เรื่องนี้ส่งมาจากคุณ Piya Boontueng ครับ คุณ Piya เล่าว่า.. เรื่องราวที่จะเล่านี้เกิดขึ้นในปี 2540 ผมได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านบางนา แล้วก็ได้เข้าไปพักในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นของป้าผม ที่เป็นญาติห่างๆ กันนี่เอง ก็คือผมได้อยู่ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นครับ อพาร์ทเม้นท์ที่ว่านี้มีอยู่ด้วยกัน 5 ชั้น ชั้น 1 และ 2 มีคนอยู่เต็ม ส่วนชั้น 3 ก็มีคนอยู่บ้างแต่ไม่เต็ม ชั้น 4 น่าจะมีอยู่เพียง 1 หรือ 2 ห้องเท่านั้น ส่วนชั้น 5 ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากห้องของผม สภาพโดยรอบนั้นตั้งอยู่ใจกลางชุมชนเล็กๆ ก็จะมีแต่บ้านทั่วไปชั้นเดียวถึง 2 ชั้นเท่านั้น อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้จึงโดดเด่น มองออกไปไกลๆ จากระเบียงก็จะเห็นแต่ป่าต้นกกไกลแสนไกล
ผมก็ขนของเข้ามาอยู่ โดยที่มีเพื่อนรูมเมทอีก 1 คนอยู่ด้วย เพื่อนผมคนนี้มันทำงานเสริมที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ในย่านนั้น ช่วงเวลาที่กลับจากทำงานจะประมาณ 5 ทุ่ม – เที่ยงคืนในทุกๆ วัน ส่วนตัวผมเองสัปดาห์นึงก็จะมานอนแค่ 2-3 วันเท่านั้น
พอเริ่มอยู่ ผมก็เกิดความสงสัย ว่าในทุกๆ ครั้งที่ผมกลับมาห้อง ผมจะเห็นเส้นผมที่ยาวประมาณกลางหลังตกอยู่ตามพื้น เพื่อนผมมันก็ไว้ผมสั้น ตัวผมเองไว้ผมยาวแต่แค่ประบ่า แต่เส้นผมที่เห็นนี่คือยาวกว่ามาก เป็นแบบนี้อยู่นาน ที่ผมเห็นเส้นผมยาวร่วงหล่นที่พื้น ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เพราะคิดว่า อาจจะเป็นเพื่อนรูมเมทผมพาผู้หญิงมานอนที่ห้องก็เป็นได้.. จนระยะเวลาผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน เหตุการณ์แปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นอีกหลายๆ อย่าง
เหตุการณ์ต่อจากนั้นนอกจากเรื่องของเส้นผมที่ยังตกอยู่ภายในห้อง ก็จะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนผู้ชายต่างคณะของผมมานอนค้าง และก็พาแฟนมันมาด้วย พวกเราก็นั่งกินข้าวในห้อง แล้วก็มีดื่มบ้างเล็กน้อย ทุกอย่างปกติหมด จนมาถึงตอนที่จะนอน อยู่ดีๆ แฟนเพื่อนผมก็ร้อง ‘กรี๊ดดดด~’ ออกมาเสียงดัง เหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่างแบบสุดๆ ผม เพื่อนรูมเมท และเพื่อนผู้ชายต่างคณะก็ตกใจมาก แฟนเพื่อนผมพูดจาไม่ได้ศัพท์ เหมือนคนเสียสติอย่างรุนแรง จนสุดท้ายต้องพาไปส่งที่บ้าน โดยที่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
