เรื่องนี้เป็นเรื่องยาวจากคุณ Nuntha Antimanont สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณ Nuntha เล่าว่า.. เรามีอาชีพทำดอกไม้หน้าศพ ไม่ได้เป็นร้านดอกไม้แต่จะรับมาทำที่บ้าน คือรับงานมาจากร้านโลงศพ แล้วมาจัดที่ชั้นล่างของบ้าน เราย้ายมาเช่าบ้านหลังนี้ได้ 1 ปีแล้ว เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ จะติดๆ กัน บ้านเราเป็นบ้านหลังมุมติดหน้าซอย และมีสนามหญ้าเล็กๆ ข้างบ้านมีรั้วเป็นระแนงถี่ๆ และปลูกต้นไทรญี่ปุ่นรอบๆ รั้ว เราเป็นคนไม่กลัวผีนะ แต่กลัวศพที่ห่อผ้าขาวมากกว่า..
เริ่มเรื่องเลยนะคะ เราเริ่มทำดอกไม้โดยที่ไม่มีประสบการณ์ร้านดอกไม้เลย ไม่เคยแม้กระทั่งเป็นลูกจ้างร้านดอกไม้ เราแค่กำลังตกงาน และมีญาติแนะนำให้ทำโดยให้ไปเรียนการจัดดอกไม้กับคนรู้จักแค่ 4 ชั่วโมง สิ่งที่เราได้รับการสอนมา คือดอกไม้หน้าศพ ถ้าตอนแรกเรายังจัดทรงไม่สวย ก็ให้ปักดอกไม้ไปเยอะๆ เข้าไว้ เพราะจะไม่มีใครมานั่งติชมเรื่องสวยไม่สวยในงานแบบนี้หรอก เพราะเค้าถือกัน เลยเป็นที่มาของเรื่องนี้ค่ะ
เราเริ่มธุรกิจช่วงดอกไม้แพง และเรารับงานมาอีกต่อ เลยต้องขายราคาส่ง ทำไป 3 เดือนแรกอย่าว่าแต่กำไรเลย แทบจะไม่ได้ค่าแรง จัดก็ยังไม่เก่ง วันนึงได้ชุดนึงก็เก่งแล้ว เราเลยถามๆ ร้านดอกไม้ที่เป็นคนรู้จักกัน เค้าแนะนำว่าให้เราประหยัดต้นทุน เช่นกระถาง ถาดจัดดอกไม้วางหลังหีบ ฟางหน้ารูป โดยให้ไปเก็บเอาตามวัดที่เวลาสัปเหร่อเค้าเทของงานเก่าทิ้ง กระถางพวกนี้เค้าจะเก็บไว้ขายในราคาถูกๆ ก็จะช่วยประหยัดต้นทุนไปได้อีกชุดนึงก็หลายบาท ใครๆ เค้าก็ทำกัน!! ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า ไหนๆ เค้าก็จะทิ้งแล้ว จะได้ช่วยลดโลกร้อนลดขยะไปด้วย และก็จะได้มีเงินเหลือ
จากนั้นเราก็เริ่มไปตามวัดเลยค่ะ แต่ส่วนมากของพวกนี้มีคนจองไว้หมดแล้ว ร้านดอกไม้หลายร้านจะไปผูกไว้กับสัปเหร่อกันหมด เราไปวันแรกไม่ได้ของกลับมาเลย ได้แต่ทิ้งเบอร์โทรไว้.. จนผ่านไปประมาณอาทิตย์นึง มีสัปเหร่อวัดหนึ่งโทรมาให้ไปเอาของ เราก็รีบไปเลย ได้มาทั้งฟางหน้ารูป กระถาง และถาดทรงต่างๆ ได้มาเพียบเลย จ่ายไปแค่ไม่ถึง 300 บาท ดีใจแทบแย่ รีบขนกลับบ้านเลยค่ะ
วันเดียวกัน พอดีเราประกาศในไลน์กรุ๊ปของหมู่บ้านเอาไว้ ว่าอยากได้คนช่วยจัดดอกไม้ พอมีประสบการณ์บ้าง ทำงานแบบไม่ประจำ มีงานก็จะโทรไปตาม ถ้าใครสะดวกก็ทักไลน์มา แล้วก็มีน้องคนนึงสมัครมาค่ะ ชื่อน้องนุ่น (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ไม่ได้เรียนแล้ว เลี้ยงลูก และรับจ้างรีดผ้าอยู่บ้าน แต่พอลูกเริ่มเข้าโรงเรียน และแม่ของนุ่นที่ออกจากงานพอดี เลยมาช่วยเลี้ยงแทน น้องนุ่นเลยว่างๆ พอดี นุ่นดูเป็นเด็กไม่รั้น แต่จะพูดมากหน่อย ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เราเลยลองรับไว้ ค่อยๆ บอกค่อยๆ สอนกันไป พอไหว.. วันแรกเรากับนุ่นเริ่มช่วยกันแยกของที่ได้มา เอามาล้าง พวกถาด และกระถาง ฟางก็เอามาคัดว่าอันไหนใช้ได้ ไม่ได้ เราถามนุ่นว่านุ่นกลัวไหม? นุ่นบอก นุ่นไม่กลัวผีหรอกพี่ นุ่นกลัวอย่างเดียว กลัวผัวทิ้ง เราก็เอิ่ม.. เอ้า งั้นก็ดี จะได้ทำงานกันได้
วันแรกของการได้ของที่ไม่ควรได้มา..
