เรื่องนี้ส่งมาจากคุณเจนครับ คุณเจนเล่าว่า.. เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์สยองขวัญในคืนวันเกิดของตัวเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้ว ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เป็นวันเกิดอายุครบ 19 ปีของเรา คือหลังจากที่เรียนจบ ม.6 ที่ไทย เราก็ไปต่อที่อเมริกาในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง
ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ไฟแรง เราเลยอ่านหนังสือที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย บางทีก็นอนมันตรงนั้นเลย (ห้องสมุดเปิด 24 ชั่วโมง) แต่ในคืนวันเกิดเรา ที่บ้านโทรตามให้กลับไปฉลองกัน เราเลยกลับบ้านเร็วกว่าปกติ มองดูนาฬิกาตอนนั้นก็ 3 ทุ่มเกือบๆ 4 ทุ่ม ยังไม่ดึกมาก ด้วยความที่อยากกลับถึงบ้านเร็วๆ เราเลยเดินลัดไปที่โบสถ์เพราะจะได้ไม่ต้องเดินอ้อม และเราเพิ่งเคยกลับทางนี้เป็นครั้งแรกด้วยค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ จนเดินมาถึงภายในโบสถ์ ก็ได้ยินเสียงระฆังจากหอนาฬิกาดังขึ้นบอกเวลา 4 ทุ่ม เราก็เดินไปอย่างชิลๆ เพราะรอบๆ เปิดไฟสว่างไว้ตลอด
พอเดินมาถึงหอนาฬิกา ก็มีซิสเตอร์คนหนึ่งเดินสวนเราไป คาดว่าน่าจะไปสวดมนต์ก็เลยไม่ได้สนใจ พอเราเดินต่อไปได้แค่ 5-6 ก้าว ก็ได้ยินเสียงระฆังบนหอนาฬิกาดังขึ้นอีกครั้ง ก็เลยงงว่าทำไมถึงดังขึ้นมาอีก พอเราหันไปมองเท่านั้นล่ะค่ะ เห็นซิสเตอร์คนที่เพิ่งเดินสวนมาเมื่อกี้ ขึ้นไปผูกคอตายอยู่บนหอนาฬิกาห้อยต่องแต่ง เรารู้เลยว่านี่คงไม่ใช่คนแล้วล่ะ อะไรจะขึ้นไปได้เร็วขนาดนั้น? แถมหอนาฬิกาเองก็สูงด้วย วินาทีนั้นเหมือนเราตัวชาไปหมดเลยค่ะ ไม่พอแค่นั้น ซิสเตอร์ที่ผูกคอตายเธอมองมาที่เราแล้วสวดมนต์ สวดอะไรก็ไม่รู้แบบจับใจความไม่ได้เลย แถมยังหัวเราะอีกด้วย เวลานั้นบรรยากาศก็ช่างเป็นใจ ไฟที่โบสถ์ดับพอดี ลมก็พัดมาหวิวๆ โอ้โห้! ลองคิดดูว่าเสียงสวดมนต์พึมพำไป พร้อมกับหัวเราะคลอกันไป มันน่าสยดสยองขนาดไหน? พอได้สติ เราก็รีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
พอกลับถึงบ้าน เรารีบเล่าเรื่องที่เจอทั้งหมดให้ป้าฟัง ป้าเราเป็นคนอเมริกันค่ะ อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ป้าเลยเล่าให้ฟังว่า ‘ซิสเตอร์คนนี้ฆ่าตัวตายไปเมื่อ 47 ปีก่อน เธอปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดีต่อพระเจ้าเพียงผู้เดียว จึงครองตัวเป็นโสด แต่ด้วยความที่เธอมีหน้าตาสละสลวย จึงทำให้มีชายหนุ่มมาติดพัน แต่เธอก็ไม่คิดจะรักใคร จนกระทั่งมีอาจารย์หนุ่มรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเข้ามาทำให้เธอรัก จนกระทั่งซิสเตอร์และอาจารย์หนุ่มคนนั้นมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง เธอรู้สึกผิดต่อพระเจ้ามาก จึงได้ไปผูกคอตายบนหอนาฬิกาอย่างที่เล่ามานั่นล่ะ..’
Story by คุณเจน