เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณหาญ ใจสิงห์ครับ คุณหาญเล่าว่า.. เรื่องนี้ถ่ายทอดจากพี่ที่ผมรู้จักคนหนึ่ง ที่เพิ่งจะสึกออกมาได้ไม่นาน พี่เขาชื่อ พี่เอก ครับ พี่เอกได้เล่าเรื่องราวตอนที่ยังบวช และจำวัดอยู่ในวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ อยู่นอกอำเภอเมืองเล็กน้อย มีเจ้าอาวาสเป็นหลวงลุงรูปหนึ่ง แล้วต่อมามีข่าวว่าทางญาติของท่านเจ้าอาวาสได้นำเอาหลานชาย 2 คนมาบวชเณรภาคฤดูร้อน พี่เอกบอกว่า ที่เอามาบวชเณรเพราะหลานชาย 2 คนมีนิสัยเหมือนจะกระตุ้งกระติ้งคล้ายผู้หญิง กลัวจะไปเป็นสาวเสียก่อน ท่ามกลางการไม่เห็นด้วยของพระลูกวัดหลายรูป แต่พี่เอกก็เฉยๆ เพราะคิดว่าคงจะไม่กล้าทำอะไรในคราบผ้าเหลืองแน่
กุฏิของเณรนั้นอยู่ใกล้กับซุ้มประตูวัด ส่วนของพี่เอกคือกุฏิถัดมา หลังจากทำวัตรเย็นก็แยกย้ายกันขึ้นกุฏิไป พี่เอกแกมองไปทางเณร 2 รูปนั้น เห็นเอามือล้วงของออกมาจากกระเป๋า สิ่งที่เห็นคือชุดชั้นในผู้หญิง วิกผม ชุดเดรส คือเครื่องแต่งกายเป็นหญิงครบชุด แกก็สงสัยเอาว่ามาทำไม? พลันสายตาแกมองไปข้างล่างกุฏิ เห็นเป็นพระรูปหนึ่งอายุน่าจะ 40 ปลายๆ ยืนมองขึ้นไปบนกุฏิด้วยความไม่พอใจ พี่เอกก็คิดสงสัยว่าพระรูปนี้มาจากไหน? จำวัดที่นี่ก็นานแล้วไม่เคยเห็นเลย แกนั่งลงคิดอยู่ ดูเวลาก็ 4 ทุ่มครึ่งแล้ว มองออกไปกุฏิถัดๆ ไปปิดไฟจำวัดกันหมดแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงเปิดประตูของกุฎิเณรออกมา พี่เอกแกค่อยๆ เปิดประตูออกมาดู สิ่งที่เห็นคือ เณร 2 รูปแต่งตัวเป็นหญิง ใส่ส้นสูงเดินลงจากกุฏิ ไปที่ซุ้มประตูวัดที่มีรถเก๋งสีบรอนซ์จอดรออยู่แล้ว พี่เอกคิดว่าถ้าไปบอกเจ้าอาวาสจะเป็นเรื่องแน่ เพราะ 2 คนนี้เป็นญาติเป็นหลาน จะถูกหาว่าใส่ความไหม? ระหว่างที่คิดอยู่นั้น แกก็ได้ยินเสียงพูดว่า ‘ท่านไม่ต้องห่วง เณรหรือพระรูปใดก็ตาม หากปฏิบัติตนไม่ดี ย่อมได้รับผลกรรมที่ทำไว้เอง..’ พี่เอกก้มมองดูตามเสียง เห็นเป็นพระแปลกหน้ารูปนั้น พี่เอกแกพยักหน้ารับแล้วกลับเข้าไปจำวัด
ตื่นมาประมาณตี 4 กว่าเพื่อที่จะทำวัตรเช้า แต่เณร 2 รูปนั้นเพิ่งจะกลับมา พี่เอกแกรอให้ 2 สาว (เณร) เดินขึ้นไปบนกุฏิทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แกแปลกใจที่เห็นพระรูปนั้นไปยืนอยู่ชานกุฏิของเณรตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้.. หลังจากทำวัตรเสร็จแล้ว ก็พากันออกเดินบิณฑบาตรตามปกติ โดยเณร 2 รูปนั้นจะเดินนำหน้าก่อน หลังจากเดินไปสักพักใกล้จะกลับมาถึงที่วัด มีป้าคนหนึ่งบอกว่า เห็นเณร 2 รูปนั้นใส่ยกทรงเกาะอกอยู่ในจีวร เข้าใจว่าตอนไม่บวชเป็นกะเทย แต่แบบนี้ก็ไม่ไหว พระเตือนหน่อยแล้วกันนะ แล้วป้าก็หันไปทางข้างหน้าพี่เอก แล้วพูดขึ้นมาว่า ‘ช่วยดูให้ด้วยนะคะท่าน ไม่เหมาะสมเลย..’ พี่เอกแกก็งงว่าป้าคุยกับใคร แต่ไม่ได้ถาม.. กลับถึงวัดฉันเช้าเสร็จก็ออกมากวาดลานวัด พี่เอกเดินไปเอาไม้กวาดที่ใต้ถุนกุฏิของเณร ได้ยินเสียงคุยกันว่า
‘นี่แก..ฉันว่าใส่แต่เสื้อในมันไม่เหมือนหญิงเลย ใส่กางเกงในด้วยไหม?’
