เรื่องนี้มาจากคุณ เทวะ ดำ สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณ เทวะดำ เล่าว่า.. เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วครับ ผมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ก็มักจะมีการประท้วงโบนัสกันเกือบทุกปี แต่ในด้านดีๆ ก็คือจะมีการออกค่ายอาสาอยู่เป็นประจำ ในส่วนของการประท้วง ผมจะไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเขาสักเท่าไหร่ สู้เอาเวลาตรงนั้นมานั่งแช่งเมียที่ห้องดีกว่าอีก แต่ถ้าเป็นการออกค่ายอาสา ผมจะไปทุกปี เพราะผมเป็นคนหน้าตาดี นิสัยดี จิตใจดี ชอบทำความดี.. ตอนนั้นใกล้ถึงวันออกค่าย ผมจึงไปตัดผมใหม่เพื่อให้ตัวเองดูสะอาดเรียบร้อย พอกลับมาถึงห้องเมียผมยังชมผมเลยว่า ‘ตัดผมแล้วหล่อเหมือนซีอุยเลย’ แล้วพอถึงวันเข้าค่าย ผมกับเมียจะต้องนั่งรถไปกับ พี่เก่ง ตอนแรกว่าจะเอารถผมไปเอง แต่ว่าไม่น่าจะเสี่ยง เพราะแค่แมลงบินชนกระจกเครื่องแม่งก็ดับแล้ว เราออกเดินทางกันตอนเที่ยงคืน กะว่าจะไปถึงนั่นเช้าพอดี แต่ผมกลัวว่าถ้าให้พี่เก่งขับ เราจะไปถึงเช้าของอีกวันหนึ่งแทน เพราะแกขับรถเร็วกว่ายายปั่นจักรยานนิดเดียว ผมจึงต้องขับเองครับ พอไปถึงก็เช้าพอดี พวกพี่ๆ ที่ไปถึงก่อนเห็นผมมาก็เดินเข้ามาทักผม ‘มาแล้วหรอ ณเดช?’ ผมก็ตอบไปว่า ‘ทักผิดคนแล้วพี่ ผมมาริโอ้ต่างหาก..’ แล้วเราก็บำเพ็ญประโยชน์กันทั้งวัน จนถึงตอนเย็น ก็จะมีการทำกิจกรรมรอบกองไฟกัน ผมจึงพาเมียผมเดินโชว์หนังหน้าสักหน่อย จนไปเจอพี่เก่งกับพี่ออมเมียแก ผมจึงเบรคตีนเพื่อคุยกับแก แล้วแกก็ชวนผมกับเมียไปเที่ยวทะเลด้วย แกบอกว่า ลองนึกภาพดูว่า ถ้าให้บรรดาเมียๆ ใส่ชุดว่ายน้ำเล่นบอลชายหาดมันจะซี๊ดขนาดไหน ผมเอานิ้วชี้จกปากตัวเอง ทำตามองบนแล้วนึกภาพตาม.. ภาพที่แล่นเข้ามาในหัวถึงกับทำให้ผมอุทานออกมา ‘เชี่ย! ฝูงปลาพะยูนเล่นบอลชายหาด..’ ผมจึงปฏิเสธแกไปแล้วเดินออกมา..

จนถึงเวลา 1 ทุ่มความสยองก็เริ่มก่อตัว กิจกรรมรอบกองไฟนั่นคือการจับกลุ่มเล่าเรื่องผี โดยตัดสินจากผลโหวต ใครเล่าได้น่ากลัวที่สุด จะได้รับรางวัลจากท่านประธานเป็นเงิน 300 บาท (น้ำตาจะไหล) โดยกลุ่มผมส่ง พี่ก็อต ออกไปเล่า ก่อนจะเล่าแกขึ้นต้นว่า ‘กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..’ พร้อมกับเอามือขยับแว่นตานิดหนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างโรคจิตแล้วเล่าต่อว่า..

เมื่อสมัยผมเด็กๆ ช่วงที่ไปเข้าค่ายพักแรม รู้สึกว่าจะเป็นตอน ป.5 โดยครั้งนั้นได้ไปพักแรมในป่าซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านเกือบ 5 กิโลเมตร.. ‘ตอนเข้าค่ายพักแรมคุณนึกถึงอะไรกัน?’ พี่ก็อตแกตั้งคำถามพร้อมเว้นระยะให้คนฟังคิดตาม ผมลองนึกภาพตาม ถ้าไม่ขโมยกินต้มไก่ของกลุ่มอื่น ก็เเอบดูผู้หญิงอาบน้ำแค่นั้นล่ะครับ ผมนึกตามแล้วยิ้มอย่างมีความสุข.. พี่ก็อตเล่าต่อว่า ตอนนั้นอยู่ๆ เพื่อนของผมคนหนึ่งมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง จนลงไปนอนดิ้น นอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดทรมาน หลังจากเข้าป่าไปหาฟืนมาก่อไฟ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นช่วงกลางวันอยู่ พวกครูจึงพาเพื่อนคนนั้นมาที่เต๊นท์พักของครูเพื่อปฐมพยาบาล แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงเตรียมตัวจะส่งไปโรงพยาบาล แต่จู่ๆ เพื่อนคนนั้นก็ลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับบอกว่า ‘กูไม่ไป กูจะอยู่ที่นี่ กูหิว กูจะกินมัน แค่คนเดียวแล้วกูก็จะไป..’ เล่าถึงตรงนี้พี่ก็อตแกเล่นตะเบ็งเสียงซะแรง พร้อมกับทำตาเหลือกเหมือนกับคนไทยเจอไซส์ฝรั่ง เล่นเอาผมต้องขมิบรูตรูดตามด้วยความตกใจ แกเล่าต่อว่า เมื่อเห็นท่าไม่ดี จึงให้คนไปตามหมอธรรมในหมู่บ้านออกมาดู ประมาณว่าเป็นหมอด้านไสยศาสตร์น่ะครับ ซึ่งระหว่างรอ พวกครูก็ได้พยายามเจรจา ถามว่าเป็นใครมาจากไหน? มาทำเด็กทำไม? แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับอะไรเลย พูดแค่ว่า ‘กูหิวๆ’

