เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องจากคุณเลิฟครับ คุณเลิฟเล่าว่า.. ช่วงนี้เห็นเด็กๆ กำลังสอบเก็บคะแนนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยกัน เค้าเรียกสอบอะไรคนรุ่นผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่สมัยที่ผมสอบคือสอบครั้งเดียว วัดกันไปเลย ใครได้ไม่ได้ พูดถึงตรงนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา เกือบจะลืมไปจากความทรงจำตามกาลเวลาเสียแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า..
ช่วงนั้นเป็นช่วงจะสอบเอ็นทรานซ์พอดี โรงเรียนปิดภาคเรียนไปแล้ว เด็กส่วนมากเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ หรือไม่ก็ไปเรียนกวดวิชากัน ผมเป็นคนนึงที่เลือกสนามสอบที่กรุงเทพฯ และไปเรียนกวดวิชาด้วย แต่การไปของผมครั้งนี้ ผมต้องไปพักกับพี่สาว ซึ่งพี่ผมเค้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งแถบชานเมือง ผมก็ต้องไปอยู่หอกับพี่สาว หอที่พี่สาวผมอยู่เป็นหอหญิงล้วน มีกฏห้ามผู้ชายเข้าพักเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง คือมาเยี่ยมได้แต่ห้ามนอนค้างคืน พี่สาวบอกว่า ที่หอนี้เข้มงวดมาก มีป้าเจ้าของหอที่แกจะคอยเฝ้ามองตลอด ห้องนอนแกจะอยู่ที่ชั้น 1 ติดๆ กับประตูเข้าออกเลย แกจะคอยสอดส่องดูแลคนในหอตลอด ทำตัวเหมือนกล้องวงจรปิด พี่สาวบอกผมว่า ถ้าผมมาอยู่ก็ห้ามออกจากห้อง ห้ามไปเดินเพ่นพ่าน หรือเดินลงไปข้างล่างเด็ดขาด เวลากลับเข้ามา ให้มาตอนค่ำๆ เลย 3 ทุ่มไปแล้วได้ยิ่งดี เพราะป้าแกจะนอนแล้ว ตอนเช้าถ้าจะออกไปเรียนกวดวิชา ก็ให้ตื่นตี 5 ลงไปห้ามเกินตี 5 ครึ่ง เพระป้าแกจะตื่นมาใส่บาตรทุกวัน ถ้าแกจับได้ว่าพาน้องชายมาพัก มีหวังพี่โดนไล่ออก เพราะเคยมีคนเคยทำแบบนี้แล้วโดนมาแล้ว ส่วนประตูรั้วไม่ต้องห่วง คนในหอเค้าปั๊มกุญแจผีไว้หมดแล้ว จะเข้าจะออกเวลาไหนก็ไขกุญแจเข้ามา ผมรับฟังข้อปฏิบัติจากพี่สาวเรียบร้อยก็พยักหน้ารับคำ
ชีวิตส่วนใหญ่ช่วงนั้นผมก็อยู่แต่ในห้อง อ่านหนังสือตำราไปเรื่อย หิวอะไรก็เปิดตู้เย็นมีเสบียงให้กินเพียบ พี่สาวเค้าซื้อใส่ไว้ให้ ส่วนตัวเค้าเองไม่ค่อยอยู่หอหรอกครับ เดี๋ยวไปค้างบ้านเพื่อน หรือไม่ก็ทำงานที่คณะ กินนอนอยู่ที่นั่น ผมเลยกลายเป็นเจ้าของห้องไปโดยปริยาย.. ผมเริ่มอยู่ที่หอมาได้หลายอาทิตย์ เริ่มชินกับการตื่นเช้ามืดไปเรียนกวดวิชา และกลับเข้าหอดึกๆ พอรู้จักพี่ๆ ผู้หญิงในหอบ้าง ซึ่งพวกเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร และเข้าใจดี ไม่มีใครไปฟ้องป้าเจ้าของหอ ชีวิตผมก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้นมาก ก็ขอจบเรื่องแต่เพียงเท่านี้ครับ 5555 ไม่ใช่! มีต่อครับ..
.
.