‘จะดีหรอ? เดี๋ยวพระเขาจับได้ไปฟ้องหลวงลุงเรานะ’
‘เมื่อคืนแต่งเต็มขนาดนั้นไปเที่ยวผับเขายังจับไม่ได้เลย..’
‘อะๆ ใส่ก็ใส่สิ’
พี่เอกแกทนไม่ได้ เดินขึ้นไปบนกุฏิผลักประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือเณรหัวโล้นถอดจีวรออก แต่ใส่ยกทรงเกาะอกเหลือแต่สบง แล้วในมือทั้งสองถือกางเกงในผู้หญิงเตรียมที่จะใส่ แกก็ตกใจแต่บอกกล่าวตักเตือนไปว่าไม่เหมาะสม เณรยิ้มเย้ยหยันบอกว่า ‘ก็ทำไม จะแต่งแบบนี้ อย่าไปฟ้องหลวงลุงนะ เพราะถ้าไปฟ้องคงรู้ว่าใครจะอยู่ที่วัดนี้ไม่ได้..’ พี่เอกอ่อนใจในพฤติกรรมของเณรทั้งสองที่เริ่มจะสาวแตกขึ้นทุกๆ วัน จากแอบชุดชั้นใน เริ่มจะแต่งหน้าบางๆ ทาลิปมันสีชมพู ปัดขนตาเขียนคิ้ว ซึ่งแน่นอนว่ามีชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดเห็น และไปฟ้องท่านเจ้าอาวาส แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนกลางคืนก็ยังแต่งหญิงออกไปเที่ยวผับอยู่เป็นประจำ จนคืนหนึ่ง พี่เอกกำลังจะจำวัดแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเห็น 2 เณรนั้นกำลังแต่งหญิงออกไปเที่ยว จากนั้นได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบาๆ พี่เอกเลยเปิดออกไป กลายเป็นพระแปลกหน้ารูปนั้นมาบอกว่า ‘เคยคิดจะให้โอกาสมัน แต่ไม่สำนึก คงต้องจัดการเสียแล้ว..’ พี่เอกถามว่าทำอย่างไรขอรับ? พระรูปนั้นไม่ตอบ ยิ้มให้แล้วปิดประตูห้องให้ พี่เอกเดินกลับมาจะล้มตัวลงนอน หัวยังไม่ถึงหมอน ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังลั่นวัดจากกุฏิ 2 เณรนั้น พระทุกรูปต่างมาที่นั่นรวมทั้งเจ้าอาวาสด้วย สิ่งที่ทุกคนเห็นคือ ภาพของเณรหัวโล้นทั้งสอง ใส่ชุดผู้หญิงยืนกอดเสาคนหนึ่ง อีกคนนั่งคุดคู้ตาเหลือกกรอกตาไปมา เนื้อตัวสั่นทั้งคู่ ต้องไปเอาน้ำมนต์มาพรมให้ แต่ก็ยังไม่หาย ด้วยความจำนนต่อหลักฐาน และสายตาพระเกือบทั้งวัด ท่านเจ้าอาวาสจึงบอกว่า ‘ทำแบบนี้คงไม่ให้อยู่ในผ้าเหลืองแล้ว พรุ่งนี้คงต้องจับสึก..’ สิ้นคำว่าจะให้สึก เณรสองรูปนั้นก็หยุดสั่น และสลบไปทันที