พอเราล้างของกันเสร็จแล้ว ก็เอาของไว้หลังบ้าน แล้วก็นุ่นขอกลับบ้านเลยเพราะปวดหัวมาก เหมือนจะเป็นไข้ เราเลยให้น้องกลับไปก่อน พรุ่งนี้มีงานค่อยสอนจัดดอกไม้กัน เรารีบโทรไปบอกร้านโลงศพว่าถ้ามีงานให้ส่งมาเยอะๆ เลย เรามีคนช่วยจัดแล้ว.. คืนนั้น เวลาประมาณทุ่มกว่าๆ มีคนมากดกริ่งหน้าบ้านเรา ซึ่งปกติเราไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว เพราะไม่เคยไปคุยกับใครเลย ก็อยู่แต่ในบ้าน จะมีทักบ้างก็พี่ที่บ้านอยู่ติดกันเท่านั้น เราเดินออกไปดู เห็นมีผู้หญิงหน้าตาสวย ผมยาว ใส่เสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้น
เรา: มีอะไรหรือเปล่าคะ? (ในใจคิดว่ามาขอจอดรถหน้าบ้าน)
ผู้หญิง: พี่คะ ขอโทษนะคะ พอดีแมวของหนูวิ่งเข้าไปในบ้านพี่ค่ะ ตรงสวนบ้านพี่ หนูเรียกแล้วมันไม่ยอมออกมา พี่ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ ไล่มันออกมาให้ที
เราคิดในใจ คือปกติสนามหญ้าที่บ้านเรามันก็รกๆ ไฟข้างบ้านก็เสียยังไม่ได้ซ่อม เราเลยทำได้แค่มองๆ ก็ไม่เจออะไร แต่ไม่กล้าเดินหา เราเลยบอกไปว่า ‘มันมืด พี่ไม่กล้าเดินหากลัวงูค่ะ เพราะฝนตก ใต้บ้านก็เป็นโพรง เอาไว้ตอนเช้าจะดูให้นะคะ น้องอยู่บ้านหลังไหน เดี๋ยวพี่เจอแล้วจะเดินไปบอกค่ะ หรือทิ้งเบอร์เอาไว้ก็ได้.. น้องเค้าทำหน้าแบบกังวล คือคงรักมาก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเบอร์ไว้นะคะ บอกแค่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะมาขอดูอีกที เราก็นะ มันก็ต้องยังงั้นแหละ เพราะคงไม่ได้จะให้เปิดประตูเข้ามาหรอก เราก็อยู่คนเดียวด้วย พอจบเรื่อง เราก็เข้าบ้านเลย ไม่ได้มองว่าน้องเค้าเดินออกไปตอนไหน
เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เรานั่งดูทีวีอยู่ข้างล่าง เราได้ยินเสียงกริ่งดังอีกค่ะ ดังทีนึงก่อน คือกริ่งมันจะดังข้างบน ลั่นลงมาข้างล่างน่ะค่ะ กริ่งแรกเราได้ยิ่นไม่ชัดเพราะเปิดทีวีดัง พออีกครั้งคือดังถี่ๆ เลยค่ะ แบบว่ากดรัวๆ เรารีบไปดูหน้าบ้านเลย ปรากฏว่าไม่มีใคร.. เราคิดว่าคงเป็นเด็กบ้านไหนมากดเล่น เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร เดินกลับมาเข้ามาในบ้าน แต่กริ่งมันดังอีกแล้วค่ะ คราวนี้ดังถี่ๆ ยาวๆ เราเลยเปิดประตูไปใหม่ ก็ไม่เจออะไรอีก.. ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรนะ แค่รำคาญเวลากริ่งดัง มันจะดังมากค่ะ เราเลยลองโทรหาเพื่อน เพราะพี่ชายเพื่อนเค้าเป็นสารพัดช่าง เค้าแนะนำว่า กริ่งอาจจะช็อตเพราะช่วงนี้ฝนตก ให้เดินขึ้นไปตรงที่มาของเสียง แล้วให้ไขดู และดึงสายออก เราแค่ฟังดูก็รู้สึกว่ามันยุ่งยาก เลยบอกว่า ไว้ค่อยให้พี่มาดูให้พรุ่งนี้แล้วกัน คืนนี้จะทนนอนฟังไปก่อน มันคงไม่ดังทั้งคืนหรอก ..แต่แค่นั่งดูทีวีครึ่งชั่วโมงดังไป 5 ที สงสัยจะไม่ไหวค่ะ เลยคิดว่าคืนนี้จะนอนข้างล่าง เพราะข้างล่างมันยังไม่ดังเท่าข้างบน