หลังจากนั้นมา ผมกับเพื่อนรูมเมทก็อยู่กันต่อไปเข้าสู่เดือนที่ 8 จนผมเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆ ว่าเวลาที่ทำอะไรก็แล้วแต่ เหมือนจะมีใครคอยมองอยู่ตลอด แต่เพื่อนผมมันคงไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้ เพราะด้วยงานที่ห้างสรรพสินค้าก็เหนื่อย และเพลียจนถึงห้องเป็นหลับ ผมเลยไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า.. จนวันหนึ่ง จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง แสงของดวงจันทร์ส่องสะท้อนเข้ามา มันดูสวยงามมาก บรรยากาศมันได้ คืนนั้นผมฝากเพื่อนรูมเมทซื้อแอลกอฮอล์มาดื่มกันในห้อง พวกเราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ จนหมดไปประมาณครึ่งกลม ก็แยกย้ายกันนอน เพื่อนรูมเมทของผม นอนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ส่วนตัวผมนอนที่หน้าประตูระเบียง ผมนอนดูพระจันทร์อยู่ตรงนั้น แสงมันสว่างสาดกระทบไปทั่วป่าต้นกก
ระหว่างที่ผมนอนคุยเรื่องต่างๆ กับเพื่อนรูมเมท สิ่งที่ไม่คาดฝันก็ปรากฏตรงหน้าผมครับ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดคลุมท้องลูกไม้สีฟ้าอ่อน เดินออกมาจากห้องน้ำไปที่ระเบียง ซึ่งห่างจากผมแค่ไม่ถึงเมตร คือห้องผมก็ไม่ได้ใหญ่ จากที่ที่ผมนอนกับระเบียง พอเลี้ยวซ้ายไปหลังห้องก็จะเป็นห้องน้ำ ระเบียงเป็นแค่ระเบียงเล็กๆ พอที่จะตากผ้าได้แค่นั้นเอง ผู้หญิงคนนั้นหยุดยืนอยู่ตรงระเบียง เอียงหน้ามาทางผมเพียงเล็กน้อย แสงของดวงจันทร์ส่องเป็นเงากระทบ พอเห็นรายละเอียดของใบหน้าชัดเจน ผมตกใจมากๆ ครับตอนนั้น จากนั้นเธอก็พูดกับผมว่า
‘พี่ไม่ต้องกลัวหนูหรอก พี่ก็อยู่ของพี่ หนูก็จะอยู่ของหนู หนูรอแฟนหนูมารับ แล้วหนูก็จะไป..’
สิ่งที่ผมเห็นอยู่เบื้องหน้าทำเอาผมตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ตัวแข็งทื่อขยับตัวไม่ได้ จากห้องเล็กๆ ที่มีเพียงแค่ผมกับเพื่อนรูมเมท กลับกลายเป็นมีใครอีกคนหนึ่ง.. สิ้นคำพูดนั้น เธอก็เดินเข้าไปทางห้องน้ำ หลังจากที่เธอลับสายตาผมไป ผมถึงเริ่มมีสติสามารถขยับตัวได้ ผมรีบหันไปหาเพื่อนรูมเมทที่นอนอยู่ตรงมุมห้อง เห็นมันตาค้างสีหน้าตกใจมาก แสดงว่าสิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็น.. ตัวผมเองก็แทบจะสติแตก เพราะว่าผมนอนอยู่ตรงประตูริมระเบียงห่างจากเธอเพียงแค่เอื้อม
ผมกับเพื่อนรูมเมทมองหน้ากันแบบรู้กัน ต่างคนต่างรีบเก็บของ แล้ววิ่งลงข้างล่างทันที แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือเหล้าที่ยังเหลืออยู่ เวลานั้นประมาณตี 3 ผมกับเพื่อนลงไปนั่งรอที่ชั้นล่างจนเช้า พอถึงเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ร้านค้าที่อยู่ใกล้ๆ กับอพาร์ทเม้นท์ก็เริ่มเปิดร้าน ผมเข้าไปถามเจ้าของร้านว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องที่ผมอยู่? เพราะก่อนหน้านั้นตอนที่ผมมาอยู่ใหม่ๆ เวลาที่ผมลงไปซื้อของ ก็จะมีคนมาถามว่า เพิ่งมาอยู่ใหม่หรอ? อยู่ตรงไหน? ผมก็ได้แต่ชี้บอกว่าผมอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์นี้ เขาก็ถามว่าตรงไหน ผมก็บอกว่าตรงระเบียงชั้นบนที่มีตากผ้าเช็ดตัวอะครับ เขาก็เงียบๆ ไปไม่พูดอะไรต่อ ตอนนั้นก็ทำให้ผมแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร.. จนครั้งหนึ่งมีคนมาถามผมว่า ‘เจอหรือยัง?’ ผมก็ถามเขากลับไปว่า ‘เจออะไรครับ?’ เขาไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะกันภายในร้าน.. แต่เช้านี้ผมได้คำตอบแล้วครับ เจ้าของร้านเขาก็เล่าให้ผมฟังตรงๆ ว่า ‘เมื่อไม่กี่ปีก่อน มีสาวโรงงานที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มาเช่าห้องอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วทีนี้ผู้หญิงเกิดท้อง ผู้ชายคนนั้นเลยขอตัวกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เป็นช่วงสงกรานต์ โดยบอกกับฝ่ายหญิงว่า หลังสงกรานต์กลับมาจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอ แต่ว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นไปอย่างนั้น ฝ่ายหญิงถูกทิ้งไว้ที่อพาร์ทเม้นท์ทั้งอย่างนั้นจนท้องแก่ สุดท้ายเธอตัดสินใจผูกคอตายที่ห้องน้ำ กว่าใครๆ จะรู้เรื่องก็ล่วงเลยไปประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว..’
หลังจากที่ผมได้ฟังเรื่องราวนั้น ผมตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับผม ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วผมจะเห็นผี หรือวิญญาณมาบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่คราวนี้เธออยู่ใกล้ผมมากที่สุด ชัดที่สุด แต่ผมก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอนะ มันเศร้าๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่ผมต้องจำใจอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์นั้นต่อ ก็ด้วยความที่เป็นเด็กนักศึกษาปี 1 ไม่มีเงินทองอะไรมากมาย ประหยัดได้ก็ต้องประหยัด ตอนแรกๆ ที่รู้เรื่อง เพื่อนรูมเมทผมจะย้ายห้องหนีไปอยู่ที่อื่น แต่สุดท้ายพอลองคำนวณดู การอยู่กับผมต่อมันก็คุ้มค่า.. จากนั้นไม่ว่าจะเวลาใดที่ผมกินข้าว ผมก็จะบอกก่อนที่จะกินว่า ‘กินด้วยกันเลยนะ เท่าที่เห็นอยู่ ผมคงไม่มีเวลาไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้..’ ซึ่งเธอก็อยู่ด้วยกันได้อย่างสงบดี แปลกตรงที่ว่า บางทีเวลาที่ผมไปไหนก็แล้วแต่ เพื่อนมักจะทักว่า ‘ทำไมไม่พาเค้าขึ้นมาด้วย?’ ผมก็งงๆ บอกยืนยันไปว่าผมมาคนเดียว.. อาจเพราะว่าเวลาที่ผมจะออกไปเรียน ผมจะบอกว่า ‘ไปด้วยกันไหม? ถ้าอยู่ห้องมันเบื่อ..’ เพื่อนในคณะ และมหาวิทยาลัยผมหลายๆ คนจะบอกว่าเห็นเธอเดินตามผมอยู่ในทุกที่
จนผมกับเพื่อนรูมเมทได้ขึ้นปี 2 เราจึงย้ายไปอยู่อีกที่หนึ่งซึ่งไกลจากตรงนั้นมาก เรื่องราวทุกอย่างจึงหายไปครับ.. แต่ผมเชื่อว่าทุกวันนี้เธอก็ยังคงอยู่ที่ตรงนั้น เพราะเวลาที่ผมขับรถผ่าน ความรู้สึกผมยังคงหวิวๆ เหมือนเดิม เธอคงยังรอคอยแฟนของเธออยู่ในที่เดิมๆ ไม่ไปไหน..
Story by Piya Boontueng