เรื่องนี้ส่งมาจากคุณอัมครับ คุณอัมเล่าว่า.. เป็นเรื่องของแม่เราค่ะ ตอนเรายังเล็กๆ อยู่ พ่อเราเปิดผับค่ะ ผับชื่อดังย่านแขวงการทางหัวหิน ช่วงเปิดผับแรกๆ พ่อกับแม่ได้เช่าบ้านไว้แถวๆ นั้น ลักษณะเป็นตึกแถว มี 2 ชั้น ชั้นล่างก็จะมีลานหน้าบ้านนิดหน่อย เข้าไปในบ้านก็จะเป็นห้องโถง เลยไปอีกหน่อยจะเป็นบันได แล้วก็พื้นที่หลังบ้านค่ะ ชั้น 2 จะมีห้อง 2 ห้อง พอขึ้นบันไดมาจะเจอห้องพระก่อน และถัดมาเป็นห้องนอนค่ะ
แม่เล่าให้ฟังว่า ตอนแม่ทำความสะอาดที่อื่นก็ปกตินะคะ แต่พอไปทำความสะอาดห้องนอน แม่บอกว่ามันมีตะปูตอกไว้อยู่ตรงพื้น ใกล้ๆ กับเตียง และมันจะมีคราบน้ำมันเกาะอยู่เป็นวงรอบๆ ตะปู แม่ถูเท่าไหร่ก็ถูไม่ออก เอาน้ำยามาเช็ดก็ไม่หายมันสักที ก็เลยปล่อยไว้อย่างนั้นไม่สนใจค่ะ..
ก็ใช้ชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆ ทำกิจกรรมในบ้านตามปกติ แต่แม่สังเกตว่า เมื่อไหร่ที่เป็นวันพระ คืนนั้นแม่จะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้บนหัวนอน ร้องแบบเหมือนจับกลุ่มกันมาร้องหลายๆ คน แรกๆ ก็กลัว แต่แม่ก็คิดเอาเองว่าคงเป็นเสียงแมวแถวนั้น ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร.. มีอยู่วันหนึ่ง แม่นั่งซักผ้าอยู่หน้าบ้านคนเดียว (วันนั้นแม่เอาเราไปอยู่กับตา) ขณะที่ซักผ้าอยู่นั้น แม่รู้สึกว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ตรงบันไดค่ะ แม่ลองมองด้วยหางตา ก็เห็นว่ามีคนแอบมองอยู่จริงๆ แต่จะเป็นใครได้ เพราะมีแม่อยู่บ้านคนเดียว แม่เลยตัดสินใจหันไปมอง เท่านั้นล่ะค่ะ ชัดเลย! แม่เห็นขาข้างเดียว ย้ำนะคะว่าข้างเดียว ขานั้นใส่ถุงเท้ารองเท้านักเรียน และกำลังกระโดดขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ แม่เห็นแบบนั้นรีบวิ่งออกจากบ้านไปหาพ่อที่ร้านเลยค่ะ
ทีนี้พอสืบไปสืบมา ก็ไปรู้จากคนแถวนั้นว่า เคยมีเด็กนักเรียนหญิงถูกฆ่าตายในตึกแถวห้องนั้น (บ้านเราเอง) แล้วเขาสะกดวิญญาณเอาไว้ไม่ให้ออกจากบ้านไปไหน โดยการตอกตะปูปลุกเสกไว้ที่พื้นในห้องนอนนั่นล่ะค่ะ.. แล้วเสียงเด็กๆ ที่ร้องไห้กันบนหัวนอนทุกๆ คืนวันพระ ก็ไม่น่าจะใช่แมว เพราะห้องที่อยู่ติดกันเขาเคยเปิดเป็นซ่องค่ะ แล้วสมัยนั้นผู้หญิงที่ขายบริการก็ท้องกันประจำ เจ้าของก็หาคนมาทำแท้งให้ผู้หญิงเหล่านั้นทุกๆ 3 เดือนค่ะ.. พอรู้เรื่องแบบนั้นแล้ว พ่อกับแม่เราก็ย้ายออกทันทีเลยค่ะ
Story by คุณอัม