เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณซันครับ คุณซันเล่าว่า.. ผมอยู่จังหวัดขอนแก่นครับ เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้ผมหยุดงานครับ คืนนั้น เพื่อนผมคนหนึ่งมันก็โทรมาชวนผมไปหาอะไรดื่มกัน ผมก็ตกลงไป โดยที่นัด ไอ้เอ็ม เพื่อนอีกคนหนึ่งให้ไปตามไปทีหลัง เพราะมันยังไม่เลิกงาน ผมกับเพื่อนคนแรกดื่มกินกันไปจนกระทั่งราวเที่ยงคืนได้ พนักงานร้านก็มาแจ้งว่าจะปิดร้านแล้ว ผมเลยโทรไปหาไอ้เอ็มบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว ร้านจะปิด มันก็โอเคๆ แต่สักพัก มันโทรกลับมาหาผมบอกว่า ‘มารับกูกลับบ้านหน่อย ทำกุญแจรถหายว่ะ..’ ผมก็โอเค เตรียมตัวออกจากร้านไปรับมัน แล้วบอกเพื่อนอีกคนให้กลับก่อนเลย
ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับไอ้เอ็ม ผมตอนนั้นสาบานได้เลยว่าไม่ได้เมา เพราะดื่มไปแค่ 2 แก้ว นั่งกินข้าวคุยกันซะส่วนใหญ่.. จนขี่มาถึงหน้าหมู่บ้านของไอ้เอ็ม มันจะมีป้อมยามเหมือนหมู่บ้านทั่วไป ที่มีอะไรมากั้นไว้ ขี่ไปถึงยาม ยามก็จะเลื่อนออกให้ ยามจำเพื่อนผมได้ก็เลยทัก ‘อ้าวเอ็ม วันนี้ให้ใครมาส่ง แล้วรถไปไหน?’ ไอ้เอ็มก็บอก ‘กุญแจหายพี่..’ ก็เออๆ กันตามปกติ แล้วผมก็ขี่เข้ามาต่อ ทางในหมู่บ้านมันจะเป็นทางยาวๆ ไปเรื่อยๆ มีซอยย่อยๆ ให้เลี้ยวเฉพาะทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือจะเป็นป่า มีม้านั่งรอรถบ้าง และมีลูกระนาดแทบตลอดทาง.. ผมขี่ไปได้สักพักก็ไปเจอคนนั่งอยู่ที่ม้านั่ง เป็นผู้หญิงหันข้างให้ ผมก็เลยทักขี้นมาลอยๆ ‘ใครวะ แม่งมานั่งคุยโทรศัพท์คนเดียวดึกๆ มืดๆ ยุงไม่กัดตายห่า..’ ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด ไอ้เอ็มมันก็ตีแขนผม แล้วบอกว่า ‘เลี้ยวซ้ายนี่แหละ’ ตอนนั้นผมก็ไม่คิดอะไร นึกว่ามันกลัวผมขี่เลยซอยเฉยๆ
พอไปส่งไอ้เอ็มถึงหน้าบ้าน มันลงจากรถแล้วบอกผมว่า ‘ขี่กลับดีๆ นะมึง เจออะไรก็ไม่ต้องไปพูด ไม่ต้องไปสนใจ..’ แล้วผมก็ขี่รถจากบ้านมันเลี้ยวกลับออกมาทางเดิมที่จะไปป้อมยาม จนขี่มาถึงม้านั่งตัวเดิม แต่ก็ไม่เจอใครแล้ว.. จังหวะนั้นรถผมขึ้นลูกระนาดพอดี อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ารถผมยุบลงแรงกว่าปกติอย่างชัดเจน แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนมาถึงป้อมยาม ยามก็ออกมามาเลื่อนที่กั้นให้ ผมก็ยิ้มให้เขา แต่เขากลับไม่มองผม สายตาเขามองเลยผมไปด้านหลังและเหลือกขึ้นสูง ผมก็งงว่ายามเขามองอะไร? พอผมขี่ผ่านไปป้อมยามไปได้สักหน่อย ผมก็มองกระจกหลังกลับไปที่ป้อมยาม เห็นยามยังคงมองตามมาที่รถผม แล้วพนมมือไหว้.. ผมก็งงสิครับ ไหว้ผมเหรอ? มารยาทดีไปไหม?
