เรื่องนี้เป็นเรื่องจากคุณ Mam Naruporn สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ เรื่องมีอยู่ว่า.. ย้อนกลับไปเมื่อตอนเราอายุได้ 13-14 ปี สมัยนั้นเราเรียนที่กรุงเทพฯ ค่ะ ทุกวันศุกร์เราจะต้องเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปโรงเรียนด้วย เพราะหลังเลิกเรียน เราจะนั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปบ้านย่าที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ วันนั้นเราไปถึงสุพรรณบุรีประมาณ 4-5 โมงเย็น ตามภาษาเด็กซน พอไปถึงก็โยนกระเป๋าแล้วคว้าจักรยาน ปั่นไปเล่นน้ำที่คลองชลประทานกับพวกเพื่อนๆ พอโพล้เพล้ เราก็ขี่จักรยานกลับบ้าน ระหว่างทาง ตรงคอสะพานข้ามคลองชลประทาน เราขี่ลงหลุม ทำให้โซ่จักรยานหลุด บรรยากาศตอนนั้นเริ่มมืดละ เราก็ก้มๆ เงยๆ พยายามใส่โซ่จักรยานเข้าที่ แต่วันนั้นไม่รู้ทำไมมันใส่ยากจัง เราลองมองไปรอบตัว ก็ไม่มีคนเดินหรือขี่รถผ่านมาเลย คิดในใจ ‘ทำไงดีวะ?’ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาใส่โซ่รถจักรยานต่อไป

ทีนี้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตัดผมหน้าม้า ผิวขาว เดินมาจากไหนไม่รู้ มานั่งใกล้ๆ และถามเราว่า ‘พี่ๆ รถเป็นอะไรคะ?’ เสียงนั้นทำเอาเราตกใจมาก เพราะเมื่อกี้ก็มองไปรอบๆ แล้ว คือมันมืดไปหมด ไม่มีบ้านคน มีแต่ป่ายูคาลิปตัส แล้วน้องเขาเข้ามานั่งตอนไหน? น้องคนนั้นขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ เราอีก ตรงล้อหลังของรถจักรยาน ก้มหน้ามองโซ่ในมืดเรา จนเราใส่โซ่ได้สำเร็จ เราก็ลุกขึ้นยืน แล้วบอกกับน้องคนนั้นว่า ‘พี่กลับบ้านแล้วนะ แล้วบ้านน้องอยู่ไหนล่ะ ทำไมมาเดินคนเดียว มันมืดแล้ว..’ น้องคนนั้นชี้มือไปที่คลองชลประทาน เราเลยคิดว่าบ้านน้องเขาคงอยู่ฝั่งโน้นล่ะมั้ง แต่มองไปก็ไม่เห็นมีไฟนะ? แล้วน้องก็ถามเราว่า ‘พี่ หนูขอไปเที่ยวบ้านพี่ได้ไหม? หนูขอไปอยู่ด้วยนะ’ เราก็ตอบไปว่า ‘ไปไม่ได้ บ้านพี่อยู่กรุงเทพฯ มันไกล นี่พี่มาเที่ยวบ้านย่า เดี๋ยววันอาทิตย์พี่ก็กลับแล้ว..’ แต่น้องผู้หญิงคนนั้นก็ยังบอกว่า ‘นั่นแหละ พี่ไปไหนหนูก็ไปกับพี่นะ’ เราก็บอกว่า ‘ไม่ได้ๆ ย่าของพี่ดุมาก เขาไม่ให้ใครเข้าบ้าน เอาเป็นว่า ไว้อาทิตย์หน้าค่อยมาเล่นน้ำกับพวกพี่นะ ไปล่ะ..’ แล้วเราก็ตัดบทขี่จักรยานออกมาเลย แต่ไปได้นิดเดียวเราก็หันไปจะมองหน้าน้องเขาอีกที แต่ว่าน้องเขาหายไปแล้ว.. เราพยายามมองไปรอบๆ ว่าน้องเขาเดินไปทางไหน แต่มองหายังไงก็ไม่เจอ..

พอเราขี่จักรยานไปถึงบ้าน ก็เล่าเรื่องเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ย่าเราให้ฟัง แต่ย่าเรากลับเงียบ ไม่ถามอะไรต่อสักคำ แค่พยักหน้ารับเท่านั้น.. จนตอนเช้า ย่ามาปลุกเราไปใส่บาตรที่หน้าบ้าน ซึ่งปกติย่าเราจะไม่เคยเรียก จะปล่อยให้นอนไป ถึงเราจะแปลกใจ แต่ก็ไปอาบน้ำ เตรียมตัวรอพระมาบิณฑบาต.. จนมาถึงตอนเที่ยงของวันอาทิตย์ ที่เราจะต้องขึ้นรถกลับไปกรุงเทพฯ เราหิ้วกระเป๋าเดินไปท่ารถทัวร์ที่ตลาด ซึ่งระยะทางไกลพอสมควร สมัยนั้นไม่มีวินมอเตอร์ไซค์ ต้องเดินเอากระเป๋าบังแดดไปเอง เราเดินมาจนถึงสะพานข้ามคลองชลประทาน มองไปเห็นคน 4-5 คน และพระสงฆ์ 1 รูป กำลังจัดเตรียมกับข้าว ขนมคาวหวาน ใส่กระทงจุดธูปปัก แล้วเราก็ต้องตกใจ เมื่อไปเห็นรูปภาพใส่กรอบที่วางอยู่ข้างๆ เราตาไม่ฝาดแน่นอน มันเป็นรูปของเด็กผู้หญิงคนเมื่อวาน ที่มาขอตามเราไปเที่ยวบ้าน แล้วในหัวเราก็นึกถึงเสียงน้องที่บอกว่า ‘พี่ไปไหนหนูไปด้วยนะ..’ เท่านั้นล่ะ เราหยุดเดิน แล้วตรงเข้าไปถามคนเหล่านั้นว่า ‘ทำอะไรกันอยู่คะ?’ พวกเขาหันมาแล้วบอกเราว่า เมื่อวันก่อน ลูกสาวของเขามาเล่นน้ำที่คลองนี้แล้วจมน้ำตาย ศพไหลตามน้ำมาแล้วมาติดอยู่ตรงนี้ เลยต้องมาทำพิธีเชิญวิญญาณกลับบ้าน.. พอเราได้ยินเท่านั้นล่ะ เรายกมือไหว้ทันที แล้วรีบเดินต่อไปที่ท่ารถทัวร์อย่างไว.. ตอนนั่งรถก็คิดมาตลอดทางว่า น้องคนนั้นที่เราคุยด้วยไม่ใช่คน.. พร้อมกับด่าตัวเองในใจ ‘อีบ้า มึงคุยกับผีเหรอเนี่ย?’ แล้วก็คิดอีกว่า ถ้าตอนนั้นเราตกลงให้น้องเขามาเที่ยวที่บ้านย่าด้วย ..จะเกิดอะไรขึ้น?

ตั้งแต่นั้นมา เวลาไปบ้านย่าที่สุพรรณบุรี เวลาโพล้เพล้เราจะไม่กล้าออกไปเล่นไกลบ้านอีกเลยค่ะ

Story by Mam Naruporn

ความคิดเห็น