สักพักเพื่อนผมก็มีอาการชัก ตาเหลือก แล้วอ้วกออกมาปนเลือด หมอธรรมที่มาถึงพอดี แกรีบท่องคาถาแล้วเป่าน้ำมนต์ใส่ แต่ก็ยังไม่หาย แกจึงหยิบเหมือนว่านอะไรสักอย่างออกมาจากย่าม แล้วแปะตรงหน้าผาก เพื่อนผมคนนั้นร้องโหยหวนทันที พร้อมกับหมดแรงนั่งลง แต่ยังลืมตาอยู่ แล้วพี่ก็อตก็ถามคนฟังต่อว่า ‘เชื่อเรื่องผีปอบไหม?’ สาบานกับหลอดไฟเลยครับ ผมเชื่อแน่นอน! เพราะผมเคยเห็นมาแล้ว ไม่ว่าจะยัดจะแดกอะไรลงไปในท้อง แม่งหายหมด แป๊บเดียวเท่านั้น ไม่นานก็บ่นหิวอีก ถ้าไม่ใช่ปอบ ก็ต้องเป็นปลิงควายแน่นอนที่อยู่ในท้องเมียผม.. พี่ก็อตเล่าต่อทันทีว่า เพื่อนของผมถึงแม้จะไม่อาละวาดโวยวายแล้ว แต่ก็ยังนั่งตาขวาง นั่งพูดนั่งบ่นอยู่คนเดียว สุดท้ายจึงต้องพาไปวัดเพื่อหาหลวงพ่อ พอไปถึงหลวงพ่อก็พูดออกมาว่า ‘ไม่ทันแล้วล่ะ ถึงแม้จะไล่มันออกไปได้ แต่เด็กคงไม่รอดแล้ว เพราะข้างในถูกกินจนหมดแล้ว..’ ได้ฟังแบบนั้น พ่อแม่เด็กถึงกับร้องไห้โฮ ขอร้องให้หลวงพ่อช่วยไล่ผีปอบออกไป ด้วยความหวังอันริบหรี่ สุดท้ายหลวงพ่อก็ทำพิธีร่วมกับพระอีกรูปหนึ่ง ที่แกเรียนวิชาอาคมมาจากเขมร ทำพิธีกันอยู่นาน สุดท้ายผีปอบก็ยอมออกไป แต่ก็สายเกินแก้ครับ เพื่อนผมมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 3 ชั่วโมงก็สิ้นใจ เพราะข้างในโดนกินจนเละหมดแล้ว..

เรื่องเหมือนจะจบแค่นั้นแต่ยังไม่จบครับ.. หลังจากนั้นไม่นาน หมู่บ้านผมก็เริ่มมีคนตายติดต่อกันบ่อยๆ จนคนเริ่มผวา เลยตกลงกันว่าจะทำพิธีไล่ปอบ แต่ต้องหาคนที่เป็น หรือจุดที่เป็น จึงเริ่มต้นจากจุดแรกที่เพื่อนผมไปเข้าค่ายพักแรมในป่า จนไปพบห่อผ้าเก่าๆ มีบางอย่างเหมือนคำหมาก หรือว่านอะไรสักอย่างอยู่ในกอไผ่ คาดว่าเพื่อนผมน่าจะมาหาฟืนไปก่อไฟ แล้วมาเจอห่อผ้านี้เลยแกะออกดู เพราะแถวนั้นเป็นชายแดนติดกับเขมรครับ จึงไม่ต้องสืบเลยว่าจะเป็นอะไรไปได้.. พอพี่ก็อตแกเล่าจบ แกก็เป่าปากเหมือนรอดตัวตอนโกหกเมียได้ พอถึงตอนจะแยกย้ายกันเข้านอน ผมและคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นยืน แต่พี่ก็อตแกลุกขึ้นทีหลัง สักพักแกก็โวยวายขึ้น ผมเลยถามแกว่าเป็นอะไร? แกบอก ‘ใครไม่รู้แม่งเหยียบถุงน้ำจิ้มกระเด็นใส่พี่’ ผมเลยชี้บอกแกว่า ‘ตรงข้างหลังก็โดน’ จังหวะที่แกหันหลังไปเช็ด ผมก็เอาตีนเขี่ยถุงน้ำจิ้มออกไปไกลๆ ตีนผม พร้อมกับทำตัวเป็นคนดีด้วยการยื่นผ้าเช็ดหน้าให้แกเช็ด.. สรุปแล้วพี่ก็อตแกได้รางวัล 300 บาทจากท่านประธาน เพราะท่านประธานบอกว่าหน้าแกโรคจิตดีครับ หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับในที่สุด

Story by เทวะ ดำ

ความคิดเห็น