คืนนั้นเราได้ยินเสียงหมาหอนค่ะ เลยตื่นมาตอนตี 1 กว่าๆ ปกติตั้งแต่อยู่มา ไม่เคยได้ยินเสียงหมาหอนเลย เพราะที่หมู่บ้านจะไม่มีหมาจรจัด ส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงหมาตัวเล็กๆ เคยได้ยินก็แต่เสียงเห่าบ้างนิดหน่อย แต่ตอนนั้นคือหอนดังมากค่ะ หอนเหมือนอยู่ใกล้ เหมือนอยู่หน้าบ้าน และยังได้ยินเสียงเหมือนกลุ่มคนคุยกันเบาๆ ด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้คิดอะไร เพราะบ้านเราติดถนนหลักในหมู่บ้าน เรากะว่าจะเข้าห้องน้ำแล้วนอนต่อ พอเข้าห้องน้ำ เสียงกริ่งที่ปกติจะดังนานๆ ครั้ง แต่ตอนเราเข้าห้องน้ำคือดังถี่ๆ เลยค่ะ จนเราอดไม่ได้ที่จะเปิดม่านดู คราวนี้มีคนกดค่ะ เป็นน้องผู้หญิงคนเดิมที่มาตามแมว เราก็เอ๊ะ! มันผิดปกติแล้ว นี่มันดึกเกินละ ไหนบอกจะมาใหม่ตอนเช้า เราเลยเปิดประตูแล้วตะโกนออกไป ‘น้อง มีอะไรหรือเปล่า? ดึกมากแล้วค่ะ!’ น้องผู้หญิงเงียบค่ะ กริบ เราก็เฮ้ย? มากดกริ่งบ้านคนอื่นตอนตี 1 นี่ไม่เกรงใจเลย แล้วยังเงียบใส่อีก แต่เราไม่สนใจแล้วค่ะ ปิดประตูโลด ในใจตอนนั้นไม่ได้กลัว แต่รำคาญมาก คือเหนื่อยและอยากนอน แต่กะว่าสักพักจะเปิดประตูไปดู ถ้ายังยืนอยู่ จะโทรเรียกยามหน้าหมู่บ้านมาจัดการให้ค่ะ กลัวนางจะรักแมวจนปีนเข้ามาเหมือนกัน แต่สักพักเราก็หลับไปค่ะ
ตื่นอีกทีตอนเช้าเลย ร้านโลงศพโทรมาสั่งดอกไม้แบบชุดกอ 7 ชิ้น เราไลน์ไปตามน้องนุ่นให้เตรียมตัวเลยค่ะ เราจะได้สอนน้องตั้งแต่ซื้อดอกไม้ จะได้ไปด้วยกันเลย ปรากฏว่าน้องนุ่นเป็นไข้ลุกไม่ไหว แม่น้องนุ่นขี่จักรยานมาบอก เราก็ไม่เป็นไร ให้พักไป เรารีบอาบน้ำเพื่อออกไปซื้อดอกไม้ ตอนเอารถออกจากบ้าน กำลังจะปิดประตู พี่ข้างบ้านถามเราว่า ‘เมื่อคืนมีงานเลี้ยงอะไรเหรอ? เห็นมีคนมากันหลายคน..’ เราก็คิดว่าแกคงตาฝาดแล้วมั้ง บอกไปว่า ‘ไม่มีงานอะไรนะคะพี่..’ แล้วเราก็ทำหน้างงๆ พี่เค้าเลยไม่กล้าถามต่อ เพราะปกติเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว.. เรารีบไปซื้อดอกไม้ และกลับมาจัด เริ่มใช้กระถาง และถาดที่ซื้อมาจากสัปเหร่อเป็นงานแรก ทุกอย่างปกติจนจัดดอกไม้เสร็จเรียบร้อย เตรียมยกขึ้นรถเพื่อจะเอาไปส่ง ก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้นมาอีก หลังจากที่มันเงียบไปตั้งแต่เมื่อคืน คราวนี้เรายืนอยู่หน้าบ้าน ไม่มีคนแน่นอน แปลว่ามันคงช็อตจริงๆ แต่พอใส่ของเสร็จ เราเจอน้องผู้หญิงคนเดิม มายืนที่เดิม เราก็เลยนึกขึ้นได้ว่า มัวแต่ยุ่งๆ ลืมหาแมวเลย เราเลยรีบบอกไปว่า ‘ไม่เห็นแมวเลยนะ ไม่ได้ยินเสียงด้วย สงสัยมันไปบ้านอื่นแล้ว..’ น้องผู้หญิงคนนั้นยืนเงียบ และหน้าจ๋อยมาก เราก็นะ รีบจะไปส่งดอกไม้ แต่ก็สงสารปนรำคาญ เลยลองทำเป็นหาๆ ไปเผื่อจะเจอ น้องเค้าจะได้กลับไป..
