เรื่องนี้ส่งมาจากคุณพิ้งค์ครับ คุณพิ้งค์เล่าว่า.. เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ที่โรงเรียนของเรามีการจัดงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ทุกๆ กลุ่มสาระก็จะมีให้ลงแข่ง แต่ส่วนใหญ่ครูจะจับไปแข่งเสียมากกว่า เราโดนจับลงแข่งการวาดภาพเหมือนค่ะ โดยในกลุ่มที่ไปแข่งด้วยกันจะมีทั้งหมด 8 คน ที่โรงเรียนเราจะซ้อมกันหนักมากๆ ก่อนแข่ง 1 เดือนกว่าๆ ต้องนอนที่โรงเรียน (นอนในห้องเรียน) อาคารที่เรานอนเป็นอาคารเรียนที่ 2 มี 3 ชั้น เรานอนอยู่ห้องศิลปะ ที่จะอยู่ตรงมุมสุดของอาคารทางทิศตะวันตก อยู่ชั้น 2 และด้านบนตรงกับห้องนาฏศิลป์ที่อยู่ชั้น 3 ค่ะ
ปกติเราจะซ้อมตั้งแต่ 17:30 น. จนถึง 22:00 น. แรกๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก แต่พอถึงคืนวันก่อนวันพระ ครูจะมาบอกพวกเราว่า ‘ห้ามทุกคนออกไปไหนจนกว่าจะเช้า และอาจจะมีเสียงดนตรีไทยดังทั้งคืน..’ พอผ่านคืนนั้นไป ตอนเช้าเลยมาไล่ถามกันว่าได้ยินไหม? เพื่อนๆ ในห้องก็ได้ยินกันทุกคน เป็นเสียงดนตรีไทย เสียงกระทืบเท้าเป็นจังหวะบ้าง ดังมาจากชั้นบน เราเลยไปถามพี่ที่เขาแข่งรำวงมาตรฐานว่า ‘พี่คะ เมื่อคืนเขาซ้อมรำกันจนเช้าเลยเหรอ?’ พี่เขาก็บอกว่า ‘วันก่อนวันพระจะไม่ได้ซ้อมเลย แล้วพวกพี่ก็ไม่ได้ที่นอนห้องนั้นกันด้วย..’ ทีนี้เราก็งงสิคะ แล้วเสียงมันอะไร? เราเลยไปถามครูให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็โดนครูด่ากลับมาตลอด ว่าทำไมไม่เอาเวลาไปสนใจเรื่องแข่งบ้าง
พอนานเข้า เรากับเพื่อนเริ่มรำคาญ พอถึงคืนก่อนวันพระ เราเลยสัญญากันว่าคืนนี้จะขึ้นไปดูว่ามันเป็นเสียงอะไร? แล้วคืนนั้น พอเริ่มมีเสียงดนตรีไทยดังขึ้น เราก็เปิดประตูเดินออกไปกับเพื่อนอีก 2 คน เดินขึ้นไปจนถึงหน้าห้องนาฏศิลป์ ตอนนั้นเสียงดนตรีก็ยังบรรเลงอยู่ ดังออกมาจากในห้องนั่นล่ะ เราคิดว่าคงต้องมีคนซ้อมอยู่ในห้องแน่ๆ แต่ประตูด้านนอกล็อคแม่กุญแจไว้ ลูกกรงข้างนอกก็คล้องโซ่อย่างดี.. เรากับเพื่อนก็เริ่มมองหน้ากันแบบกล้าๆ กลัวๆ แล้วค่ะ ด้วยความอยากจะเห็นให้ชัดว่าผีหรือคน ที่ด้านล่างของประตูมันจะมีช่องจากพื้นอยู่ประมาณ 1 นิ้ว เราเลยก้มลงไปส่องดู เรากวาดสายตายไปทั่วๆ ในความมืด สิ่งที่เราเห็นคือเงาตะคุ่มๆ ค่ะ อยู่ไกลๆ ก่อนที่มันจะค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น จนเห็นชัดว่าเป็นเท้าคน! เห็นแค่ช่วงข้อเท้าลงมา แต่เท้านั้นดูซูบผอมแห้ง และที่สำคัญคือมันเป็นเท้าสีดำ พอมองเห็นชายผ้าของชุดรำ และท่าทางการเคลื่อนไหวนั้นคือการรำไทยค่ะ ก่อนจะกระทืบเท้าตามจังหวะ พอกระทืบเท้าเท่านั้นล่ะ เราตกใจร้อง ‘เชี่ย’ ออกมาเลยค่ะ แล้วเราก็สังเกตเห็นว่าเท้าคู่นั้นหยุดยืนนิ่ง หันมาทางประตูที่เราส่องอยู่ เราผละตัวจากช่องประตูออกมาทันที เพื่อนก็รีบพาเราลงมาที่ห้อง ปลอบเราอยู่นานเลยกว่าเราจะหายกลัว เราก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง บอกให้เพื่อนๆ รีบนอนกัน ก็คือทนฟังเสียงดนตรีไทยกันจนหลับไป
กระทั่งตื่นมาเช้ามืดของอีกวัน เพื่อนที่นอนข้างเรา อยู่ๆ มันก็วิ่งออกมานอนข้างนอกเลยค่ะ พอถามว่ามีอะไร เพื่อนมันก็เล่าว่า เมื่อกี้ตอนตื่นขึ้นมา เห็นร่างสีดำๆ ใส่ชุดนางรำขาดๆ มารำตรงข้างๆ เรา! แล้วก็เอาเท้าเหยียบหน้าเราด้วย! เรายินแบบนั้นก็ตกใจมาก เพราะเรายังไม่ได้เล่าให้ฟังเลยว่าเราเห็นอะไรในห้องนาฏศิลป์ แล้วหน้าเราก็มีเขม่าดำๆ ติดหน้าอีกด้วย! เราแทบกรี๊ดเลยค่ะ ตอนนั้นคือกลัวมากกกก.. พอเราอาบน้ำเสร็จ ก็ขึ้นห้องมาเก็บของจะไปกินข้าว ครูที่ซ้อมวาดภาพให้เราก็มาตามเรากับเพื่อนๆ ไปที่ห้องนาฏศิลป์ พอเราเดินเข้าไป ข้างในจะมีห้องเล็กๆ ซ้อนในห้องนั้นอยู่ด้วย ครูนาฏศิลป์ที่รออยู่ก็พาเรากับเพื่อนเข้าไปในห้องนั้น ซึ่งมีที่เก็บอัฐิของครูนาฏศิลป์เก่าที่เสียไปแล้ว (ซึ่งเป็นแม่ของครูคนปัจจุบัน) อยู่ในห้องนั้นด้วย มีกรอบรูปถ่ายซึ่งเป็นรูปโครงกระดูกกับเนื้อดำๆ ติด ใส่ชุดนางรำนอนในโลงแก้วอยู่ด้วย ครูเขาให้พวกเราทำพิธีขอขมา แล้วครูก็บอกว่า ‘คราวหน้าคราวหลัง อย่าอยากรู้อยากเห็นให้มันมาก ดีนะที่แค่เอาเท้าเหยียบ ไปได้ทำอะไรมากกว่านี้..’ พอขอขมาเสร็จ ครูที่ซ้อมวาดภาพให้เราก็เล่าว่า ‘เมื่อหลายปีก่อน แม่ของครูนาฏศิลป์เขาโดนไฟคลอกตายคาห้องนาฏศิลป์ที่โรงเรียนในชนบท และเขาก็ใส่ชุดนางรำอยู่ด้วย เคยมีเด็กหลายคนโดนหลอกเพราะว่าอยากรู้อยากเห็นมาแล้ว..’ หลังจากวันนั้น เราเข็ดเลยค่ะ เข้านอนอย่างไว แต่ก็ยังต้องทนฟังเสียงดนตรีไทยทุกคืนก่อนวันพระมาตลอดการซ้อม..
Story by คุณพิ้งค์