จะบอกว่า ไอ้ห้องที่ผมอยู่เนี้ยะ เมื่อก่อนมันมีประตูเปิดทะลุไปอีกห้องข้างๆ ได้ อาจคงเคยเป็นห้องนอนใหญ่ของป้าเจ้าของหอ สมัยที่แกยังเดินขึ้นบันไดไหว พอแก่ตัว แกเลยจัดการปิดตายประตูนี้ แล้วทำเป็น 2 ห้องแยกให้นักศึกษาเช่าเพื่อความคุ้มค่า แต่มันก็ยังเหลือสภาพบานประตูให้เห็น เพียงแต่มันเปิดไม่ได้เท่านั้น แล้วข้างห้องผมเนี่ย รู้สึกจะเป็นห้องของนักศึกษาทอมกับดี้ ผมเห็นเค้าเดินไปมาด้วยกันบ่อยๆ แสดงออกว่าเป็นแฟนกัน คนที่เป็นดี้หน้าตาสวยมาก เหมือนดาราเลย ส่วนคนเป็นทอมก็ปกติธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเด่น แต่สองคนนี้ทะเลาะกันบ่อยมาก คงจะเรื่องหึงหวง มีผู้ชายมาจีบดี้อะไรยังงั้น ผมได้ยินเค้าทะเลาะกันบ่อย พอจับใจความได้ บางทีทะเลาะกันแรง ขว้างข้าวของในห้อง เสียงแก้วแตก จานแตกก็มี หนักเข้าถึงขั้นทำร้ายกันก็มีมาแล้ว เคยครั้งนึง ผมกำลังจะหลับๆ ดึกแล้ว อยู่ดีๆ มีเสียงทุบประตูหน้าห้อง ‘ปังๆๆๆ’ รัวๆ พร้อมเสียงร้องไห้ แล้วพูด ‘ช่วยหนูด้วยๆ มันจะฆ่าหนู!’ ทำเอาตกอกตกใจหมด เธอไล่ทุบประตูไปแทบทุกห้อง ผมมองลอดตาแมวที่ประตูไปดู เห็นเธอวิ่งพล่านไปทั้งชั้น แล้วทอมก็เดินมาจิกผมเธอลากกลับเข้าห้องไป แรกๆ ผมก็ตกใจ พอเจอพี่สาวก็เล่าให้ฟัง พี่บอก มันเป็นยังงี้แหละ เค้าชินกันหมดแล้ว พอเวลามันดีกันก็หวานแหววแบบไม่สนใจใคร พอตีกันก็ร้องโวยวายขอความช่วยเหลือ เค้าชินกันหมดไม่ต้องสนใจ เอาสำลีอุดหูไว้ เวลามันตีกัน ผมก็พยักหน้าเข้าใจ..
ผมก็ยังคงตั้งใจอ่านหนังสือมาเรื่อยๆ จนถึงวันสอบ ก็ไปสอบจนเสร็จเรียบร้อย รู้สึกโล่งใจ เลยคิดว่าวันนี้กลับหอดึกหน่อยก็ได้ ไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ห้างคลายเครียดดีกว่า ว่าแล้วผมก็ไปเดินเที่ยวห้างถึง 3 ห้างในวันเดียว จนลืมดูเวลาห้างปิด ผมรีบขึ้นรถเมล์กลับหอ แต่ด้วยความเหนื่อยล้า ผมเลยเผลอหลับบนรถจนเลยป้ายที่เคยลงประจำ ตื่นมาอีกที รีบกดกริ่งลง งงไปหมด ที่นี่มันส่วนไหนวะเนี่ย? มองไปทางไหนก็มืดไปหมด มีแต่แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าข้างทาง ที่มหาวิทยาลัยนี้ย้อนหลังไป 20 กว่าปี มันยังไม่เจริญ นานๆ จะมีรถผ่านมาสักคัน รอบตัวมีแต่ทุ่งแต่ป่า พยายามรวบรวมความคิด มองไปรอบๆ ก็เห็นป้ายบอกชื่อมหาวิทยาลัย อ้อ นี่คงเป็นด้านหลังมหาวิทยาลัยแน่ๆ ก็ยังดีที่ไม่หลงเลยไปไกลกว่านี้ ยังไงก็อยู่ในเขตมหาวิทยาลัย เดินๆ ไปเดี๋ยวก็คงถึงหอเอง ผมก็เดินเข้ามาทางด้านหลังมหาวิทยาลัย เดินไปตามถนนแคบๆ เรื่อยๆ ทางก็เปลี่ยว ไม่มีรถผ่านไปมา จะหาวินมอเตอร์ไซค์ก็ยังยาก เดินมาจนเหนื่อย เริ่มเห็นแสงไฟกระจุกใหญ่สว่างไสวอยู่ไกลๆ ใช่แล้ว นั่นคงเป็นกลุ่มตึกหอพักแน่ๆ เดินมาถูกทางละ ค่อยยังชั่ว เดินไปเรื่อยๆ ละกัน
เดินมาอีกพักใหญ่ ผมก็เห็นพี่วินมอเตอร์ไซค์ใส่เสื้อกั๊กสีแดงนั่งคร่อมรถอยู่ จำได้ว่าเป็นวินของมหาวิทยาลัยนี่ล่ะ โชคดีจัง ไม่ต้องเดินเหนื่อยแล้ว ไวเท่าความคิด ผมรีบซอยเท้าเข้าไปหาพี่วินทันที พร้อมเอ่ยปากถามแก ‘พี่ๆ ไปส่งที่หอพักนักศึกษาหน่อย พี่คิดเท่าไร?’ พี่วินเงยหน้าขึ้นมา แกเป็นชายวัยกลางคน อายุน่าจะราวๆ 40 กลางๆ ได้ หน้าตาเรียบร้อย ไม่ได้น่ากลัวอะไร แกตอบผมว่า ‘รถน้ำมันหมดน่ะ รอเพื่อนไปซื้อนานแล้ว ไม่กลับมาสักที คงไปส่งไม่ได้ครับ’ ผมก็พยักหน้าตอบไป ครับๆ ไม่เป็นไร ว่าแต่.. ทางไปหอพักผมเดินไปทางนี้ถูกแล้วใช่ไหมครับ? พี่วินพยักหน้าตอบ ผมเลยเดินจากออกมา แต่แล้วก็มีเสียงไล่หลังมาว่า ‘เออน้องๆ พี่ไปด้วยดีกว่า ไม่รอเพื่อนแล้ว พี่จะเข็นรถไปเติมน้ำมันแถวๆ หอพัก แล้วจะขี่กลับบ้านแล้ว’ ผมก็พยักหน้า ได้ๆ พี่ เดี๋ยวผมช่วยเข็น ว่าแล้วพี่วินก็จูงรถไป มีผมเข็นท้ายให้จะได้ไม่เหนื่อยแรงมาก แกก็ขอบใจผมแล้วชวนคุยสรรพเหระไปเรื่อย ผมก็จำไม่ได้ว่าคุยอะไรไปบ้าง เพลินจนมารู้ตัวอีกที พี่วินก็บอก ‘นั่นไง หอพักนักศึกษา ถึงแล้ว..’ ผมก็ดีใจที่ถึงสักที เลยบอกลาแกขอตัวเข้าหอ ส่วนพี่วินก็เข็นรถไปคนเดียว คงจะไปหาที่เติมน้ำมันเอาข้างหน้า
คืนนั้นกลับเข้าห้องผมก็หลับเป็นตายด้วยความอ่อนเพลีย กำลังหลับๆ ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงคู่รักทอมดี้ทะเลาะกันอีกแล้ว มองนาฬิกา ตี 3 คิดด่าในใจ มึงจะมาทะเลาะอะไรกันดึกๆ ดื่นๆ วะ!? แล้วก็เข้าฟอร์มเดิม ดี้วิ่งออกมาจากห้อง ไล่ทุบประตูชาวบ้านขอให้ช่วยอีกแล้ว แต่ก็ไม่มีห้องไหนเปิดประตูหรือด่าออกมาสักห้อง จนเสียงเงียบไปเอง ผมกำลังจะหลับตานอนต่อ เคลิ้มๆ เอาอีกแล้ว! ทีนี้มันดังมาจากประตูเชื่อมในห้อง ที่ผมบอกว่ามันปิดตายไว้ เสียงทุบๆๆ ไม่หยุดเลย รวมทั้งเสียงร้องกรี๊ดๆๆ อย่างกับหมูถูกเชือด ทุบอยู่นาน จนผมทนไม่ไหว เดินไปที่ประตูบานนั้นแล้วเอามือตบกลับไปบ้าง แล้วบอกว่า ‘ช่วยเงียบหน่อย คนจะนอน!’ ได้ผลครับ เสียงเงียบไปทันที ให้มันรู้ซะบ้าง แล้วผมก็เดินกลับมานอนต่อ ทีนี้จากเสียงทุบกลายเป็นเสียงเหมือนเอาเล็บขูดประตูไม้ดัง ‘แกร่กๆๆๆๆ’ อยู่แบบนี้ สร้างความรำคาญมาก จนผมต้องเอาหูฟังเสียบ แล้วเปิดเพลงถึงนอนหลับไปได้
เช้าอีกวัน ตื่นมาด้วยความงัวเงีย เสียงต่างๆ เงียบลงไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ จัดแจงอาบน้ำแต่งตัว กะว่าวันนี้จะไปเดินเล่นในเมืองอีกวัน ฆ่าเวลาก่อนกลับบ้านไปรอลุ้นผลสอบ ผมค่อยๆ ย่องลงมา เพื่อจะหลบป้ามหาภัยออกไป กำลังจะก้าวลงมาข้างล่าง ก็เห็นป้าเจ้าของหอกำลังยืนคุยกับตำรวจ 2 คนที่บันไดชั้นล่าง เรื่องอะไรไม่รู้ ดูจากอาการป้าแกทำไม้ทำมือชี้นั่นนี่แล้ว ท่าทางแกจะตื่นเต้นไม่เบา แล้วตำรวจ 2 คนก็พากันเดินเข้ามากับป้า กำลังจะขึ้นบันไดมา ผมรีบวิ่งขึ้นไปหลบตรงบันไดหนีไฟ รอป้ากับตำรวจขึ้นไปแล้วผมค่อยเดินลงมาออกจากหอไป ไม่ได้คิดไรมาก คิดว่าสงสัยของหายในหอ มีคนแจ้งความ ตำรวจเลยมาดูที่เกิดเหตุ สอบปากคำผู้เสียหายอะไรงั้น..
ผมเดินเที่ยวในเมืองจนถึงค่ำ พอกลับหอไขกุญแจห้องเข้ามา ก็เห็นพี่สาวนั่งหน้าตาตื่นอยู่ในห้องแล้ว แปลกแหะ? วันนี้กลับมาห้องได้ ผมคิดในใจ แล้วถาม ‘ทำไมวันนี้กลับห้องล่ะ?’ พี่สาวรีบบอก ‘ก็ห่วงแกนั่นแหละ เลยมาดู..’ ผมก็ถาม ‘ห่วงอะไร ไม่มีอะไรสบายดี!’ พี่รีบเล่าต่อ ‘แกไม่รู้เหรอ เมื่อวานตอนเที่ยงๆ ข้างห้องเรา ทอมมันแทงเมียมันตาย’ ผมก็แบบ ห๊ะ! อะไรนะ? ผมรีบบอก ‘ไม่จิงมั้ง เมื่อคืนยังได้ยินเสียงทะเลาะกันอยู่เลย ทุบประตู ปังๆ เกาประตูแกร๊กๆๆ เอาซะไม่ได้หลับได้นอน’ พี่สาวผมยิ่งหน้าซีดลงไปอีกทีนี้ บอกว่า ‘แกเจอผีแล้วล่ะ! เมื่อวานคนในหอเค้ารู้กันทั้งนั้น คู่นี้เค้าทะเลาะกันตั้งแต่เช้า พอช่วงเที่ยงทอมมันก็ออกไป สักพักคนที่ดี้ก็คลานออกมาจากห้อง มาร้องเรียกให้คนช่วย เค้าโดนทอมแทงที่หลัง มีดยังปักคาอยู่เลยนะ แต่ไม่มีเลือดออก เลือดคงตกใน จนมีคนเปิดประตูมาเห็น เลยรีบช่วยกันพาส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่รอด เค้าว่าน่าจะขาดใจตายตั้งแต่ตรงแถวหน้าห้องนั่นล่ะ..’ ทีนี้ผมตกใจหนักเลย ..แล้วไอ้เสียงที่ผมได้ยินเมื่อคืนล่ะ มันคืออะไร?