เราเลยบอกรอแป๊บ เดี๋ยวพี่ไปหาอีกที ทีนี้น้องบอกขอหนูเข้าไปหาข้างในได้ไหม? เราก็คิดในใจว่า ให้เข้ามาดูจะได้จบๆ ไป คือประตูบ้านเราเปิดอ้าอยู่แล้วเพราะเรากำลังเอาของขึ้นรถ น้องเค้าเดินเข้ามา และเดินไปข้างบ้าน เรารีบเลยบอกให้น้องรีบๆ หานะ เพราะพี่กำลังจะออกไปข้างนอก เรามัวแต่เข้ามาเก็บของในบ้าน เดินออกไปก็ไม่เจอน้องแล้ว.. หวังว่าน้องคงจะได้แมวกลับไปนะ จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายอีก ปกติเราไม่ชอบสุงสิงหรือให้ใครมาวุ่นวายในบ้านอยู่แล้ว
พอเรากำลังจะออกปากซอยหมู่บ้าน น้องนุ่นโทรมาบอกว่าดีขึ้นแล้ว จะขอมาช่วยด้วย เราบอกเราอยู่หน้าหมู่บ้านแล้ว น้องนุ่นขอตามไปส่งของด้วย เราเลยกลับไปรับน้องเพื่อไปส่งดอกไม้ด้วยกัน พอไปถึงที่งาน ญาติบอกไม่ต้องรอรดน้ำศพ เพราะศพผ่ามาต้องใส่โลงเย็นไว้ ตอนนี้ตั้งโลงหลอกเสร็จแล้วให้ตั้งดอกไม้ได้เลย เราเลยจัดแจง ให้น้องนุ่นช่วยยกดอกไม้ลง และเรากับนุ่นก็ช่วยกันจัด พอจัดเสร็จ ญาติเอาน้ำ และขนมมาให้ ก็มีพูดคุยกันเล็กน้อย ตอนก่อนกลับ ญาติให้ขนมจีบมา 3 กล่อง บอกให้ไปแบ่งกันคนละกล่อง เราเหนื่อยๆ ก็เลยไม่ได้คิดอะไร จนนั่งมาบนรถกับน้องนุ่น น้องถามว่า ‘พี่ เราจะแบ่งกันยังไงเนี่ย ให้มา 3 กล่อง ..พี่ได้ยินป่ะ ว่าเค้าบอกว่าให้แบ่งกันคนละกล่อง หรือเค้าเห็นเรามากัน 3 คนอะ?’ คือน้องนุ่นมันพูดแบบหยอกเล่น ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ไอ้เราเนี่ยเริ่มคิดละ ว่ามันอะไรกันวะ? วันนี้มีแต่คนถามอะไรแปลกๆ เริ่มเอาเรื่องโน้นมาปนเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ปักใจกับเรื่องไหน แค่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ก็เลยปล่อยผ่านไป
พอส่งนุ่นเสร็จ เราก็เข้าบ้านทันที เก็บรถเก็บของเรียบร้อยแล้ว เรากะว่าจะเข้าไลน์กรุ๊ปหมู่บ้าน เพื่อจะได้สั่งอาหารมากิน เพราะในไลน์กรุ๊ปจะมีคนในหมู่บ้าน (หมู่บ้านติดกัน 3 หมู่บ้าน มีประมาณ 1000 หลังได้) เปิดมาเจอข้อความในกรุ๊ปคุยกัน ประมาณถามว่าเมือคืนในหมู่บ้านเราซอยไหนมีงานศพเหรอ? ได้ยินเสียงพระสวด ประมาณว่าลำโพงดังไปไหม? ให้เบาเสียงลงหน่อย บ้านหลังไหนจัดงาน? บางคนก็บอกได้ยิน บางคนก็บอกไม่ได้ยิน คือกำลังหาบ้านต้นเสียงกันอยู่ แต่หาไม่ได้ นิติบุคคลก็มาคุยด้วย บอกไม่มีบ้านไหนมาขอจัดงานนะ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจหรอกว่ามันเกิดอะไร คิดว่าเป็นเรื่องของคนอื่น เราเองก็ไม่ได้ยิน แถมกำลังหิวด้วย เลยไม่ได้อ่านต่อ
ประมาณเกือบๆ ทุ่ม เพื่อนกับพี่ชายของเพื่อน (สารพัดช่าง) มาที่บ้าน จะมาช่วยดูกริ่งให้ เค้าก็ขึ้นไปซ่อมให้เลย วันนั้นเพื่อนชวนเราออกไปโลตัส เราเลยไปกับเพื่อน ปล่อยให้พี่ชายเพื่อนซ่อมไป แล้วเรากลับมาตอน 5 ทุ่มกว่าๆ เราจำได้ว่าเมื่อคืนเราไม่ได้นอนข้างบน แล้วก็ไม่ได้ใช้ไฟเลย แต่กลับมาไฟข้างบนมันเปิดอยู่ เราก็งงๆ แต่คิดว่าพี่ชายเพื่อนคงเปิดไว้ตอนซ่อมกริ่งแล้วลืมปิดมั้ง? เราก็อาบน้ำเข้านอนที่ชั้นบน พอนอนได้สักพัก กริ่งดังอีกแล้ว! ดังค้างเลยค่ะ เราสะดุ้งตื่น เพราะดังแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ เรากำลังจะลงไปเอาที่ไขกล่องมา แต่มันดันเงียบไปก่อน ด้วยความขี้เกียจด้วย และคงทำเองไม่เป็น เราเลยเลือกที่จะลงไปนอนข้างล่างอีกคืน..
