เรื่องนี้ส่งมาจากคุณรสิกาครับ คุณรสิกาเล่าว่า.. บ้านที่เราอยู่ตอนนี้เป็นบ้านพักครูค่ะ ที่ได้เข้ามาอยู่เพราะรองผู้อำนวยการที่เคยอยู่เกษียณไป และด้วยความที่เราอยู่เป็นครอบครัวถึง 4 คน จึงได้อยู่บ้านหลังนี้ค่ะ ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ ช่วงแรกที่ย้ายเข้ามา ก็ต้องปรับปรุงกันยกใหญ่ เพราะภายในตัวบ้านค่อนข้างจะโทรมมากแล้ว.. พอได้อยู่ไปสักพัก ก็เริ่มมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นค่ะ เช่นเวลาที่เราอยู่บ้านคนเดียว จะได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งอยู่ที่ชั้นบนค่ะ ‘ตึงๆๆ’ ทีแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นเสียงไม้ลั่น แต่พอมาสังเกตุดูดีๆ เวลาที่อยู่กันหลายคนจะไม่เคยได้ยินเลย จะได้ยินเฉพาะเวลาที่เราอยู่บ้านคนเดียวนี่ล่ะค่ะ และจากที่ฟัง คือเป็นเสียงที่มีหลายคนวิ่ง จากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่ง และวิ่งไปมาอยู่หลายครั้ง จนเสียงจะค่อยๆ เงียบไปเอง เราเลยไปคุยกับพ่อเรื่องนี้ แต่พ่อก็บอกว่าเราคงคิดมากไปไม่มีอะไรหรอก
เวลาผ่านไปจนมีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่พ่อเราขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปข้างนอก ตอนพ่อกลับมาก็มีครูคนหนึ่งทักพ่อว่า ‘เมื่อเช้านี้พี่เห็นเด็กผู้หญิงซ้อนท้ายไปด้วย ใครเหรอ?’ พ่อเราก็บอกว่า ‘ไม่มีหรอกครับ ผมไปคนเดียว..’ แต่ครูคนนั้นก็ยังยืนยันว่า ‘มีจริงๆ เด็กคนนั้นไม่ได้ไหว้พี่ แต่ก็ยังมองพี่อยู่เลย..’ พ่อเราก็เริ่มใจไม่ดี เลยโทรถามเจ้าของบ้านคนเก่าว่า บ้านหลังนี้เคยมีอะไรไหม? เจ้าของบ้านคนเก่าก็ดูมีทีท่าตกใจ แล้วถามว่า ‘อ้าว..เจอแล้วเหรอ!?’ แล้วเจ้าของบ้านคนเก่าก็เล่าว่า ‘ก่อนหน้าที่ผมจะย้ายมาอยู่ บ้านหลังนี้เป็นของครูคนหนึ่ง ซึ่งแกเลี้ยงกุมารไว้ 5 ตน แล้วก่อนย้ายออกแกก็ไม่ได้เชิญพวกน้องๆ ไปด้วย พวกน้องๆ ก็เลยยังคงอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็มีเล่นๆ กันตามประสาเด็กบ้างน่ะนะ..’ คราวนี้นี่เราขนลุกกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ
แล้วหลังจากรู้ว่าที่บ้านมีน้องๆ กุมารอยู่กันถึง 5 ตน ส่วนตัวเราไม่กลัวนะ แค่หวั่นๆ นิดหน่อย เราก็ยังได้ยินเสียงวิ่งที่ชั้นบนอยู่ตลอด แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีอะไรมากขึ้นค่ะ คือที่ชั้น 2 จะมีห้องนอน 2 ห้อง เป็นห้องพ่อแม่ และห้องเรากับน้องชาย ซึ่งเรากับน้องชายจะนอนเตียง 2 ชั้น เรานอนชั้นบนน้องนอนชั้นล่าง.. คืนหนึ่ง เราตื่นมาตอนกลางดึก เพราะรู้สึกเหมือนมีคนมาจับแขนจับขา ทีแรกนึกว่าเป็นน้องชาย แต่พอเรียกดูก็เงียบ เลยลองก้มไปดูก็เห็นว่าน้องชายหลับสนิท เราก็ไม่อะไร นอนต่อเพราะง่วงมาก.. หลังจากคืนนั้นก็คือ เราจะรู้สึกแบบนี้แทบทุกคืนเลยค่ะ จนมีคืนหนึ่ง ที่รู้สึกได้ว่ามีคนมากระตุกขาเราแรงมากจนเราตื่นขึ้นมา แต่คราวนี้แปลกตรงที่ เราลืมตาเท่าไหร่ก็ลืมไม่ขึ้น ขยับตัวไม่ได้ แล้วก็มีคนมากระตุกแขนขาเราตลอด พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กประมาณ 2-3 คน ด้วยความโมโหบวกกับง่วงเราจึงพูดไปว่า ‘นี่ไม่ใช่เวลาเล่น จะนอน!’ แล้วความรู้สึกกับเสียงหัวเราะก็หายไปเลยค่ะ เราลืมตาได้ ขยับได้ และรีบลงจากเตียงไปเปิดไฟ จนน้องตื่นขึ้นมาถามว่ามีอะไร? เราก็บอก ไม่มี นอนต่อเถอะ แล้วก็นอนเปิดไฟทั้งอย่างนั้นค่ะ
แต่ที่หนักที่สุดที่เราเจอคือ คืนนั้นเราก็นอนตามปกติ ก็รู้สึกว่ามีเสียงเหมือนคนปีนขึ้นมาบนเตียงที่เรานอนอยู่ค่ะ เเล้วก็ดึงแขนดึงขาเรา แถมยังเรียกชื่อเราอีกด้วย เราตื่นขึ้นมามีสติ แต่ขยับตัวไม่ได้ ลืมตาไม่ได้อีกแล้ว เราก็เลยพูดในใจออกแนวดุไปว่า ‘ไม่เล่นนะ!’ แต่คราวนี้ไม่หยุดค่ะ ทั้งดึง ทั้งกระชาก ทั้งเขย่าเราเลยค่ะ แล้วก็มีเสียงเด็กพูดว่า ‘ตื่นได้แล้ว..หิวแล้ว! ตื่นได้แล้ว..หิวแล้ว!’ พูดซ้ำไปซ้ำมาจนเราทนไม่ไหว บอกไปว่า ‘รู้แล้วๆ เดี๋ยวจะไปทำบุญให้’ แล้วก็ได้ผลค่ะ เราลืมตาได้ขยับตัวได้ คว้าโทรศัพท์มาดูนาฬิกา ตี 5 กว่าๆ เราเลยรีบไปปลุกแม่ให้ไปใส่บาตรเป็นเพื่อน รวมถึงในวันพระ และวันพระใหญ่ เราก็มักจะอุทิศส่วนกุศลให้น้องๆ ด้วย หลังจากนั้น น้องๆ ก็ไม่มากวนเราอีกเลยค่ะ.. จนทุกวันนี้พ่อเล่าว่า น้องมาบอกพ่อว่าเหลือกันอยู่แค่ 2 คนนะ อีก 3 คนไปเกิดแล้ว..
Story by คุณรสิกา
Credit รูปจากภาพยนตร์ Kodomo Tsukai