไปพักใหญ่ ..นี่เราเพิ่งมาอยู่ใหม่เหรอ?’ ลุงปิดท้ายด้วยคำถามกับผม ผมอึ้งไปพักนึง ข้าวนี่กินไม่ลงละ
จากนั้นผมก็เดินมึนกลับมาที่บ้าน ขนนี่ลุกตลอดเวลา พอมาถึงหน้าบ้าน ผมก็เพิ่งจะสังเกตดีๆ วันนี้เอง ว่าบ้านอาม่าแกน่าจะร้างมานานแล้ว ฝุ่นจับหน้าต่างประตูบ้านหนาเตอะ มีต้นหญ้าขึ้นรอบๆ ขอบรั้วบ้าน ที่กล่องจดหมายก็มีจดหมายเสียบอยู่แน่นเหมือนบ้านร้างไม่มีคนสนใจ ผมรีบไขประตูเข้าบ้านขึ้นห้องทันที ใช้เวลารวบรวมสติ แล้วโทรไปเล่าทุกอย่างให้แม่ผมฟัง โชคดีที่แม่ผมเป็นคนเชื่อเรื่องแบบนี้ แม่เลยบอก งั้นให้ไปอยู่หอแถวมหาวิทยาลัยก่อน ทำใจได้ค่อยกลับมาอยู่ จากนั้นผมก็เล่าให้พี่สาวฟังอีกคน สรุปว่าเราสองคนรีบเก็บข้าวของออกจากบ้านวันนั้นเลยครับ ต้องไปหาห้องเช่าอยู่ใหม่ แล้วปิดบ้านทิ้งไว้อย่างนั้น..
Story by คุณเลิฟ