เพราะถ้ากริ่งเกิดดังขึ้นมาอีก มันก็ยังเบากว่าอยู่ข้างบน เราเลยหอบผ้าลงไปนอนข้างล่างเป็นคืนที่ 2 คืนนี้เรานอนไม่ค่อยหลับเลย รู้สึกเหมือนมีคนเดินไปเดินมา วุ่นวายอย่างบอกไม่ถูก แต่ด้วยความที่เราเพลียมากเลยหลับไปได้.. พอเช้าตื่นมาแบบไม่สดชื่นเลย เพราะนอนไม่พอ กะว่าจะไปทำบุญสักหน่อย ปล่อยปลา ทำสังฆทาน พอดีน้องนุ่นโทรมาแต่เช้า ถามว่ามีงานไหมวันนี้? เราบอกยังไม่มี กำลังจะไปทำบุญไปด้วยกันไหม? น้องนุ่นรีบตกลงเลย บอกหนูรอหน้าหมู่บ้านนะ
เราก็เลือกไปทำบุญที่วัดประจำ จะมีพระท่านคอยรับอยู่ และเป็นที่รู้กันว่า พระรูปนี้จะเหมือนคอยตรวจดวงให้ได้ด้วย ใครอยากดูดวงก็ให้เขียนวันเดือนปีเกิดใส่ในกระดาษ แล้วให้ท่านไปพร้อมกับสังฆทาน เราเลยกะว่าจะให้ท่านดูให้สักหน่อย เผื่อท่านจะทักอะไร พอถึงคิวเรา ท่านมองเรา แล้วทักเราว่า
พระ: ช่วงนี้ไม่ค่อยดีนะ มีเรื่องกลุ้มใจกังวลใจตลอด ปกติที่บ้านอยู่กับใคร?
เรา: อยู่คนเดียวค่ะ
พระ: แล้วทำงานอะไรตอนนี้? ดวงเราตอนนี้เรียกว่า ทุกข์อุปถัมภ์ นะ
เรา: จัดดอกไม้ค่ะ ..เป็นพวกดอกไม้หน้าศพ
พระ: (นิ่งไป และมองหน้าเรา)
เรา: มีอะไรหรือเปล่าคะหลวงพี่ คือหนูทำงานแบบนี้ได้หรือเปล่า งานที่เกี่ยวกับคนตาย
พระ: ทำได้สิ ถ้าเป็นงานสุจริต ทำได้ทุกอย่าง แต่งานที่ทำมันสุจริตไหม?
ถึงตรงนี้ เรากับน้องนุ่นมองหน้ากันงงๆ ค่ะ เราเลยรีบตอบไป
เรา: คือหนูรับงานมาอีกต่อนึงค่ะ จากร้านโลงศพ เอามาทำที่บ้านกับน้องคนนี้ค่ะ แล้วเอาไปส่ง ขั้นตอนประมาณนี้ค่ะหลวงพี่..
พระ: อ่อ.. ช่วงนี้ก็ให้ระวังเรื่องความไม่สุจริต การงานไม่ตรงไปตรงมา จะทำให้เราลำบาก ลำบากมากด้วย
เราก็งงๆ แต่ก็ค่ะๆ ไป เพราะคิดว่าท่านคงเตือนเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ได้
พอกลับจากวัด เราแยกกับน้องนุ่นที่หน้าหมู่บ้าน เราก็เข้าบ้านเลย วันนี้กะว่าจะพักผ่อน และหาช่างของหมู่บ้านมาซ่อมกริ่ง เราติดต่อผ่าน รปภ.หมู่บ้าน และก็ได้ช่างวันนี้เลย ช่างนัดจะเข้ามาช่วง 5 โมงกว่าๆ เราก็โอเค เร็วดี.. พอ 5 โมงช่างเข้ามาที่บ้าน ก็ขึ้นไปดูกริ่งให้ เราก็อธิบายไปว่าอาการมันเป็นยังไง พอช่างแกะกล่องดู ช่างบอกว่าสายไฟมันโดนดึงออกไปแล้วนี่? น้องดึงออกไปเหรอ? สายไฟไม่มีมันจะดังได้ยังไง? เราก็ไม่รู้เรื่อง เลยโทรหาพี่ชายเพื่อน เค้าบอกว่าเค้าดึงออกไปเอง เพราะว่ามันคงช็อต เห็นว่าถามเราแล้วเราบอกไม่ค่อยได้ใช้ เลยดึงออกจะได้ไม่ดังอีก แกถามว่าทำไมเหรอ? ยังดังอยู่เหรอ? เราก็ขี้เกียจจะเล่า เลยบอกปัดไปว่าเปล่าๆ แล้วก็วางสายไป ส่วนช่างของหมู่บ้านก็บอกว่าแบบนี้ต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะมันใช้ไม่ได้แล้ว เราเลยบอกช่างว่า ไม่ต้องเปลี่ยนค่ะ เอาไว้อย่างนั้น แค่ทำยังไงก็ได้ ไม่ได้มันดังเองอีก รำคาญ ช่างก็บอกว่า แค่ไม่มีสายไฟมันก็ไม่ดังแล้วน้อง สายไฟมันถูกดึงออกจากกล่องไปแล้ว เราก็อืมๆ ขี้เกียจพูดอะไรมาก
แต่พอช่างกลับไป บอกตรงๆ ว่าใจเราคอไม่ดีเลย เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน มันเริ่มไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว พอเริ่มคิดมาก ก็จิตตก ทีนี้ผสมปนกันมั่วไปหมด คือคิดจนงง ว่าอะไรคือะไร? เราเลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนสนิท เล่าเรื่องราวให้เพื่อนฟังคร่าววๆ เพื่อนเราชือบี (นามสมมติ) เป็นหมอ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม ปัจจุบันบีโสด เลยติดต่อได้ตลอด เป็นเพื่อนรักคนเดียวที่เรามี บีเชื่อเรื่องวิญญาน แต่ไม่กลัวผี บีเคยบอกว่า ทุกอย่างมันมีเหตุมีผลของมัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไร พอบีฟังจบ บีบอก ‘มึงอาจแค่กำลังเครียดและวิตกกังวล เอางี้ เดี๋ยวกูไปนอนด้วย จะเอายานอนหลับ กับยาคลายเครียดไปให้ด้วย เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วจะเข้าไปเลย อย่าคิดมาก..’