ท่านเจ้าอาวาสให้พระเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองให้กับ 2 คนนั้น รุ่งเช้าก็เรียกไปในกุฏิเพื่อที่จะสึก พี่เอกก็อยู่ในนั้น หลังจากสึกแล้ว ท่านเลยถามว่าไปเจออะไรมา ทำไมร้องลั่นวัดสติเสียไปหมด? ทั้งสองเลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนี้ก็จะแต่งหญิงแอบไปเที่ยวเหมือนเดิม แต่มีเสียงคนพูดหน้ากุฏิว่า ‘เลิกทำได้ไหมแบบนี้? ทำไมไม่ปฏิบัติตัวดีๆ อยู่ในผ้าเหลือง’ ทั้งสองเลยหัวเราะแล้วบอกว่า ‘อยู่ในผ้าเหลืองที่ไหน อยู่ในชุดผู้หญิงสุดเซ็กซี่ต่างหาก! ไปไกลๆ เลยอย่ามาเสือก!’ สิ้นคำนั้น ทั้ง 2 คนก็เห็นศีรษะของพระรูปหนึ่งทะลุประตูไม้เข้ามา ต่อด้วยลำตัว มายืนอยู่หน้าประตูแล้วตัวของพระรูปนั่นก็ค่อยๆ ใหญ่คับห้อง ศีรษะแห้งกลายเป็นหัวกระโหลก ตาถลนออกมานอกเบ้า มือใหญ่เท่าใบลานเอื้อมมาบีบคอทั้งสองแล้วพูดว่า ‘กูเตือนดีๆ แล้วไม่เชื่อกูใช่ไหม? ดี! มึงจะได้เป็นเปรตเฝ้าวัดนี้แน่!’ จากนั้นก็เลยกรี๊ดออกมาลั่นจนทุกคนมาเจอนั่นล่ะ.. ท่านเจ้าอาวาสเลิกคิ้วนิดนึง ก่อนจะหันหลังกลับไปเอารูปถ่ายขาวดำขนาดเท่าฝ่ามือออกมาให้ดู เป็นรูปพระแปลกหน้ารูปนั้นที่พี่เอกเห็นบ่อยๆ หลาน 2 คนเห็นก็สะดุ้ง บอกคนนี้แหล่ะ เมื่อคืนที่จะมาบีบคอ!
แล้วเรื่องมาเฉลยจากปากเจ้าอาวาสว่า พระรูปนี้เป็นพระเพื่อนท่านเอง แต่ค่อนข้างเคร่งระเบียบวินัยมาก คอยเตือนพระลูกวัดที่ทำผิดกฏเสมอ ครั้งหนึ่งเคยทำผิดเอง คือมีคนมาขอทอดแหในบ่อน้ำเขตอภัยทานภายในวัด ท่านเห็นว่าชายผู้นั้นยากจน และคงเอาไปไม่กี่ตัวเพื่อเลี้ยงชีพ แต่ก็ผิดกฏสงฆ์อยู่ดี เมื่อท่านมรณภาพไป จึงกลายมาเป็น เสื้อวัด คอยดูแลปกปักรักษาวัดนี้ ใครมาทำอะไรไม่เหมาะไม่ควร จะโดนดีทุกราย นี่ก็ไม่เห็นนานแล้วนึกว่าจะไปเกิดแล้ว แสดงว่าหลาน 2 คนนี้ต้องทำผิดร้ายแรงจริงๆ ถึงได้เจอขนาดนี้.. หลาน 2 คนรีบเดินมายกมือไหว้ขอขมากับพระในรูปนั้น แล้วรีบลากลับบ้านทันที เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ..
Story by คุณหาญ ใจสิงห์