เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณมุกมิกครับ คุณมุกมิกเล่าว่า.. สมัยเราเรียนอยู่ ม.1 เรากับยายสนิทกันมาก ยายอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนเราอยู่จังหวัดอ่างทอง ทุกๆ ปีจะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ แต่ช่วงหลังๆ เราเริ่มเรียนหนัก เลยไม่ค่อยได้ไป จะมีแต่แม่เราที่ยังไปหายายอยู่ประจำ แต่แล้ววันหนึ่งยายก็ล้มป่วยค่ะ แม่พายายไปโรงพยาบาล ถึงได้รู้ว่ายายเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แม่รีบกลับบ้านมาบอกข่าวเรา แล้วเก็บเสื้อผ้าเพื่อไปอยู่ดูแลยายที่ร้อยเอ็ด เรารู้ข่าวก็ตกใจมาก อยากจะไปหายาย แต่ติดตรงที่ว่าเราจะมีสอบสัปดาห์หน้า ซึ่งพ่อบอกเราว่า ไว้สอบเสร็จก่อนค่อยไปเยี่ยม ระหว่างนั้นเราก็โทรคุยกับยายแทบทุกวัน บอกรักยายทุกวัน เราเคยพูดว่า ‘อยากให้ยายลูบหัวให้เวลานอนอีกจัง..’ ยายได้ฟังถึงกับร้องไห้ออกมาเลย จนแม่นึกว่าเราพูดอะไรไม่ดีกับยายเข้า

จนมาถึงวันสอบวันสุดท้าย เรากลับบ้านมารีบเก็บเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวไปหายายในวันรุ่งขึ้น และคืนนั้นเอง เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ เราก็ได้กลิ่นธูปค่ะ ในใจก็คิดว่าสงสัยพ่อคงจะจุดธูปไหว้พระ เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางเลยให้พระคุ้มครอง ก็ไม่ได้คิดอะไร.. เรานอนจนไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน และเราก็ฝันค่ะ ฝันว่ายายมาพาเราไปที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีแต่คนใส่ชุดดำ ยายพาเราเข้าไปในบ้าน กลางบ้านมีโลงศพตั้งอยู่ เราคุกเข่าก้มลงกราบ และเงยหน้าขึ้นมองรูปหน้าศพ แต่มันคือรูปยายเราเอง! เราหันไปหายายอีกที แต่ยายกลับไม่อยู่แล้ว.. สักพัก พ่อก็มาเคาะประตู จังหวะเดียวกับที่เราสะดุ้งตื่น พ่อเราตะโกนเข้ามาว่า ‘ยายเสียแล้วนะลูก’ เราก็ตอบเสียงเรียบๆ ไปว่า ‘อื้อ..รู้แล้ว’ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป พ่อเราก็ทำหน้างงๆ ถามเราว่า ‘รู้ได้ยังไง?’ เราก็ตอบพ่อไปว่า ‘หนูฝัน’

ระหว่างทางจากอ่างทองไปร้อยเอ็ด เราได้กลิ่นธูปตลอดเวลา ในใจก็นึกอยากให้ถึงบ้านยายเร็วๆ พอถึงร้อยเอ็ดเวลาราวๆ 2 ทุ่ม เราก็ลงจากรถไปกราบยายทันที จากนั้นแม่ให้เรากินข้าว อาบน้ำ และเอาข้าวของไปเก็บที่บ้านพี่สาวข้างๆ บ้านยาย เรารีบกินข้าว และเอากระเป๋าไปเก็บตามที่แม่บอก แล้วเราก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนแม่เราน่าจะตามมาจัดของอยู่ข้างนอก เพราะเราได้ยินเสียง ‘ก่อกแก่กๆ’ อยู่ พออาบน้ำเสร็จ เรารู้สึกเพลียมากเลยขอตัวนอนก่อน ภาพสุดท้ายที่เห็นก็คือแม่ยืนหันหลังจัดเสื้อผ้าใส่ตู้อยู่ เราก็มองแม่อยู่อย่างนั้นสักพักจนหลับไป ..หลับไปยังไม่เท่าไหร่ เราก็รู้สึกว่าเตียงมันยวบลง เหมือนมีคนนั่งลง เราก็คิดว่าแม่คงจะมานอนพักล่ะมั้ง? แล้วตอนนั้นเราก็ได้กลิ่นธูปอ่อนๆ โชยมาอีกละ พร้อมกับรู้สึกได้ว่ามีมือมาลูบหัวเรา เราก็เรียกทั้งๆ ที่ไม่ได้ลืมตาว่า ‘แม่..’ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เราเลยลืมตาดู คือเห้ย!! ไม่มีใครอยู่เลย! เราเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งดูรอบๆ ห้อง คือไม่มีใครอยู่เลยจริงๆ ขนลุกวาบขึ้นมาเลยค่ะ แต่ในใจก็คิด ‘ยายคงมาหาเรานั่นล่ะ..’ แต่ถึงจะเป็นยาย อยู่คนเดียวแบบนั้นเราก็กลัวอยู่ดี เราเลยรีบวิ่งไปที่งานศพ เราถามแม่ว่า ‘แม่ออกมาจากบ้านพี่ตอนไหน?’ แม่บอกว่า ‘ก็ออกมาตอนหนูอาบน้ำน่ะ..’ เราก็เงิบสิคะ คือมันไม่ใช่ละ ก็ก่อนนอนเรายังเห็นแม่จัดเสื้อผ้าอยู่ในห้องเลย เราเล่าให้แม่ฟังไปน้ำตาก็ไหลไป จนญาติๆ เราเดินเข้ามาปลอบ บอกว่า ‘ไม่ต้องกลัวนะ ยายเขาคงจะมาหาหนูนั่นล่ะ เพราะก่อนยายจะเสีย ยายเอาแต่ถามถึงหนูตลอดเลย ว่าเมื่อไหร่หนูจะมา ยายอยากเจอหนูเป็นครั้งสุดท้าย แต่ยายก็รอไม่ไหว..’ ได้ยินแบบนั้นเราก็ทั้งกลัว ทั้งเศร้าปนกันอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ คิดๆ อีกทีคนที่มาจัดเสื้อผ้าอาจจะเป็นยายจริงๆ ก็ได้ เพราะยายกับแม่ถ้ามองจากข้างหลังนี่เหมือนกันมากๆ

จากนั้นเราก็นั่งอยู่ในงานตลอดเลยค่ะ ง่วงแค่ไหนก็ไม่นอน อยู่รอพ่อกับแม่จนเสร็จ.. แต่หลังจากวันนั้น เราก็ไม่ได้เจออะไรอีกเลยนะ แต่คนอื่นๆ ในงานส่วนใหญ่เจอกันหมด เรียกได้ว่ายายไปลาลูกหลานครบทุกคนจริงๆ ค่ะ ทุกวันนี้เราก็ยังคิดถึงยาย และเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับยายในช่วงเวลาสุดท้าย รัก และ คิดถึงยายเสมอ..

Story by คุณมุกมิก

ความคิดเห็น