บีมาถึงบ้านเราตอนทุ่มกว่าๆ พอมาถึงเปิดประตูหน้าบ้านเอารถเข้าเสร็จ บีถามเราเลยว่า ‘เมื่อกี้ใครวะ เพิ่งเดินสวนรถออกไป?’ เราก็งงสิคะ ใครเข้าบ้าน? เลยบอกไปว่า ‘กูอยู่คนเดียว ใครจะเดินสวนไปได้ ไม่เห็นมีใคร’ บีบอก ‘กูเห็นผู้หญิงเดินออกจากบ้านมึงไป อุ้มแมวไปด้วย สงสัยเข้ามาตอนกูเปิดประตูเอารถเข้า มารยาทไม่มีเลย..’ เราฟังแล้วก็เงียบเลย เราเลยนึกขึ้นได้เรื่องน้องคนนั้น แต่เราลืมเล่าให้บีฟัง บอกแค่ช่างเถอะๆ
คืนนั้นเราไม่ได้คุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราเลย ได้แต่ฟังบีคุยเรื่องงาน เรื่องคนไข้ และดูทีวี เราขึ้นนนอนกันประมาณเกือบเที่ยงคืน นอนคุยกันสักพัก ได้ยินเสียงหมาเห่า เห่าแบบหลายตัวรุมเห่าอะไรสักอย่าง ดังมากๆ เรานอนฟังอยู่พักนึง เลยเปิดม่านดู ไม่เห็นหมา ได้ยินแต่เสียง เสียงใกล้ๆ มาก เหมือนมาจากถนนข้างบ้าน บีบอก ‘มึงมานอนเหอะ แค่หมาเห่าเดี๋ยวมันก็เงียบ เราก็เชื่อเพื่อนและเข้านอน เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ด้วยฤทธิ์ยานอนหลับ มาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกริ่งดังมาก!! ดังรัวๆ 4-5 ครั้ง เราตื่นเลย พอกริ่งเงียบ เราใจเต้น ‘ตึกๆๆๆๆ’ เลย เพราะกริ่งไม่มีสายไฟ จะดังได้ยังไง?? ยังไม่ทันตั้งสติ ก็ได้ยินเสียงแมวร้องอีก ร้องแบบเหมือนหาคู่ ‘แง๊วววว’ ดังลั่นอยู่หน้าห้อง เรากลัวมาก จะเรียกบีให้ตื่น พอหันไปหาบี ภาพที่เห็นคือบีนอนคลุมผ้าแบบผูกหัวท้ายมัดปม เหมือนผ้าห่อศพ!! เราแทบช็อครีบกระโดดไปเปิดไฟ
บีตกใจเสียงเราตื่นมาแบบสะดุ้งสุดตัว เราร้องไม่ออก กับภาพที่เห็นเมื่อกี้ มันจุกจนจะอ้วกเพราะตกใจมาก เรายืนมองบีแบบงงๆ บีถามว่าเราเป็นอะไร? เราได้แต่ยืนอึ้งอย่างเดียว แต่บีตั้งสติแล้วค่อยๆ เดินมาหาเราด้วยอาการห่วงปนสงสัย และตกใจ บีบอกให้เราตั้งสติ เรื่องทุกอย่างเราอาจจะกลัวมากไป ให้อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ตั้งสติกันให้ได้ (เสียงแมวเงียบไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทุกอย่างเกิดเร็ว จนจับทิศทางไม่ได้ว่าอันไหนก่อนหลัง) พอเราเริ่มสงบ เลยมานั่งคุยกันว่าจะทำยังไงดี? บีบอกว่าตอนนี้ก็ตี 3 แล้ว ถ้าโทรหาใครเค้าคงต้องลำบากแน่ๆ เราแค่ต้องมีสติ และไม่เตลิดไปไหน อยู่ในห้องรอจนเช้าค่อยโทรหาพี่ชายบีแล้วกัน
ระหว่างที่เราคุยกัน ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นลงบันได กึ่งเดินกึ่งวิ่งตลอดเป็นระยะๆ แต่เสียงมันเบาเหมือนมาจากบ้านข้างๆ เลยไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่กล้าเปิดไปดู เราสองคนนั่งกันอยู่บนเตียง กะว่าคงไม่นอนแล้ว รอฟ้าสว่างหน่อย ก็จะไปบ้านบีกัน.. จนประมาณเกือบตี 4 เราได้ยินเสียงคนคุยกับแบบเซ็งแซ่ ตรงข้างบ้านที่เป็นสนามหญ้า เราถามบี ‘มึงได้ยินป่ะ?’ ซึ่งบีก็ได้ยินเหมือนกัน ในใจตอนนนั้นคิดว่า ถ้าเป็นคนคุยกันตรงถนนข้างๆ บ้านก็จะดีมาก เราจะได้ออกกันไปตอนนี้เลย อย่างน้อยก็มีคนอยู่ ถ้าเป็นผี คงไม่หลอกตอนคนเยอะๆ แน่.. เราสองคนเลยไปเปิดม่านดู ปรากฏว่า เห็นคนประมาณ 10-15 คนได้ ยืนคุยกันเป็นกลุ่มๆ ประมาณ 3-4 กลุ่ม แต่!! พวกเขายืนคุยอยู่ในบ้านเราตรงสนามหญ้า!! แล้วตรงพื้นซักล้างที่มีหลังคา ด้านหลังคือเห็นมีศพที่อยู่ในถุงซิปแบบไม่ห่อผ้า วางซ้อนกัน 2 ศพ และศพแบบห่อผ้าดิบ วางเรียงกันประมาณ 4 ศพ คือเห็นแบบนั้นเราตาค้างเลย ยืนขาแข็ง เหมือนจะหายใจติดขัดเลยค่ะ เราเกร็งจนทำอะไรถูก บีตกใจถึงกับกระโดดไปที่เตียง เรายังยืนอยู่ตรงนั้นแต่ไม่ได้มองแล้ว คือก้าวไม่ออกเลย
จนบีบอก ‘ไม่ไหวแล้วว่ะมึง กูโทรหาพี่กูตอนนี้เลย..’ พอเราได้สติก็กระโดดขึ้นเตียงไปกองรวมกัน พี่ชายบีรับสายถามยาวเลย บีบอกให้พี่มาเลย ยังไม่ต้องฟังอะไร พี่ชายบอกงั้นต้องให้แจ้งตำรวจไปด้วยไหม หรือเอารถพยาบาลหรือเปล่า? บีบอกไม่ต้อง ให้พี่มาเลยตอนนี้ พี่ชายบีคงวางสายแบบงงๆ แต่ด้วยความห่วงเลยบึ่งรถมาทันที.. เรากับบีนั่งเบียดกันแน่นเลย ตอนนั้นเสียงคนเดินอยู่ด้านล่างของบ้าน ขึ้นลงบันได เดินผ่านไปมาหน้าประตู เรากับบีได้ยินชัดเจนเหมือนกันหมด เราเริ่มร้องไห้แบบหยุดไม่ได้ บีปลอบเราว่า ‘พวกเค้าทำอะไรเราไม่ได้หรอก เค้าทำได้อย่างเดียวคือทำให้เรากลัว และเสียสติ ให้เราตั้งสติให้ได้’
ไม่นาน พี่ชายบีก็มา มีตำรวจแบบสายตรวจ และยามในหมู่บ้านมาด้วย เราสองคนรีบลงมาเปิดประตูอย่างเร็ว เพื่อนบอกให้เราอยู่เฉยๆ จะบอกเรื่องราวเอง บีมีสติมาก เราได้แต่ยืนมึนงง บีบอกพี่ชายกับตำรวจว่า อยู่กัน 2 คนบนห้อง ได้ยินเหมือนเสียงคนเดิน เยอะมากเลยคิดว่ามีขโมยเลยโทรตามพี่ชาย
ตำรวจเลยเข้ามาสำรวจในบ้าน เป็นไปตามคาด ประตูปิดดีหมด ผ้าไม่มีรอยงัด แมลงสาบยังเข้าไม่ได้เลย แต่ตำรวจก็ตรวจทุกซอกมุม จนสรุปว่าไม่มีอะไรแน่ๆ แล้ว ตำรวจเลยให้เบอร์ฉุกเฉินที่โรงพักไว้ ถ้ามีอะไรให้ติดต่อไปได้ 24 ชม. เราขอบคุณพี่ยาม พี่ตำรวจอย่างมาก และเก็บเอาของที่จำเป็นออกไปนอนพักกันที่บ้านบีในตอนนั้นเลย พอไปถึงบ้านบี พ่อแม่บีรอยู่แล้ว แต่เราตกลงกันว่าจะยังไม่เล่าอะไรให้ใครฟัง
พอเช้า ทุกคนที่บ้านบีเป็นห่วง รอฟังเรื่องราวแต่เช้า แต่พวกเราก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟัง บีตัดสินใจลางาน และชวนเราไปหาพระอาจารย์ที่นับถือที่ลพบุรี พอไปถึงวัด ลูกศิษย์ท่านบอกว่าท่านกำลังกลับ ให้รอสักครู่ พวกเรารอประมาณ 1 ชั่วโมง พระอาจารย์ท่านก็มา ท่านมองพวกเรา และบอกว่า ‘เข้ามานั่งในวิหารนี่ มาคุยกันในนี้ดีกว่า..’ เราก็เข้าไป เราบอก ‘พระอาจารย์คะ ตอนนี้หนูเจอกับอะไรก็ไม่รู้ค่ะ ช่วยหนูทีนะคะ’ แล้วเราก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ท่าฟัง ว่าเราทำอาชีพจัดดอกไม้มาสักพักแล้ว แต่ไม่ได้เล่าเรื่องไปเก็บของเก่ามาใช้จัดดอกไม้เมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านฟังแล้วก็นิ่งอยู่พักหนึ่ง ท่านว่า ‘ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป ไม่มีอะไรมาโดยที่เราไม่ได้ทำ หรือไม่ได้นำพาเขาเข้ามาหรอก..’ พระอาจาย์ถามเราย้ำอีกว่า เราได้ทำอะไรที่แปลกไป หรือเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า? เรานี่อ๋อเลย เรารีบเล่าเรื่องนี้ที่เราซื้อของเก่ามาใช้ให้ท่านฟัง