พี่สาวถามผมต่อ ‘แล้วเมื่อวานกลับเข้ามาไม่มีใครเล่าให้ฟังเหรอ?’ ผมก็บอกผมกลับมาดึกมากแล้ว พอดีหลับจนเลยป้ายรถเมล์ ต้องเดินจากหลังมหาวิทยาลัยเข้ามา เจอวินมอเตอร์ไซค์ด้วยนะ แต่เสือกน้ำมันหมดซะงั้น เลยช่วยเค้าเข็นรถมาด้วย เล่าถึงตรงนี้พี่สาวรีบยกมือ แล้วบอก ‘เดี๋ยวๆๆ เล่าอีกทีซิ วินมอเตอร์ไซค์ไหน?’ ผมบอก หลังมหาวิทยาลัยไง เสื้อวินสีแดง ข้างหลังปักชื่อมหาวิทยาลัยอะ พี่สาวผมหน้าเหวอเลยคราวนี้ แกบอก พรุ่งนี้ไปวัดกันเราอะ ไปรดน้ำมนต์ ผมถาม ทำไมล่ะ? พี่บอก ‘แกโดนสองเด้งในคืนเดียวเลย! หลังมหาวิทยาลัยน่ะ เมื่อก่อนมีวินจริง ชื่อวินแดง เพราะเค้าใส่เสื้อแดงกันทั้งวิน แต่ตั้งแต่มีเรื่องโจรจี้ชิงรถวินตอนกลางคืนแล้วฆ่าปาดคอ เอาศพไปหมกไว้ที่พงหญ้าข้างๆ บ่อบำบัด วินนั้นก็เลิกเลย ผ่านมาเป็นปีแล้ว ตอนนี้เหลือแต่วินหน้ามหาวิทยาลัย เสื้อสีส้ม..’ ผมฟังมาถึงตอนนี้ ช็อคสิครับ!! อะไรจะซวยขนาดนั้น คืนเดียวเจอ 2 ผีเลย!
รุ่งขึ้นพี่สาวก็พาผมไปรดน้ำมนต์ที่วัด เล่าให้พระท่านฟังพระท่านบอก เจอผีจะมีลาภนะโยม แล้วก็มีลาภจริงๆ ผลประกาศสอบเอ็นฯ ออกมา ปรากฏผมสอบติดมหาวิทยาลัยที่เลือกไว้ เวลาผ่านไปพี่สาวผมก็ย้ายออกจากหอนั้นไปเช่าที่อื่นอยู่แทน ส่วนผมกลับมาบ้านรอเตรียมตัวเปิดเทอมเข้ามหาวิทยาลัย.. อ่อ พี่สาวยังเล่าเพิ่มอีกนะว่า หลังจากวันนั้น ก็ยังมีคนเห็น ผีดี้ บ่อยๆ บางทีเห็นคลานมากับพื้นบ้าง ไถลตัวลงจากบันไดเหมือนงูเลื้อยบ้าง วิ่งไปไล่ทุบประตูห้องชาวบ้านบ้าง ส่วนพี่สาวก็เคยได้ยินเสียงเกาประตูเชื่อม ‘แกร่กๆๆ’ แบบที่ผมเคยได้ยินในคืนนั้นเหมือนกัน พี่เดาว่า ดี้คนนั้นหลังจากโดนแทงคงไม่ไหว พยายามพยุงตัวขึ้นมาขอความช่วยเหลือ โดยเอาเล็บขูดประตู ค่อยๆ คลานลุกออกมา แต่ก็มาขาดใจตายหน้าห้องแน่ๆ ..เรื่องราวก็มีเท่านี้ครับ หวังว่าคงหลอนพอได้นะครับ อ่านดูอาจไม่น่ากลัว แต่ถ้าเจอเองผมบอกเลย สยองสุดครับ!
Story by คุณเลิฟ