ผมขี่ไปจนถึงเซเว่น ก็จอดแวะลงไปซื้อน้ำกิน จังหวะที่ผมลงจากรถ ผมสังเกตเห็นว่ามีรอยเท้าที่เบาะนั่งด้านหลังผมครับ เป็นคราบฝุ่นๆ แป้งๆ รูปเท้าแบบเห็นนิ้วโป้ง นิ้วก้อย เป็นลักษณะเท้าชัดมาก แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ รีบปัดออกไปก่อน ตอนนั้นผมเริ่มกลัวละ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่า ผมโดนอะไรบางอย่างตามมา.. ประกอบกับหมา 4 ตัวที่หน้าปากซอยบ้านผม ซึ่งผมสนิทกับพวกมัน จะเรียกตลอดเวลาที่ขี่รถผ่านก่อนเข้าบ้าน แต่คืนนั้นพวกมันเห็นผมมา มันเห่าแบบจะเป็นจะตายเลย เห่าแบบเหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ที่ทำเอาผมสั่นเลยก็คือ ไอ้โหน่งหมาตัวโปรดผม มันวิ่งมาเห่าตรงที่คนซ้อนครับ เห่าเหมือนมันเห็นอะไร ผมเรียกยังไงมันก็ไม่หยุด ผมเลยรีบบิดสุดชีวิตเข้าบ้าน
พอขี้นบ้านได้ ผมไม่อาบน้ำละครับ สวดมนต์ เข้านอนทันที จนภรรยาผมถาม ‘ตัวเองสวดมนต์ไหว้พระด้วยเหรอวันนี้?’ (คือปกติผมไม่เคยสวดมนต์ก่อนนอนครับ) ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หลับไปเลย.. แล้วคืนนั้นผมฝันครับ ฝันว่าผมลุกไปฉี่ที่ห้องน้ำในบ้านผม ด้วยความเคยชินผมจะเป็นคนไม่ชอบเปิดไฟห้องน้ำ ไปถึงก็ยืนฉี่เลย ตามปกติมันจะมีเสียงฉี่เวลามันกระทบน้ำ แต่คราวนี้เสียงมันเงียบกริบครับ จนตาผมเริ่มมองเห็นเป็นลางๆ ว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่ที่ชักโครก! หน้าตาน่ากลัวมาก เธอลุกขี้นมาชี้หน้าผมว่า ‘มึงทักกูทำไม!!’ จนผมตกใจสะดุ้งตื่น ขนลุกทั้งๆ ที่เหงื่อไหลเต็มตัว จับไข้เลยครับ
หลังจากวันนั้นไม่กี่วัน ไอ้เอ็มมันก็โทรมาหาผม มันถามผมว่า ‘เป็นไงบ้างวะ ยังโอเคไหม?’ ผมก็ถามว่าโอเคเรื่องอะไรวะ? มันเลยเล่าให้ผมฟังว่า ‘กูขี่รถผ่านป้อมยาม ยามเขามาถามกูว่าเพื่อนเป็นยังไงบ้าง ยังอยู่ดีไหม? กูก็งงถามว่ามีอะไร? ยามเลยบอกว่า คืนนั้นหลังจากมึงมาส่งกูเสร็จ ตอนมึงขี่รถออกไป ยามแม่งเห็นมีผู้หญิงยืนอยู่ที่เบาะหลังมึง!’ เท่านั้นแหละ ผมรีบไปวัดทำบุญรดน้ำมนต์ยกใหญ่เลยครับ ต่อไปเห็นอะไรน่าสงสัยตอนกลางคืน ผมจะไม่กล้าทักอีกแล้ว..
Story by คุณซัน