พระอาจารย์ฟังแล้วถอนหายใจเลย ท่านบอกกับเราว่า ของพวกนี้มันก็เหมือนของโจร มันเป็นของที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต ญาตเขาจ่ายตังซื้อของใหม่ มันเป็นของใครของมัน แล้วแบบนี้ผีไม่เต็มบ้านรึ!? เราได้ฟังนี่ขนลุกเลย บีนี่นั่งเงียบอย่างเดียว เราถามว่า แล้วทีนี้หนูควรทำยังไง เอาไปเผาทิ้งได้ไหมคะ ตอนนี้เก็บไว้ที่หลังบ้านเต็มเลย พระอาจารย์บอกไม่ต้องไปเผา ให้เอาไปคืนที่เดิมที่เอามาก็พอ แล้วจุดธูปกลางแจ้ง 7 ดอก ให้ท่องว่า ‘ข้าพเจ้าชื่อ….. นามสกุล….. ข้าพเจ้าขอขมาในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำผิดพลาดพลั้งไป ผ่านพระแม่ธรณี ขอดินฟ้าอากาศจงรับรู้รับแจ้ง การใดต่อไปนี้ ช้าพเจ้าจะทำโดยไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ ถือความสุจริตเป็นที่ตั้ง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์…..’ ทำแค่นี้ แล้วเอาของทั้งหมดไปคืนที่เดิม แค่นี้ก็หมดเรื่อง เรากับบีสนทนากับพระอาจารย์อีกนิดหน่อย ก่อนจะลากลับ กะว่ากว่าจะถึงบ้านก็คงค่ำแล้ว เลยว่าจะนอนค้างที่บ้านบีก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปจัดการ แล้วเราก็กลับไปนอนหลับเหมือนตาย
ตอนเช้าบีติดคนไข้นัด เลยมากับเราไม่ได้ เราเลยต้องโทรชวนน้องนุ่นเข้าไปที่บ้าน ให้นุ่นไปเจอที่บ้านเลย เพราะเรานั่งแท๊กซี่มา พอเจอน้องนุ่น น้องถามว่า ‘พี่มีญาติอยู่ในบ้านเหรอ? หนูเห็นเดินอยู่ เรียกก็ไม่เปิด สงสัยเค้าไม่รู้จักหนูมั้ง’ เราก็ไม่ได้ตอบอะไรเพราะกลัวจะยาว เลยบอกนุ่นว่า วันนี้เราจะเก็บของไปคืนที่วัด น้องนุ่นโวยวายใหญ่เลย บอกอุตส่าห์ล้าง สัปเหร่อโทรตามเอาคืนเหรอพี่? เราก็ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่บอกว่า ให้รีบๆ เก็บเถอะ จะได้ไปกัน น้องมันคงเห็นเราเครียดๆ เลยไม่กล้าถามอะไรต่อ
วันนั้นเราไปไม่เจอสัปเหร่อคนเดิม แต่ก็เอาของไปเรียงไว้ข้างๆ เมรุ ที่เอามาตอนแรก และคิดในใจว่า ‘เราเอามาคืนแล้ว เราไม่เอาแล้ว’ เหตุการณ์นี้ทำเอาเราเข็ดไปตลอดชีวิตการทำดอกไม้เลย.. ปัจจุบัน เราทำงานโดยซื้อของใหม่หมด เริ่มปักเก่งขึ้น รู้เทคนิควิธีการ รู้จักตลาดดอกไม้กว้างขึ้น กำไรก็เลยเยอะขึ้นค่ะ ชีวิตโดยรวมดีขึ้นมาก น้องนุ่นก็ยังช่วยงานเราอยู่ เอาลูกมาเลี้ยงด้วย หลังจากนั้นมาก็ยังไม่เจออะไรจังๆ แบบนั้นอีกนะคะ มีเจอบ้าง แต่ไม่ชัดเท่าไหร่ กลิ่นบ้าง เสียงบ้าง แต่ไม่หนักค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ปล. เรื่องนี้เคยลงไว้ครั้งแรกในกลุ่ม TheHOUSE มาเป็นปีแล้วค่ะ
Story by Nuntha Antimanont